บุกยึดรัฐสภาสหรัฐ ไม่ต้องกลัวประชาธิปไตยล่ม ขนาดยุคสงครามกลางเมืองยังเลือกตั้งได้

บุกยึดรัฐสภาสหรัฐ ไม่ต้องกลัวประชาธิปไตยล่ม ขนาดยุคสงครามกลางเมืองยังเลือกตั้งได้

บุกยึดรัฐสภาสหรัฐ ไม่ต้องกลัวประชาธิปไตยล่ม ขนาดยุคสงครามกลางเมืองยังเลือกตั้งได้
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เป็นปกติธรรมดาในการเลือกตั้งประธานาธิบดีแห่งสหรัฐ ที่มักจะมีปัญหาการต่อสู้รณรงค์กันอย่างถึงพริกถึงขิงขนาดมีการปะทะกันถึงเลือดตกยางออกและถึงตายก็มี ยกเว้นการเลือกตั้งประธานาธิบดี 2 ครั้งแรก เนื่องจากนายพลจอร์จ วอชิงตันได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีโดยเอกฉันท์และการเลือกตั้งประธานาธิบดีคนที่ 5 คือเจมส์ มอนโร 2 สมัยที่เป็นไปโดยสมานฉันท์แบบว่าไม่มีคู่แข่งนั่นเอง

แต่ไม่มีครั้งใดในประวัติศาสตร์ที่จะละม้ายคล้ายคลึงกับวันที่ 6 ม.ค. ที่เพิ่งผ่านมานี้ที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์พยายามปลุกกระแสขวาจัด และทำให้คนในสังคมอเมริกันส่วนหนึ่งเชื่อว่า ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐในเดือน พ.ย. ที่ผ่านมาแล้วนั้น เป็นการเลือกตั้งที่สกปรกมีการโกงการเลือกตั้งอย่างโจ๋งครึ่ม (โดยไม่มีหลักฐานอ้างอิงที่เชื่อถือได้เลย)

ดังนั้นประธานาธิบดีทรัมป์ยังได้เชิญชวนบรรดาผู้สนับสนุนตัวประธานาธิบดีทรัมป์เองทั่วประเทศให้เดินทางมาคัดค้านการประชุมรัฐสภาที่จะรับรองผลการเลือกตั้งว่าที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดนอย่างเป็นทางการที่เกิดขึ้นในวันพุธที่ 6 ม.ค. ที่ผ่านมานั่นเอง

เมื่อฝูงชนผู้สนับสนุนประธานาธิบดีทรัมป์มารวมตัวกันที่อุทยานเนชันแนล มอลล์ กลางกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ราวเที่ยงวัน ประธานาธิบดีทรัมป์เปิดปราศรัยกับฝูงชนที่โดยกล่าวหาว่ามีการโกงการเลือกตั้งอย่างมโหฬาร ซึ่งตัวประธานาธิบดีทรัมป์นั้นชนะอย่างท่วมท้น พร้อมประกาศว่า "เราจะไม่ยอมแพ้" แล้วก็ยุยงให้ฝูงชนเดินขบวนไปยังรัฐสภาเพื่อต่อต้านขัดขวางกระบวนการการรับรองผลการเลือกตั้งว่าที่ประธานาธิบดีโจ ไบเดน อย่างเป็นทางการที่รัฐสภาสหรัฐ

ราวบ่าย 2 โมง ม็อบผู้ถูกยุยงจากประธานาธิบดีทรัมป์จำนวนมากรวมตัวที่บริเวณบันไดฝั่งตะวันออกของอาคารรัฐสภา และเริ่มผลักดันแนวกั้นและเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชนเพื่อบุกเข้าไปภายในอาคาร จนเกิดการปะทะกับตำรวจควบคุมฝูงชนซึ่งใช้สเปรย์พริกไทยและยิงแก๊สน้ำตาเพื่อสกัดกั้นผู้ชุมนุม

