สอยเครื่องบินรบจนต้องปิดน่านฟ้า! สัญญาณเกิดสงครามอินเดีย-ปากีสถานครั้งที่ 5

สอยเครื่องบินรบจนต้องปิดน่านฟ้า! สัญญาณเกิดสงครามอินเดีย-ปากีสถานครั้งที่ 5

สอยเครื่องบินรบจนต้องปิดน่านฟ้า! สัญญาณเกิดสงครามอินเดีย-ปากีสถานครั้งที่ 5
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ในช่วงเช้ามืดวันอังคารที่ 26 ก.พ.ที่ผ่านมา ทางการอินเดียส่งเครื่องบินรบ 12 ลำบินข้ามพรมแดนปากีสถานเพื่อทิ้งระเบิดถล่มค่ายของกลุ่มผู้ก่อการร้ายจาอิช-อี-โมฮัมหมัดในปากีสถาน นับเป็นการทิ้งระเบิดโจมตีครั้งแรกของอินเดียในเขตแดนปากีสถานเพื่อตอบโต้กรณีขบวนรถคอนวอยของตำรวจปราบปรามการก่อการร้ายโดนรถยนต์บรรทุกระเบิดพลีชีพวิ่งเข้าชนกลางขบวนรถคอนวอย ที่เมืองพูลวามา แคว้นแคชเมียร์ส่วนที่เป็นของอินเดีย เมื่อ 14 ก.พ.ที่ผ่านมา เป็นเหตุให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิตไป 46 นาย 

ซึ่งกลุ่มติดอาวุธจาอิช-อี-โมฮัมหมัด ซึ่งมีฐานที่มั่นในปากีสถานได้ออกมาอ้างความรับผิดชอบอยู่เบื้องหลังการโจมตีครั้งนี้ เครื่องบินรบอินเดียจึงบินข้ามแดนเข้าไปถล่มค่ายผู้ก่อการร้ายกลุ่มนี้ในปากีสถานเป็นการแก้แค้น

>> ปิดน่านฟ้า "ปากีสถาน"! ส่อเค้าสงคราม หลัง "อินเดีย" บินโจมตีพื้นที่ทับซ้อน

>> ไขข้อสงสัย ปากีสถานปิดน่านฟ้า ทำไมไทยต้องยกเลิกเที่ยวบินไปยุโรป

เมื่อวานนี้ (พุธที่ 27 ก.พ.) โฆษกทหารของปากีสถาน แถลงผ่านทวิตเตอร์ว่า กองทัพอากาศของปากีสถานได้ยิงเครื่องบินของอินเดียตก 2 ลำในเขตน่านฟ้าของปากีสถาน โดยลำหนึ่งตกในดินแดนแคชเมียร์ในส่วนที่ปากีสถานยึดครองและทางปากีสถานสามารถจับกุมนักบินของอินเดียได้ 2 นาย

ครับ! สถานการณ์ความตึงเครียดระหว่างสองชาติที่ต่างก็มีอาวุธนิวเคลียร์ในครอบครองกำลังทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ล่าสุดปากีสถานประกาศปิดน่านฟ้าโดยไม่อนุญาตให้อากาศยานทุกชนิดบินผ่านเข้าไปยังน่านฟ้าของปากีสถานแล้ว

>> "การบินไทย" ยกเลิกเที่ยวบินในเส้นทาง "ยุโรป-ปากีสถาน" หลังเผชิญวิกฤติปิดน่านฟ้า

>> เตือนเลี่ยงชายแดน อินเดีย–ปากีสถาน ยังไม่พบคนไทยได้รับผลกระทบ

ในขณะที่ประวัติการทำสงครามระหว่างอินเดีย-ปากีสถานในข้อพิพาทแคว้นจัมมูและแคชเมียร์อันเป็นต้นตอของข้อพิพาทในภูมิภาคเอเชียใต้ตลอดมา นับตั้งแต่อังกฤษมอบคืนเอกราชให้ดินแดนจักรวรรดิอินเดียของอังกฤษ และเป็นชนวนเหตุสงครามระหว่างอินเดีย-ปากีสถานถึง 4 ครั้งแล้ว ดังนี้

1) สงครามครั้งแรกระหว่างปี พ.ศ. 2490 - 2492 หรือที่เรียกว่า "สงครามแคชเมียร์ครั้งแรก" เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2490 ปากีสถานให้การสนับสนุนชนเผ่าชาวเขามุสลิมนำทหารชาวเขาจากชายแดนภาคตะวันตกเฉียงเหนือ ยกทัพมาเพื่อทำการปลดปล่อยชาวแคชเมียร์จากมหาราชา ฮารี ซิงห์ ผู้เป็นชาวฮินดูและสามารถยึดครองดินแดนได้ถึง 1 ใน 3 ของแคว้น ทำให้มหาราชาฮารี ซิงห์ขอความช่วยเหลือจากรัฐบาลอินเดียซึ่งนายเยาหะราล เนห์รู นายกรัฐมนตรีขณะนั้นตัดสินใจส่งกองทัพอินเดียลำเลียงทางอากาศลงที่เมืองศรีนครา (เมืองหลวงแคชเมียร์) เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2490 ได้ทันก่อนที่ปากีสถานจะเข้ายึดสนามบิน เกิดการปะทะกันหลายครั้ง

หลังจากนั้นรัฐบาลอินเดียยื่นประท้วงต่อคณะรัฐมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ซึ่งองค์การสหประชาชาติมีมติให้ทั้ง 2 ฝ่ายหยุดยิง เมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2492 โดยกำหนดแนวหยุดยิง (Line of Control) แบ่งแคชเมียร์ตะวันออก จัมมู และลาดัคห์ เป็นเขตยึดครองของอินเดีย ส่วนแคชเมียร์ตะวันตก (ปากีสถาน เรียกว่า "อาซัค") เป็นเขตยึดครองของปากีสถาน

2) สงครามครั้งที่ 2 ระหว่างปี พ.ศ. 2508 - 2509 หรือที่เรียกว่า "สงครามแคชเมียร์ครั้งที่ 2" โดยสงครามแคชเมียร์ครั้งที่ 2 เริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม พ.ศ. 2508 เมื่อปากีสถานส่งหน่วยคอมมานโดพร้อมอาวุธทันสมัยรุกเข้ายึดเมืองศรีนครา ทำลายสนามบิน 2 แห่ง พร้อมทั้งส่งกำลังพลร่มเข้าสู่ปัญจาบ จนอินเดียต้องส่งกำลังทหารตีโต้ สามารถยึดดินแดนกลับคืนมาได้ และรุกคืบหน้าใกล้ถึงเมืองละฮอร์ของปากีสถาน จนทำให้ปากีสถานต้องยอมหยุดยิงและเจรจาสงบศึก เมื่อปี พ.ศ. 1966 ที่เมืองทาชเค้นท์เมืองหลวงของอุซเบกิชสถานซึ่งขณะนั้นเป็นส่วนหนึ่งของสหภาพโซเวียต

3) สงครามครั้งที่ 3 ในปี พ.ศ. 2514 เป็นสงครามที่ไม่มีความเกี่ยวพันกับแคชเมียร์ แต่เกี่ยวพันกับสงครามการแยกตัวของปากีสถานตะวันออก หรือ บังคลาเทศในปัจจุบัน เนื่องจากที่ปากีสถานตะวันออกนั้นประชากรส่วนใหญ่เชื้อสายเบงกาลีต้องการแยกตัวเป็นอิสระจากปากีสถานจึงเกิดสงครามกลางเมืองขึ้น ทำให้ผู้อพยพชาวเบงกาลีหลายล้านคนหนีตายมายังประเทศอินเดีย อินเดียจึงฉวยโอกาสเข้าร่วมมือกองกำลังต่อสู้เพื่ออิสรภาพของบังคลาเทศ จนสามารถเอาชนะกองทัพปากีสถานได้ ทำให้เกิดประเทศบังคลาเทศขึ้นใน พ.ศ. 2514

4) สงครามครั้งที่ 4 สงครามคาร์กิล ระหว่างวันที่ 26 พฤษภาคม - 26 กรกฎาคม พ.ศ. 2542 โดยทางปากีสถานเปลี่ยนยุทธวิธีการรบจากการใช้กำลังเผชิญหน้ามาเป็นการใช้ยุทธวิธีแบบสงครามกองโจร โดยใช้คนพื้นเมืองแคชเมียร์ที่เป็นมุสลิมทำการรบ เหมือนกับที่ปากีสถานทำกับอดีตสหภาพโซเวียตในช่วงที่เข้ายึดครองอัฟกานิสถาน และในที่สุดโซเวียตก็พ่ายแพ้ ปากีสถานจึงเปิดค่ายผู้ก่อการร้ายในเขตแคชเมียร์ของปากีสถาน แล้วสนับสนุนให้เข้าแทรกซึมและเข้ายึดครองอำเภอคาร์กิลบริเวณชายแดนของแคชเมียร์อินเดียได้

ในสงครามครั้งนี้ แม้อินเดียจะเป็นฝ่ายได้รับชัยชนะโดยสามารถขับไล่ผู้รุกรานออกจากดินแดนของอินเดียได้สำเร็จ แต่อินเดียก็เสียหายหนักมากและถึงแม้ว่าเหตุการณ์จะสงบพอสมควรร่วม 20 ปีแต่การเริ่มศึกครั้งนี้ดูเหมือนจะกลายเป็นสงครามครั้งที่ 5 ในรอบ 72 ปีระหว่างอินเดียกับปากีสถานเสียแล้ว!

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook