สธ.ปิ๊งไอเดีย "โรงแรมช่วยชาติ" เปลี่ยนโรงแรมรองรับผู้ป่วยโควิด-19 อาการไม่หนัก

วันที่ 17 มี.ค. 2563 นายสาธิต ปิตุเตชะ รมช.สาธารณสุข กล่าวถึงมาตรการ ป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด - 19 ว่า ได้ประสานให้โรงพยาบาลเอกชน รับรักษาผู้ป่วยติดเชื้อจนหาย ไม่ต้องส่งมา โรงพยาบาลรัฐ ดังนั้นจึงจะต้องเตรียมความพร้อมเรื่องห้องผู้ป่วยหนัก และสถานที่ให้พร้อม รวมไปถึงโรงพยาบาลสนาม ในกรณีที่มีผู้ป่วยฉุกเฉินเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ต้องเตรียมเครื่องมือและบุคลากรทั้งหมดให้พร้อม แต่ย้ำว่าผู้ป่วยที่ติดเชื้อโควิด-19 ร้อยละ 80 มีอาการไม่รุนแรง ส่วนผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงก็ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายและโรคประจำตัว มีอัตราการตายไม่ถึงร้อยละ 2 

นายสาธิต ยังเปิดเผยด้วยว่ารัฐบาลมีโครงการโรงแรมช่วยชาติ โดยจะเปิดรับสมัครโรงแรมที่ มีผลประกอบการไม่ดีในช่วงนี้ สามารถสมัครมาทางกระทรวงสาธารณสุขเพื่อใช้เป็นสถานรักษาผู้ป่วยที่อาการไม่หนัก โดยกระทรวงสาธารณสุขจะเตรียมห้องให้เหมาะสมกับการรักษาผู้ป่วย ขณะเดียวกันจะเบิกงบกลางจ่ายค่าห้องพักให้กับทางโรงแรมด้วย ซึ่งผู้ประกอบการก็จะมีรายได้ด้วย ซึ่งทางกระทรวงได้เตรียมพื้นที่สำหรับรองรับผู้ป่วยที่มีอาการไม่รุนแรงเรียบร้อยแล้ว ประมาณพันกว่าเตียง และต้องการห้องพักในโรงแรมไว้สำรองอีกราว 2,000 ห้อง เพื่อรองรับผู้ป่วยที่อาการไม่รุนแรง แต่ไม่รวมบุคคลที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงที่ต้องได้รับการกักตัว หรือผู้ที่อยู่ระหว่างรอผลตรวจ พร้อมย้ำว่าไม่เกี่ยวกับผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง จะต้องได้รับการรักษาที่โรงพยาบาลเท่านั้น

ทั้งนี้คาดว่าอาจจะมีผู้ต่อต้านจากโครงการนี้ แต่รัฐบาลอยากทำความเข้าใจว่า ถึงเวลาที่จะต้องช่วยกันแล้ว ส่วนกรณีที่มีประชาชนต่อต้านการนำโรงพยาบาลใกล้บ้านรองรับผู้ป่วยติดเชื้อโควิด-19 ย้ำว่าประชาชนต้องทำความเข้าใจ หากไม่นำผู้ป่วยมาเข้ารับการรักษา ตัวเลขการรักษาก็จะกระจายและกลับไปหาทุกคนเหมือนเดิม เหมือนการปัดขยะออกจากตนเองสุดท้ายก็กลับเข้าหาตัวอยู่ดี

อย่างไรก็ตามโรงพยาบาลทั้งหมดสามารถรองรับผู้ป่วยได้ประมาณ 1 หมื่นคน แต่หากรัฐบาลสามารถควบคุมไม่ให้มีการติดเชื้อแบบก้าวกระโดด ก็เชื่อว่าจะสามารถจัดการได้ ทั้งนี้ตนขอความร่วมมือกับประชาชน หากมีอาการป่วยหรือติดเชื้อขอให้กักตัวอยู่บ้าน เพื่อไม่ให้แพร่เชื้อและเพิ่มอัตราผู้ป่วย

ส่วนค่าตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 ตามมาตราการของกระทรวงสาธารณสุข ผู้ที่มีโอกาสเสี่ยงจะตรวจหาเชื้อได้ฟรี ซึ่งเจ้าหน้าที่จะเป็นผู้วินิจฉัย เพราะจะให้คนหลายสิบล้านคนไปตรวจจะเกิดผลเสียคือ ระหว่างรอผลตรวจประมาณ 1 วัน ผู้ตรวจก็จะเสียสุขภาพจิต อีกทั้งจะทำให้ผู้ป่วยจริง ต้องรอนานขึ้น และระหว่างรอก็จะเสี่ยงติดเชื้อ ดังนั้นจะเกิดปัญหาในระบบและงบประมาณในการจัดการระบาดวิทยา อย่างไรก็ตาม ค่าตรวจหาเชื้อไวรัสในโรงพยาบาลจะอยู่ที่ 1,500-2,000 บาท ส่วนโรงพยาบาลเอกชน ได้มีการเรียกประชุมและขอความร่วมมือให้ลดค่าบริการให้เหลือไม่เกิน 5,000 บาท แต่ทั้งนี้รัฐบาลไม่สามารถบังคับได้ เรื่องจากแต่ละโรงพยาบาลมีค่าใช้จ่ายที่ต่างกัน

ทั้งนี้นายสาธิตย้ำว่า ผู้ที่ไม่มีความเสี่ยงในการติดโรค ก็ไม่ต้องไปตรวจหาเชื้อ เพราะจะทำให้ผู้ป่วยจริงเสียสิทธิ 

ส่วนมาตราการปิดผับและสถานบันเทิง นายสาธิตเปิดเผยว่าจะดำเนินการอย่างเข้มข้นในพื้นที่กรุงเทพฯ โดยปิด 14 วัน เริ่มตั้งแต่พรุ่งนี้ (18 มี.ค.) ส่วนต่างจังหวัดขึ้นอยู่กับคณะกรรมการควบคุมโรคจังหวัด พร้อมย้ำว่าไม่มีการปิดกรุงเทพฯ แต่จะใช้มาตราการที่เข้มข้น ที่จะไม่ให้มีการชุมนุมกันในโรงเรียน มหาวิทยาลัย สถานบริการ เป็นต้น