ทางตำรวจรายงานว่าว่าม็อบบางส่วนสวมชุดป้องกันตัวอย่างดีได้ใช้สารเคมีที่ทำให้ระคายเคืองพ่นใส่เจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นการตอบโต้ จนกระทั่งราวบ่าย 3 โมงมีฝูงชนผู้บางส่วนเข้าไปในอาคารได้สำเร็จและสาราถยึดรัฐสภาไว้ได้สำเร็จ โดยมีคนหนึ่งได้ขึ้นไปบนบัลลังก์วุฒิสภาและตะโกน "ทรัมป์ชนะเลือกตั้ง" และอีกกลุ่มหนึ่งเข้าไปยึดห้องทำงานของนางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ แบบว่ายึดได้ทั้ง 2 สภาเลยทีเดียว

จนกระทั่งราวเกือบ 6 โมงเย็นตำรวจและหน่วยทหารอาสาสมัครประจำกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. จึงสามามรถยึดรัฐสภาสหรัฐกลับคืนมาได้ และนายกเทศมนตรีกรุงวอชิงตัน ดีซี ประกาศเคอร์ฟิว โดยมีผลตั้งแต่เวลา 6 โมงเย็นของวันพุธที่ 6 ม.ค. ถึง 6 โมงเช้าของวันพฤหัสบดีที่ 7 ม.ค.

ปรากฏว่าตำรวจได้จับผู้ก่อการจลาจลได้อย่างน้อย 79 คนซึ่งเดินทางมาจาก 20 มลรัฐ ยึดปืนพกและปืนยาวได้ 5 กระบอก รวมมีผู้เสียชีวิต 4 คนจากการปะทะกันที่รัฐสภาสหรัฐ

ครับ! ประธานาธิบดีทรัมป์ถูกลงโทษจากบรรดาสื่อยักษ์ใหญ่ของโซเชียลมีเดีย คือเฟซบุ๊ก อินสตาแกรม ยูทูบ และทวิตเตอร์ โดยพร้อมเพรียงกันโดยทวิตเตอร์ได้ล็อกบัญชีใช้งานของประธานาธิบดีทรัมป์ เป็นเวลา 12 ชั่วโมง และลบข้อความที่ทรัมป์ทวีตจำนวน 3 ข้อความ เนื่องจากเป็นการละเมิดนโยบายของทวิตเตอร์อย่างรุนแรง

สำหรับอินสตาแกรมได้ประกาศล็อกบัญชีของทรัมป์เป็นเวลา 24 ชั่วโมง ส่วนเฟซบุ๊ก และยูทูบที่นำวิดีโอ การปราศรัยของทรัมป์ออกจากแพลตฟอร์ม โดยเฟซบุ๊กให้เหตุผลว่า ทรัมป์กล่าวข้อมูลเท็จเกี่ยวกับการทุจริตการเลือกตั้งซ้ำๆ จึงมีความจำเป็นต้องนำคลิปวิดีโอออก เพื่อลดความเสี่ยงในการก่อให้เกิดความรุนแรง

ส่วนท่านที่เป็นห่วงกังวลว่าระบอบประชาธิปไตยของสหรัฐอเมริกาจะล่มสลายเนื่องจากเหตุการณ์นี้นั้นขอเรียนว่าไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงเป็นใยอะไรให้มากเรื่อง เพราะว่าการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐนั้นผ่านการทดสอบมาแล้วกว่า 2 ศตวรรษว่าทุก 4 ปีต้องมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีครั้งหนึ่ง

แม้ว่าจะมีวิกฤตการณ์ขนาดกำลังทำสงครามกลางเมืองกันอยู่ ก็ยังมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ไม่มีพลาด และการเลือกตั้งประธานาธิบดีแทบทุกครั้งยกเว้น 4 ครั้งที่กล่าวมาแล้วข้างต้นก็มีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกันอย่างหนักแทบทุกครั้ง แต่ในที่สุดก็สามารถผ่านพ้นไปได้ด้วยดีเสมอมา

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook