เจ้าอาวาสคลิปนัวเนียหลานสาว ถูกลงโทษสถานเบา 20 วัน ความผิดไม่ถึงปาราชิก

ความคืบหน้าการสอบสวนความผิดของพระอธิการกฤษดา คุตตะธัมโม เจ้าอาวาสวัดศรีปันเงิน ต.ยุหว่า อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ หลังมีคลิปเผยพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม ถูกเนื้อต้องตัวและโอบกอดเด็กสาวที่อ้างเป็นหลานสาวถูกเผยแพร่ ตั้งแต่วันที่ 28 พ.ย. ที่ผ่านมา 

>> เจ้าอาวาสคลิปนัวเนียเด็กสาว อ้างเป็นหลานแท้ๆ แตะเนื้อต้องตัวด้วยความบริสุทธิ์ใจ

ล่าสุด นายธีระพงษ์  อินทร์พันธุ์  ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเชียงใหม่ เปิดเผยว่า ผลการสอบสวนของคณะสงฆ์อำเภอสันป่าตอง ได้ข้อสรุปแล้วว่าพระครูกฤษดามีความผิดกรณีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมจริง แต่ทางคณะสงฆ์เห็นว่าเป็นความผิดที่ไม่ถึงขั้นปาราชิก จึงมีคำสั่งให้ไปปริวาสกรรม หรือ การชำระศีลของตนเองให้บริสุทธิ์ เป็นเวลา 20 วัน

ส่วนประเด็นการโอนเงินและบ้านพักของเด็กสาวที่ถูกตั้งข้อสงสัยว่าจะนำเงินวัดไปใช้จ่าย มีการสอบบัญชีของทางวัดแล้ว ไม่พบว่ามีการนำเงินของวัดไปใช้ส่วนตัวแต่อย่างใด

อย่างไรก็ตามผลสรุปของการสอบสวน ยังไม่มีหนังสืออย่างเป็นทางการส่งมาถึงสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเชียงใหม่แต่อย่างใด ซึ่งกระบวนการทั้งหมดเป็นเรื่องภายในของคณะสงฆ์

ขณะที่เจ้าหน้าที่จากสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดเชียงใหม่ เผยหลังลงพื้นที่ตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณีเด็กสาวในคลิป ว่า จากการตรวจสอบข้อมูลทางทะเบียนราษฎร์และพูดคุยกับเด็กสาวคนดังกล่าว ทราบว่ามีอายุ 15 ปี และยืนยันว่าเป็นหลานสาวแท้ๆ ของพระครูกฤษดา ส่วนเด็กสาวคนอื่นๆ เจ้าหน้าที่ไม่พบตัว และ หลานสาวของพระครูกฤษดาก็ไม่ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับเด็กสาวคนอื่นๆ  บอกเพียงแต่ว่าอยู่บ้านหลังดังกล่าวเพียงคนเดียว

ส่วนภาพในคลิปที่มีการลูบศีรษะ เด็กสาวคนนี้บอกว่าเป็นการลูบหัวแบบกึ่งลูบกึ่งตบเพื่อตักเตือนสั่งสอนเท่านั้น และ ไม่มีอะไรเกินเลยไปมากกว่านี้ ซึ่งข้อมูลและหลักฐานทั้งหมดทำให้ พม.ไม่สามารถใช้กฎหมายคุ้มครองเด็กเอาผิดกับเจ้าอาวาสได้ 

มีรายงานว่าพระครูกฤษดาได้เดินทางออกจากวัดไปทำปริวาสกรรมที่วัดแห่งหนึ่งในอำเภอดอยหล่อ จังหวัดเชียงใหม่ เมื่อ 3 วันก่อนแล้ว หลังจากนั้นจะกลับมาเป็นเจ้าอาวาสเหมือนเดิม ส่วนบ้านพักที่เปิดให้เด็กสาวได้พักอาศัย พบว่าปิดเงียบมาตั้งแต่ตกเป็นข่าว

ขณะที่แหล่งข่าวผู้เปิดเผยคลิปและให้ข้อมูลกับสื่อมวลชน บอกว่า รู้สึกผิดหวังกับผลการสอบสวนและบทลงโทษ โดยบอกว่า หลักฐานที่ปรากฏมีความชัดเจนในเจตนาของเจ้าอาวาส บทลงโทษสถานเบา จะกลายเป็นบรรทัดฐานให้ภิกษุสงฆ์ได้เอาอย่าง สร้างความมัวหมองให้กับพุทธศาสนาอีก