เก๋งปริศนาจอดซอยเปลี่ยว 2 วัน ที่แท้หนุ่มระดับผู้บริหาร จุดเตารมควันฆ่าตัวตาย

เก๋งปริศนาจอดซอยเปลี่ยว 2 วัน ที่แท้หนุ่มระดับผู้บริหาร จุดเตารมควันฆ่าตัวตาย

เก๋งปริศนาจอดซอยเปลี่ยว 2 วัน ที่แท้หนุ่มระดับผู้บริหาร จุดเตารมควันฆ่าตัวตาย
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

(24 ส.ค.62) เมื่อเวลา 03.00 น. ร.ต.อ.สุธาดา  ศรีสุวงศ์ รองสารวัตรสอบสวน สภ.บางปู สมุทรปราการ ได้รับแจ้งมีชายจุดเตาถ่านรมควันตัวเองเสียชีวิตอยู่ภายในรถยนต์เก๋งที่จอดอยู่ภายในซอยข้างสถานพยาบาลเมืองสมุทรบางปู หมู่ 6 ต.บางปูใหม่ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ หลังรับแจ้งจึงพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวน แพทย์เวรโรงพยาบาลสมุทรปราการ และมูลนิธิร่วมกุศลสมุทรปราการ เดินทางเข้าตรวจสอบ

ในที่เกิดเหตุพบรถยนต์เก๋งยี่ห้อฮอนด้า ซิตี้ สีบรอนซ์เงิน จอดดับเครื่องยนต์อยู่ภายในซอยดังกล่าว จากการตรวจสอบภายในรถพบร่างของ นายสุทธิเกียรติ อายุ 34 ปี  ซึ่งทำงานเป็นผู้บริหารของบริษัทน้ำมันแห่งหนึ่ง นอนเสียชีวิตอยู่ที่เบาะนั่งข้างคนขับในลักษณ์ปรับเบาะเอนนอนไปทางด้านหลัง  ที่วางเท้าภายในรถหลังเบาะนั่งด้านหน้าข้างซ้ายได้พบเตาถ่านมาจุดไฟและถ่านมอดหมดแล้ววางอยู่ที่พื้นวางเท้าภายในรถ ภายในรถยังมีกลิ่นควันไฟฟุ้งกระจายอยู่ ตรวจสอบตามร่างกายไม่พบร่องรอยหรือบาดแผลการถูกทำร้ายแต่อย่างใด  คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 3 วัน

จากการสอบถาม รปภ.ของโรงงานที่อยู่ใกล้เคียงที่เกิดเหตุ ได้เล่าว่า ได้พบเห็นรถเก๋งคันดังกล่าวขับเข้ามาจอดอยู่ที่ลานดินเมื่อ 2 วันที่ผ่านมา โดยไม่ขยับไปไหน จนกระทั่งเมื่อกลางดึกของวันนี้ ด้วยความสงสัยตนจึงตัดสินใจเดินเข้าไปดู ได้พบเห็นชายคนดังกล่าวนอนอยู่ที่เบาะหน้าด้านคนขับ ลักษณ์ปรับนอนไปทางด้านหลัง โดยที่ดับเครื่องยนต์เอาไว้ ด้วยเกรงว่าจะเกดเหตุร้ายตนจึงได้เคาะกระจกประตูรถเรียกชายคนดังกล่าวอยู่นานแต่ก็ไม่มีเสียงตอบ โดยชายคนดังกล่าวยังคงนอนนิ่งอยู่บนเบาะนั่ง  จึงรีบโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบดังกล่าว

เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สันนิฐานว่าชายคนดังกล่าวตั้งใจที่จะมารมควันฆ่าตัวตาย ซึ่งคาดว่าน่าจะมีปัญหาเรื่องส่วนตัว จึงได้เตรียมการมาอย่างดีโดยเอาเตาถ่านมาตั้งไว้ที่พื้นรถด้านหลัง และขับรถเข้ามาจอดภายในซอยดังกล่าวซึ่งเป็นที่เปลี่ยวไม่ค่อยมีคนเข้าออก ก่อนที่ทำจุดเตาถ่านรมควันฆ่าตัวตายอยู่ภายในรถดังกล่าว อย่างไรก็ตามเจ้าหน้าที่จะได้ติดต่อญาติของผู้ตายเพื่อมาสอบถามข้อเท็จจริงอีกครั้ง ส่วนศพผู้เสียชีวิตได้มอบให้มูลนิธินำส่งชันสูตรหาสาเหตุการตายที่สถาบันนิติเวช เพื่อดำเนินการตามกฎหมายต่อไป

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook