เจ้าหน้าที่ใช้เชือกล้อม "บ่อดินผุด" แล้ว กรมทรัพยากรธรณียันไม่ใช่ความร้อนใต้ดิน

เจ้าหน้าที่ใช้เชือกล้อม "บ่อดินผุด" แล้ว กรมทรัพยากรธรณียันไม่ใช่ความร้อนใต้ดิน

เจ้าหน้าที่ใช้เชือกล้อม "บ่อดินผุด" แล้ว กรมทรัพยากรธรณียันไม่ใช่ความร้อนใต้ดิน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เจ้าหน้าที่ใช้เชือกปิดล้อมบริเวณดินผุดหรือลาวาโคลน กลางทุ่งนาในอำเภอบ้านเหลื่อม เพื่อป้องกันคนถูกโคลนดูดได้รับอันตราย ขณะที่กรมทรัพยกรธรณียันไม่เกี่ยวกับความร้อนใต้ภิภพ

จากกรณีชาวบ้าน บ้านหนองกุงน้อย หมู่ที่ 10 ตำบลโคกกระเบื้อง อำเภอบ้านเหลื่อม จังหวัดนครราชสีมา พบดินผุด หรือลาวาโคลนที่ผุดขึ้นมาในพื้นที่นาจนเป็นเนินสูงตรงกลางมีดินมีโคลนเหลวๆ ผุดขึ้นเหมือนเป็นลาวาโคลนค่อยๆ ไหลลงตามพื้นราบโดยรอบ

ขณะเมื่อมีคนเข้าไปกดดินที่นูนสูงขึ้นมานั้น ปรากฏว่าดินกระเพื่อม เหมือนคลื่นในน้ำ ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าพื้นผิวบริเวณดังกล่าวมีดินผุดเกิดขึ้นอีกเป็นจำนวนไม่ต่ำกว่า 20 จุด ตามที่ได้มีการนำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

>>"ดินประหลาด" โผล่กลางทุ่งนา ชาวบ้านเดือดร้อนร้องกรมทรัพยากรธรณีตรวจสอบ

ล่าสุด วันที่ 31 มกราคม 2562 ทางเจ้าหน้าที่ ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณะภัยอำเภอบ้านเหลื่อมได้ให้กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน นำเชือกไปปิดกัน บริเวณจุดที่ดินโคลนผุด เพื่อป้องกันไม่ให้ประชาชนที่เข้าไปดูในจุดที่ดินผุดได้รับอันตราย

ด้านนายทรงกลด ประเสริฐทรง นักธรณีวิทยาชำนาญการจากสำนักงานทรัพยากรธรณีเขต 2 กรมทรัพยากรธรณี หัวหน้าทีมงานวิจัยเปิดเผยว่า จากการตรวจสอบในเบื้องต้นพบว่า ดินผุดเหล่านี้เป็นปรากฏการณ์ตามธรรมชาติของน้ำในชั้นใต้ผิวดินไหลทะลักเข้าไปทำปฏิกิริยาเคมีกับแร่ธาตุในชั้นดินเหนียวจนทำให้เกิดแรงดันผ่านรอยแยก ผสมกับดินในชั้นต่างๆ จนเกิดเป็นโคลนผุดขึ้นมา

ซึ่งเป็นการปรับสมดุลแรงดันของน้ำใต้ดินซึ่งโคลนที่ผุดขึ้นมาไม่ได้มีความร้อน จึงไม่ได้เกี่ยวกับเรื่องความร้อนใต้พิภพแต่อย่างใด แต่ชาวบ้านไม่ควรเข้าไปในจุดที่ดินผุดขึ้นมาเนืองจากอาจจะเกิดโคลนดูดได้รับอันตรายได้

ขณะเดียวกัน เพจเฟชบุ๊คของกรมทรัพยากรธรณี ได้เผยแพร่รายงานผลการตรวจสอบเหตุการณ์ โคลนผุดกลางทุ่งนา บ.หนองกุงน้อย หมู่ 10 ตำบลโคกกระเบื้อง อำเภอบ้านเหลื่อม จังหวัดนครราชสีมาว่า

ตามที่สำนักงานทรัพยากรธรณีเขต 2 ได้รับการประสานทางโทรศัพท์จาก ทสจ.นครราชสีมา เมื่อวันที่ 28 มกราคม 2562 ให้เข้ากรมทรัพยากรธรณีเข้าตรวจสอบเหตุการณ์โคลนผุดกลางทุ่งนา บ้านหนองกุงน้อย หมู่ 10 ตำบลโคกกระเบื้อง อำเภอบ้านเหลื่อม จังหวัดนครราชสีมานั้น

นายสมหมาย เตชวาล อธิบดีกรมทรัพยากรธรณี มอบหมายให้สำนักงานทรัพยากรธรณีเขต 2 โดยนายทรงกลด ประเสริฐทรง นายประดิษฐ์ นูเล และนายชาคริต วงศ์จารย์ นักธรณีวิทยาชำนาญการ ลงพื้นที่สำรวจกับผู้นำชุมชนและชาวบ้าน เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2562

ซึ่งผลการสำรวจเบื้องต้น พบว่าสภาพพื้นที่และเหตุการณ์ บริเวณที่เกิดเหตุตั้งอยู่ที่ บ้านหนองกุงน้อย คุ้มหนองตะนา ตำบลโคกกระเบื้อง อำเภอบ้านเหลื่อม จังหวัดนครราชสีมา พิกัดตำแหน่ง 195780 E 1726610 N ระบบพิกัด UTM WGS 84

บริเวณที่เกิดเหตุมีสภาพภูมิประเทศเป็นทุ่งนา ครอบคลุมพื้นที่ 20 ไร่ มีความสูงอยู่ในช่วง 200-220 เมตร เหนือระดับทะเลปานกลาง จากการสอบถามข้อมูลเจ้าของที่ดินพบว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเคยเกิดขึ้นตั้งแต่ ปี พ.ศ. 2540 บริเวณที่โคลนไหลขึ้นมามีลักษณะเป็นเนินดินนูนสูงขึ้นมาประมาณ 1 เมตร มีรูปทรงกลมเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณ 2-5 เมตร

เมื่อหยั่งด้วยไม้ลงไปตรงกลางหลุมมีความลึกประมาณ 5-6 เมตร บริเวณตรงกลางจะมีน้ำไหลผุดออกมาพร้อมกับดินเหนียวปนดินทราย เมื่อแห้งโคลนดังกล่าวจะแตกเป็นระแหง นอกจากนี้แล้วบางหลุมที่แห้งไปนานแล้ว จะพบคราบเกลือสีขาวเกาะบนผิวดินมีรสขม

น้ำที่ไหลออกมาจากปากหลุม เมื่อทดสอบค่าความเป็นกรด-ด่าง ด้วยกระดาษ ลิตมัส พบมีค่าความเป็นด่างสูง สภาพธรณีวิทยาบริเวณที่เกิดเหตุรองรับด้วยหมวดหินมหาสารคาม ซึ่งประกอบด้วยชั้นเกลือหิน และหินดินดาน

สาเหตุการเกิด จากลักษณะทางกายภาพของเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เป็นลักษณะเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติ โดยกระบวนการทางธรณีวิทยา ที่เรียกว่า “โคลนพุ” โดยมีสาเหตุและปัจจัยที่เกี่ยวข้อง 3 ประการคือ

1.บริเวณดังกล่าวมีแรงดันของน้ำใต้ดินสูง 2.บริเวณดังกล่าวมีรอยแตกและรอยแยกที่ยอมให้น้ำที่มีแรงดันดังกล่าวไหลขึ้นสู่ผิวดินได้ และ 3.สภาพธรณีวิทยาด้านล่างมีกลุ่มดินหรือแร่ที่ทำปฏิกิริยากับน้ำแล้วเกิดการพองตัวมีสภาพนิ่มและเหลว ไหลขึ้นมาพร้อมกับน้ำ

ส่วนผลกระทบของโคลนพุ สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเด็นด้วยกัน คือ 1.ผลกระทบที่เกิดจากสภาพของดินที่ใช้ในการเพาะปลูก เนื่องจากดินและน้ำที่เกิดจากโคลนพุ มีสภาพความเป็นด่างสูง ทำให้ไม่สามารถเพราะปลูกพืชได้

2.ผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นต่อชีวิตทรัพย์สินและสัตว์เลี้ยงที่อาจตกลงไปในหลุมโคลน เนื่องจากพื้นดินด้านล่างมีความอ่อนนิ่มหากคนหรือสัตว์เลี้ยงพลัดตกลงไปอาจจะเกิดอันตรายได้

แนวทางการลดผลกระทบ ในเบื้องต้นแนะนำให้ทำแนวกั้นไม่ให้ประชาชนและสัตว์เลี้ยงเข้าไปใกล้บริเวณที่โคลนพุขึ้นมาเนื่องจากอาจผลัดตกลงได้ สำหรับการแก้ไขปัญหาระยะยาวควรมีการศึกษาถึงปัจจัยและสาเหตุของการเกิดโดยละเอียด เพื่อวางแผนการใช้ประโยชน์พื้นที่ เช่น การลดระดับแรงดันของน้ำร่วมกับการปรับปรุงสภาพดินให้สามารถกลับมาปลูกพืชได้

หรืออาจวางแผนพัฒนาพื้นที่ดังกล่าวเป็นแหล่งท่องเที่ยวและศึกษาปรากฏการณ์ทางธรณีวิทยาโคลนพุ หรือวิจัยศึกษาการใช้ประโยชน์จากโคลนพุให้ถูกต้องตามหลักวิชาการต่อไป

อัลบั้มภาพ 11 ภาพ

อัลบั้มภาพ 11 ภาพ ของ เจ้าหน้าที่ใช้เชือกล้อม "บ่อดินผุด" แล้ว กรมทรัพยากรธรณียันไม่ใช่ความร้อนใต้ดิน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook