ดูดี...แต่ไว้ใจไม่ได้ โจรรุ่นใหญ่ในคราบนักบุญอาศัยจังหวะเผลอชิงทรัพย์ร้านสังฆภัณฑ์

ดูดี...แต่ไว้ใจไม่ได้ โจรรุ่นใหญ่ในคราบนักบุญอาศัยจังหวะเผลอชิงทรัพย์ร้านสังฆภัณฑ์

ดูดี...แต่ไว้ใจไม่ได้ โจรรุ่นใหญ่ในคราบนักบุญอาศัยจังหวะเผลอชิงทรัพย์ร้านสังฆภัณฑ์
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ดูดีแต่ไว้ใจไม่ได้ โจรรุ่นใหญ่วัย 54 ปี แต่งกายดูดีมีสกุลเข้ามาสั่งซื้อของจากภายในร้านค้าเครื่องสังฆภัณฑ์ ก่อนอาศัยจังหวะทีเผลอคว้ากระเป๋าใส่เงินและทรัพย์สินเจ้าของร้านพยายามหลบหนี แต่สุดท้ายไปไม่รอดหลังชาวบ้านพร้อมเจ้าหน้าที่ช่วยกันติดตามไล่จับกุมตัวเอาไว้ได้ในที่สุด

วันที่ 14 ธ.ค. 61 เวลา 14.00 น. ร.ต.ท.หญิง แพรวพรรณ บุญค้ำ รองสารวัตรเวรสอบสวน สภ.เมืองฉะเชิงเทรา รับแจ้งจากนางอัจฉรา แก้วดี อายุ 44 ปี เจ้าของร้านแก้วดีสังฆภัณฑ์ ตั้งอยู่ริมถนนเทพคุณากร (เส้นทางผ่านหน้าวัดโสธร) ซอย 8 ต.หน้าเมือง อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทราว่า ได้มีคนร้ายเป็นชายกลางคนแต่งกายดูดี ทำทีเข้ามาสั่งซื้อของจากภายในร้านค้าจำนวนหลายรายการ

โดยสั่งให้ตนหยิบของให้ทีละอย่างจนวุ่นวาย โดยอ้างว่าจะนำไปสะเดาะเคราะห์แก้กรรม เนื่องจากภรรยาได้ไปทำแท้งมาจนทำให้เกิดปัญหาในครอบครัวและภรรยาเจ็บป่วยบ่อยครั้ง ทำอะไรไม่ประสบความสำเร็จสมหวังดังใจ ก่อนที่คนร้ายจะอาศัยช่วงจังหวะที่ตนเองเผลอในขณะที่กำลังหยิบของให้ คว้ากระเป๋าใส่เงินที่ตนวางเอาไว้ที่ด้านหลังเคาน์เตอร์เก็บเงินภายในร้านไป

ซึ่งในกระเป๋านั้นมีเงินสดและทรัพย์สินเป็นจำนวนมาก แต่เป็นช่วงจังหวะที่ตนนั้น หันมามองเห็นพอดีจึงเกิดการยื้อแย่งกันและตนสามารถดึงกระเป๋าเงินกลับคืนมาได้ ขณะที่คนร้ายนั้นได้พยายามที่จะวิ่งหลบหนีไปขึ้นรถจักรยานยนต์ ฮอนด้า สกู๊ปปี้ สีแดง ทะเบียนป้ายแดง 5–0024 สน.ฉลองกรุง ที่ขับมาจอดไว้ที่หน้าร้าน โดยตนได้รีบวิ่งติดตามไปดึงกุญแจรถจักรยานยนต์ของคนร้ายเอาไว้ได้ทัน

จากนั้นคนร้ายได้ทิ้งรถวิ่งหลบหนีเข้าไปยังภายในซอยเทพคุณากร 8 ตนจึงได้ร้องบอกให้ชาวบ้านช่วยกันติดตามจับตัวคนร้าย จนมีชาวบ้านติดตามเข้าไปยังในซอยและช่วยกันค้นหาแต่ไม่พบตัว จนมีเจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจขับรถจักรยานยนต์มาพบและเข้าจับกุมตัวเอาไว้ได้ ในขณะที่คนร้ายกำลังพยายามเดินหลบหนีอยู่ที่บริเวณริมถนนสิริโสธร แถบย่านหน้าวัดชมโพธยาราม ซึ่งอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณกว่า 2 กม. และนำตัวมาส่งพนักงานสอบสวนยังที่โรงพัก สภ.เมืองฉะเชิงเทรา เพื่อทำการสอบสวนดำเนินคดีต่อไป

หลังการสอบสวนทราบชื่อคนร้าย คือ นายสมทรง อายุ 54 ปี โดยนายสมทรง ได้ให้การรับสารภาพว่าสาเหตุที่จะทำการขโมยกระเป๋าเงินของนางอัจฉรา นั้น เนื่องจากไม่มีเงินใช้ และหลังจากได้พยายามก่อเหตุแล้วไม่สำเร็จยังได้พยายามร้องขอโทษต่อทางเจ้าของร้าน แต่เจ้าของร้านไม่ยินยอม จึงได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ตำรวจและชาวบ้านช่วยกันติดตามจับกุมตัวดังกล่าว

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook