เปิดหัวใจ "ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก" จากวันที่บอกตัวเองว่าควรหยุด สู่จุดที่ทุกคนยอมรับฝีมือการแสดง

เปิดหัวใจ "ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก" จากวันที่บอกตัวเองว่าควรหยุด สู่จุดที่ทุกคนยอมรับฝีมือการแสดง

เปิดหัวใจ "ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก" จากวันที่บอกตัวเองว่าควรหยุด สู่จุดที่ทุกคนยอมรับฝีมือการแสดง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

จากเด็กสาวที่แจ้งเกิดใน บท “น้ำ” ลูกเป็ดขี้เหร่ที่แอบชอบรุ่นพี่ ในภาพยนตร์ “สิ่งเล็กๆที่เรียกว่ารัก”  ใบเฟิร์น- พิมพ์ชนก ลือวิเศษไพบูลย์  ค่อยๆ เติบโต ฝ่าฟันและพัฒนาตัวเองมาบนเส้นทางบันเทิง ท่ามกลางการแข่งขัน และกระแสข่าวมากมาย  จนตอนนี้เธอเดินมาถึงตำแหน่งนางเอกแถวหน้าของเมืองไทย ที่ทุกคนยอมซูฮกให้กับฝีมืที่ก้าวกระโดดไปเป็นที่เรียบร้อย จากบท “ก้านแก้ว” ไซส์ไลน์ตัวจี๊ด ในละคร “หลงไฟ” และล่าสุด เธอทำให้แฟนละครต้องหลั่งน้ำตาให้กับจุดจบของ “นิรา”  สาวข้ามเพศสุดอาภัพ ในละคร “ใบไม้ที่ปลิดปลิว” ส่งผลให้ตอนนี้ ใบเฟิร์น มีแฟนละครทั้งในและต่างประเทศคอยติดตามความเคลื่อนไหวอย่างล้นหลาม  พร้อมทั้งขึ้นแท่นสาวที่ฮอตที่สุดที่ผู้จ้างงานอีเว้นต์และโฆษณาต่างๆ ต้องการตัว

ฮอตแบบนี้จึงพลาดไม่ได้ เมื่อมีโอกาสเจอสาว ใบเฟิร์น ในงาน  เซ็นทรัล เซน อินเตอร์เนชั่นแนล วอทช์ แฟร์ 2019 จึงต้องคว้าตัวสาวใบเฟิร์นมาพูดคุยกันแบบเอ็กซ์คลูซีฟ ถึงเรื่องราวชีวิตในตอนนี้ รวมถึงเปิดหัวใจของเธออีกครั้งหลังจากครองตัวเป็นสาวโสดสนิทมาพักใหญ่

 ภาพยนตร์ สิ่งเล็กๆ ที่เรียกว่ารัก เพิ่งครบรอบ 9 ปี แฟนๆ กลับมาตั้งกระทู้พูดถึงหนังเรื่องนี้กันเยอะมาก?

“9 ปี แล้ว ไวมาก เฟิร์นดีใจที่แฟนๆ ยังคิดถึงหนังเรื่องนี้อยู่ เฟิร์นรู้สึกว่าหนังเรื่องนี้มันมีความผูกพันแบบประหลาด มีพลังบางอย่างที่ทำให้เฟิร์นคิดถึงตลอดเวลา อาจจะเพราะเฟิร์นแจ้งเกิดมาจากหนังเรื่องนี้ เฟิร์นกับแฟนคลับเป็นกลุ่มเป็นก้อนผูกพันกันมาได้เพราะสิ่งเล็กๆที่เรียกว่ารัก ตั้งแต่หนังเข้าฉายวันแรกจนถึงวันนี้เขาก็ยังอยู่กับเฟิร์น มันชื่นใจนะที่เรายังอินในเรื่องเดียวกัน ยังยิ้มในเรื่องเดียวกันอยู่”

วันนั้นจนถึงวันนี้ชีวิตเปลี่ยนไปมากน้อยแค่ไหน?

“การใช้ชีวิตเปลี่ยนทุกอย่างเลยนะ ตอนนี้เฟิร์นรู้สึกมั่นคงในจุดที่เฟิร์นยืน ไม่ใช่เรื่อง ชื่อเสียง หรือ  ตำแหน่ง หน้าที่ อะไรนะคะ แต่หมายถึงทัศนคติที่มองเรื่องต่างๆ  อย่างเมื่อก่อน เวลาโดนคอมเมนต์เรื่องการแสดง เราอาจจะรู้สึกเฟล แต่ ณ ตอนนี้ เฟิร์นรู้ว่าหน้าที่ของเฟิร์นคืออะไร เฟิร์นเห็นคุณค่าในสิ่งที่เฟิร์นทำมากขึ้น เป็นตัวของตัวเองได้อย่างมั่นใจขึ้นในทุกๆ ก้าวเดิน เชื่อในจังหวะเวลา ตอนนี้ทุกอย่างค่อนข้างลงตัว เฟิร์นไม่ได้มองหาความเพอร์เฟกต์ใดๆ ทุกวันนี้แค่ทำให้ดีที่สุด ปัจจัยอื่นเราก็ไม่ได้อยากไปควบคุมมัน  ทุกวันนี้ เอ็นจอย ปล่อยทุกอย่างสบายๆค่ะ”

จำเป็นไหมว่าจะรับแต่บทที่หินๆ เพื่อให้คนจดจำเท่านั้น?

“เฟิร์นไม่เคยคิดเลยว่าต้องรับแต่บทที่ยากเพราะเฟิร์นเป็นคนตลก ชอบละครคอมเมดี้ แต่โอกาสที่เข้ามาแต่ละเรื่อง ต้องร้องโอ้โห! เลย ต้องถามพี่ผู้จัดว่า จะทำเรื่องนี้จริงเหรอ อ่านบทแล้วขนลุก  เฟิร์นก็ไม่รู้หรอกว่าจะทำได้ไหม แต่เรามีแพสชั่น เฟิร์นก็จะตั้งใจมาก ถ่ายเสร็จกลับบ้านมารู้สึกว่ายังเล่นไม่ดี ก็จะตั้งใจเพิ่มขึ้นอีกทุกวัน บางทีขับรถกลับบ้านแล้วรู้สึก ซีนนั้นก็เล่นไม่ดี ซีนนี้ก็เล่นไม่ได้ จนจะร้องไห้ กลับไปจะแก้ปัญหายังไง นอนไม่หลับ ก็ต้องตั้งใจทำการบ้านอ่านบทเยอะเข้าไปอีก เป็นแบบนี้ทุกวัน  เอาจริงๆกดดันนะ แต่ลึกๆ เรามีความสุขกับแรงกดดันนั้นค่ะ"

รู้สึกยังไงเวลามีคนเข้ามาบอกว่าเขายอมรับในฝีมือเรา ?

“ดีใจ และขอบคุณมากๆ ค่ะ เฟิร์นว่าทักษะการแสดงของเฟิร์นมันเหมือนลิ้นชัก เช่น เมื่อก่อนเฟิร์นอาจจะแสดงบทร้องไห้เสียใจได้ห้าลิ้นชัก แต่ตอนนี้เฟิร์นอาจจะมีสักร้อยลิ้นชัก จากการสะสมประสบการณ์การทำงานที่ผ่านมา และมันอาจจะมีมากกว่านี้ได้อีก ตอนไหนที่ต้องเล่นแค่ไหนเฟิร์นสามารถหยิบมาเล่นได้"

ได้ข่าวว่า ดราม่า จนร่างกายพัง?

“อันนี้เป็นข้อเสียข้อหนึ่งของการเล่นบทหนักๆ เพราะบางทีเราต้องแสดงอารมณ์เครียด เสียใจ เยอะๆ แล้วเหมือนมันฝังอยู่ในจิตสำนึก หรือ ร่างกายบางส่วนเรารู้ไม่ทัน เพราะบางทีเฟิร์นก็เจ็บกระเพาะเหมือนคนเครียดลงกระเพาะ  ทั้งๆ ที่ตัวเฟิร์นเองจริงๆ ไม่ได้เครียดอะไรเลย บางทีก็หดหู่ เศร้า ที่เป็นผลกระทบมาจากตัวละคร  อย่างปีนี้ก็ถือว่าร่างกายพังมาก ทั้ง  ปัสสาวะเป็นเลือดเจ็บกระเพาะ อาเจียน  และ หลังเดาะ" 

แต่ก็รับงานไม่หยุด?

“ไม่หยุด เพราะเราสนุก(หัวเราะ) เวลาไปกองถ่าย เฟิร์นเล่นตั้งแต่สากกระเบือยันเรือรบ  เล่นกับพี่ทีมไฟ ทีมกล้อง ทุกคนเป็นเพื่อนเฟิร์นหมด คือ หน้าเซ็ทเฟิร์นยืนผิดที่ ตากล้องเดินมาตบหัว แล้วเขาก็หัวเราะกัน  เราก็ เฮ้ย! นี่นางเอกไง  (หัวเราะ) ตลกๆ”

เรียกว่าเป็นปีทองได้ไหม?

“ถ้าปีทองหมายถึงงานเยอะ ก็อาจจะเป็นแบบนั้น  แต่เฟิร์นจะมองถึงช่วงเวลาที่ ถ้าช่วงไหนเฟิร์นมีงานทำ ไม่เคว้งคว้าง ตื่นเต้น ท้าทายทุกวัน ไม่เบื่อ เฟิร์นว่าอันนั้นเป็นช่วงเวลาทองของเฟิร์นมากกว่า เฟิร์นก็ขอบคุณทุกโอกาสที่มอบให้เฟิร์นค่ะ ส่วนเรื่องรายได้ต่างๆที่เข้ามาเหมือนเป็นผลพลอยได้  เฟิร์นจะรู้สึกกับความเป็นนักแสดงมากกว่า หมายถึง มีความสุขกับการได้เล่นบทที่อยากเล่น ได้ทำงานร่วมกับทีมงานที่รู้สึกสนุกที่ทำงานด้วย อยู่ท่ามกลางสิ่งแวดล้อมที่ทำให้เรารู้สึกสนุก

ทุกวันนี้เฟิร์นได้เลือกบทที่อยากเป็น ได้ถ่ายทอดในรูปแบบที่อยากถ่ายทอด แค่นี้ก็มีความสุขแล้ว ต่างกับเมื่อก่อนที่เราเลือกไม่ได้ คนอื่นเลือกให้เรา เมื่อก่อนต้องเข้าไปแคสติ้งงาน กว่าจะได้งานสักงานนึง เราไม่เคยได้เป็นคนเลือก คนอื่นเป็นคนเลือกให้เรา ตอนเป็นเด็กๆ อาจจะได้ไปอยู่ที่ที่เรารู้สึกว่าเกร็งจังเลย ต้องทำในสิ่งที่เราไม่ชอบ ไม่อยากทำ ต้องทำเพราะเป็นหน้าที่ แต่ทุกวันนี้สิ่งที่ทำอยู่เฟิร์นต้องบอกว่าเป็นหน้าที่ที่เฟิร์นมีความสุขมาก (ลากเสียง)  อาจจะเป็นปีทองก็ได้ที่เฟิร์นได้ทำทุกอย่างด้วยความสบายใจค่ะ”

กว่าจะมาถึงจุดนี้ได้ เคยล้มเลิกความตั้งใจกับเส้นทางนี้ไหม?

“มีบ้าง เราไปแคสงานแล้วไม่ได้เลย เลยรู้สึกสงสารแม่ ทุกครั้งที่ไปแคสแม่ก็จะมีความหวังว่าอยากให้ลูกได้งานนั้น เพราะบางทีลูกไปนั่งรอแคส 7 ชั่วโมง แต่เราเองก็รู้สึกว่าไม่ได้ก็ไม่เป็นไร เพราะตั้งแต่ไหนแต่ไรไม่เคยรู้สึกอยากเป็นดาราเลย แค่มีพื้นที่ได้เล่นเป็นอะไรก็ได้ อย่างเมื่อก่อน  ได้เป็น ต้นไม้ หมู หมา กา ไก่ ไม่ได้เป็นคนเลย (หัวเราะ)  แค่นั้นเฟิร์นก็ดีใจแล้ว แต่พอเราเห็นแม่ผิดหวังบ่อยๆ เสียใจบ่อยๆ  เราก็สงสาร แม่ก็บอก "เลิกไหมลูก?  ไม่เห็นมีใครเลือกลูกเลย" แม่ก็สงสารเรา แต่เราก็รู้ตัวว่าไม่ใช่คนสวย เป๊ะปัง ขนาดนั้น แต่ก็มีโอกาสเข้าไปแคสเรื่อยๆ  จนได้เล่นละครเล่นหนังไปเรื่อยๆค่ะ"

ช่วงที่ล้มเลิกความตั้งใจ แล้วเอาแรงฮึดจากไหนมาเดินต่อ?

“อาจจะเป็นเพราะว่า เฟิร์นไม่ได้รู้สึกว่าเฟิร์นกำลังแข่งกับใครเลย  แค่รู้สึกว่าอยากให้เขาเลือกเราเพราะเราอยากแสดง ไม่ได้อยากให้เขาเลือกเราเพราะเราอยากได้งานมากกว่าคนนั้น หรือตัดหน้าคนนี้  มันเลยไม่ได้รู้สึกว่าเราทุกข์ร้อนอะไร เวลาไม่ได้งานเราก็จะเสียดายแค่ ไม่ได้เล่นบทนั้นๆ เท่านั้นเอง จนทุกวันนี้ก็ยังเป็นแบบนั้นอยู่”

เคยคิดเล่นๆ ไหม ถ้าไม่ได้เป็นใบเฟิร์นแบบวันนี้จะไปอยู่จุดไหน?

“เฟิร์นเป็นอะไรก็ได้เลย (หัวเราะ) เป็นพนักงานเงินเดือนอะไรก็ได้  เฟิร์นไม่ใช่คนใช้ของแพง ไม่กินของแพง เฟิร์นมาจากบ้านๆ ธรรมดาทั่วไป มีความสุขตามอรรถภาพ สมมติว่า ณ วันหนึ่ง สิ่งที่ทำมาหายหมดเลย เฟิร์นก็สามารถเป็นพนักงานอะไรก็ได้ ไปอยู่ที่ไหนก็ได้ แค่มีเพื่อนเดินไปกินข้าวกลางวันด้วยกัน แล้วกลับมาทำงานต่อ กลับบ้าน นอนดูซีรีส์ เฟิร์นก็อยู่ได้เลย"

ในมุมมองของตัวเอง คิดว่าเราประสบความสำเร็จหรือยัง?

“เฟิร์นคิดว่าประสบความสำเร็จแล้ว แต่ยังสามารถดีขึ้นได้อีก ในประตูบานถัดๆ ไป แค่ เฟิร์นได้อยู่ในสภาพแวดล้อมที่เฟิร์นมีความสุข ครอบครัวเฟิร์นอยู่ได้ เฟิร์นทำงานได้ดีไม่มีบกพร่อง ไม่ทำให้ทีมงานผิดหวัง ไม่ทำให้ใครเดือดร้อน แค่นี้แฮปปี้แล้ว”

เรื่องงานแฮปปี้มาก ๆ แล้วเรื่องความรักล่ะ เห็นก่อนหน้านี้เคยให้สัมภาษณ์ว่า "เข็ด" ?

“ไม่เข็ดๆ ไม่ได้รู้สึกฝังใจขนาดนั้น ตอนนี้ไม่เหมือนช่วงแรกๆ ที่รู้สึกว่า "ฉันจะไม่มีความรักอีกแล้ว" แต่ตอนนี้ก็ไม่ได้บอกว่าจะต้องมีแค่รู้สึกเฉยๆ กับความรักมากเลย เวลาเยียวยาเราจริงๆ ทุกวันนี้มีคนแนะนำใครให้รู้จัก เราก็จะบอกว่าเอาไว้ค่อยว่ากันดีกว่า ตอนนี้ยังไม่ได้จริง ๆ  ปกติเฟิร์นไม่ใช่คนมีสเปก ไม่ได้สนใจฐานะ หรือ หน้าตาอะไรเลยนะ แค่เขาเข้ามาแล้วทำให้เรารู้สึกใช่ก็พอ เหมือนเราเล่นละครเยอะ (หัวเราะ)  ก็มองว่าความรักเป็นเรื่องของความรู้สึก”

 ความรักที่ผ่านพ้นไปสอนอะไรบ้าง?

“สอนให้รู้ว่า บางสิ่งที่เราคิดว่ามันคือทั้งหมดแล้ว  มันเป็นแค่จุดเล็กๆ เท่านั้นเองสำหรับโลกใบนี้ ถ้าเราตระหนักตรงนี้ได้เราจะรู้เลยว่า อะไรที่เราอยากจะเชื่อ อยากจะคิด มันเป็นแค่ทางใดทางหนึ่ง ยังมีเรื่องที่เราต้องเข้าไปเรียนรู้อีกมากเลย  ก่อนจะตัดสินทุกอย่างว่า ดี ว่าใช่ หรืออะไร ไม่ดี ไม่ใช่ เฟิร์นยังโลกแคบมาก แต่ถ้ามีคนเข้ามาแล้วรู้สึกใช่ก็ยินดี”

ความรู้สึก “ใช่” ที่ว่า ต้องเป็นประมาณไหน?

“ตอนเด็กๆ เป็นเรื่องของความรู้สึกล้วนๆ เลย ต้องคิดถึง ต้องรู้สึกดี รู้สึกว่าอยากแต่งงานด้วย อยากมีครอบครัว ก็เป็นเหมือนความฝันของเด็กสาวทุกคน แต่เราไม่ได้เจอผู้ชายที่จะพาเราไปถึงการแต่งงานมีครอบครัว เราแค่เอาคำว่าแต่งงาน ครอบครัวไปสวมไว้กับใครสักคนหนึ่งที่เข้ามาในชีวิต แล้วหลับหูหลับตาผ่านทุกอย่างในชีวิตไป เพื่อว่าวันนึงฉันจะได้แต่งงานเหมือนในฝัน  เหมือนเราคิดว่า ปลายทางคือการแต่งงาน แต่จริง ๆ คือการเริ่มต้น ที่เราต้องแบกทุกอย่าง ถ้าถามเฟิร์นเรื่องนี้เมื่อ 2 หรือ 3 ปีที่แล้ว เฟิร์นก็จะบอกแค่ว่า ฉันจะแต่ง ฉันจะแต่งเดี๋ยวนี้ ฉันต้องได้แต่งงาน (หัวเราะ)”

การจะเข้าไปใช้สถานะแฟนกับใครสักคน สำหรับเฟิร์นยากขึ้นมากไหม?

“ยากขึ้นมาก จะว่ากลัวก็ไม่ขนาดนั้น แต่เฟิร์นรู้ตัวว่าเฟิร์นรู้อะไรน้อย แล้วก็ไม่ได้มั่นใจในสิ่งที่จะเจออะไรขนาดนั้นแล้ว ยิ่งเฟิร์นมีพาร์ทที่เฟิร์นมีความสุขมากๆ กับการทำงาน อยู่กับเพื่อน กับคนในกอง เฟิร์นก็ไม่มีเวลาไปโหยหาจุดนั้นเลยค่ะ"

ยังมีความหวังเรื่องแต่งงานอยู่ไหม หรือ ไม่แต่งก็ได้?

“ลึกๆ ก็หวังว่าจะเจอใครสักคนที่พาเราไปถึงจุดแต่งงาน  แต่จะไม่เอาจุดแต่งงานมาตั้งแล้วเอาใครสักคนมาสวมแล้ว”

 ฝากถึงแฟนๆ ที่ติดตามเราหน่อย?

“ขอบคุณทุกคนที่เชื่อมั่นในตัวเฟิร์น ขอบคุณที่ติดตามกันมาตลอดตั้งแต่ยังเด็กๆ ตั้งแต่ยังไม่มีอะไรเลย ขอบคุณมากๆค่ะ”

นอกจากฝีมือการแสดงที่ยอดเยี่ยมแล้ว ต้องยอมรับว่า สิ่งที่ทำให้สาวใบเฟิร์นโลดแล่นในวงการบันเทิงได้อย่างสง่างาม คงเป็นเพราะตัวตนที่จริงใจที่มีให้กับทุกคนและทุกงานที่รับผิดชอบอย่างแท้จริง เห็นแบบนี้แล้ว แฟนๆ ทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่ ก็อย่าลืมช่วยกันส่งใจเชียร์สาวคนนี้ให้มีผลงานดีๆ ออกมาให้เราชมกันอีกเยอะๆนะคะ 

อัลบั้มภาพ 14 ภาพ

อัลบั้มภาพ 14 ภาพ ของ เปิดหัวใจ "ใบเฟิร์น พิมพ์ชนก" จากวันที่บอกตัวเองว่าควรหยุด สู่จุดที่ทุกคนยอมรับฝีมือการแสดง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook