หนุ่มหัวร้อนขอโทษขับชนอาสา เจอข้อหา "พยายามฆ่า"พ่อไม่ได้เป็นตำรวจ

หนุ่มหัวร้อนขอโทษขับชนอาสา เจอข้อหา "พยายามฆ่า"พ่อไม่ได้เป็นตำรวจ

หนุ่มหัวร้อนขอโทษขับชนอาสา เจอข้อหา "พยายามฆ่า"พ่อไม่ได้เป็นตำรวจ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

จากกรณีสมาชิกเฟซบุ๊ก ชัย ดำรงธรรม โพสต์ข้อความเกี่ยวกับกรณี ชายวัยรุ่นมีอาการคลุ้มคลั่ง ใช้อาวุธปืนไล่ยิงประชาชน ตนจึงบอกให้ออกไปนอกพื้นที่หอพักซึ่งมีคนอยู่เป็นจำนวนมาก แต่ชายดังกล่าวกลับพยายามขับขี่รถเก๋งสีขาวไล่ชนตนถึง 2 ครั้ง ก่อนจะขับหนีไป พร้อมโพสต์ภาพ ชายลักษณะคล้ายวัยรุ่น สวมเสื้อสีชมพู สวมกางเกงขาสั้นสีดำ กำลังยืนคุยกับชายเสื้อขาว สวมกางเกงขายาวสีดำ และคลิปวีดีโอความยาวประมาณ 9 วินาที ซึ่งเป็นช่วงที่รถเก๋งสีขาว ขับพุ่งชนคู่กรณี ซ้ำเฉี่ยวชนรถจักรยานยนต์ล้ม 2 คัน ก่อนจะหลบหนีไป

>> หนุ่มโพสต์นาทีชีวิต "ลูกตำรวจใหญ่" จงใจขับรถชน 2 รอบ โดดหลบทันเลยรอดตาย (คลิป)

(9 ธ.ค. 61) นายศิริชัย ผะอบเหล็ก อายุ 31 ปี ตำรวจชุมชนประจำ สภ.คลองหลวง ผู้เสียหาย เปิดเผยว่า เมื่อเวลาประมาณ 16.15 น. ของวันที่ 8 ธ.ค. 61 ขณะที่ตนตรวจตราความเรียบร้อยบริเวณไซด์ก่อสร้าง ระหว่างนั้นมีรุ่นน้องขับวินมอเตอร์ไซด์ มาแจ้งว่ามีวัยรุ่นยิงปืนขึ้นฟ้า และอาจจะยิงบุคคลในหอพักด้วย ตนจึงรีบไปดูเหตุการณ์ เพื่อที่จะแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาระงับเหตุ

 นายศิริชัย ผะอบเหล็ก อายุ 31 ปี ตำรวจชุมชนประจำ สภ.คลองหลวง ผู้เสียหาย

เมื่อถึงสถานที่เกิดเหตุ พบชายคนดังกล่าวคว้าอาวุธปืนยิงขึ้นฟ้าจำนวน 2 ครั้ง แต่กระสุนปืนไม่ดัง ตนจึงตะโกนให้หยุดยิงและมาคุยกับตนก่อน พร้อมอธิบายว่าบริเวณนี้เป็นหอพัก มีแต่นักศึกษา ซึ่งชายวัยรุ่นเหมือนมีท่าทีอ่อนลง แต่เมื่อตนชักชวนให้ออกไปคุยนอกพื้นที่หอพัก กลับถูกตะคอกว่า จะออกไปคุยข้างนอกทำไม “กูเป็นลูกตำรวจ มึงคุยกับพ่อกูมั้ย เดี๋ยวพ่อกูจะมาเคลียร์” ตนก็พยายามเกลี้ยกล่อมต่อไปอีกว่า ขอให้ไปคุยกันข้างนอก เพราะส่วนนั้นเป็นพื้นที่จอดรถ ระหว่างนั่นตนเห็นว่านักศึกษาที่พักอยู่ที่แห่งนี้ก็กำลังทยอยกลับ

ตนจึงพยามบอกให้หยุด และแนะนำให้กลับบ้าน อย่ามาทำแบบนี้เลย ยังไงมันก็ไม่ดี เดี๋ยวจะเดือดร้อนพ่อแม่เปล่า ๆ ซึ่งชายวัยรุ่นมีลักษณะคล้ายไม่พอใจ และกลับขึ้นรถยนต์ไป ก่อนจะขับรถยนต์พุ่งตรงเข้าหาตน โดยตนรีบกระโดดขึ้นกระโปรงรถยนต์ที่จอดอยู่บริเวณนั้น พร้อมทั้งหยิบโทรศัพท์ออกมาบันทึกภาพทะเบียนรถ และรีบเดินกลับไปที่วินมอเตอร์ไซด์

นายศิริชัย กล่าวต่อว่า ตนเดินออกมาจากวินมอเตอร์ไซด์ เพื่อหลอกล่อให้อีกฝ่ายขับรถตามออกมาให้พ้นจากบริเวณหอพัก แต่ระหว่างที่ตนกำลังเดินอยู่นั้น จู่ๆ ชายวัยรุ่นก็ขับรถยนต์พุ่งมาทางตนเป็นครั้งที่ 2 โดยตนหลบทันแต่ล้มไปกับพื้น ขณะเดียวกัน รถยนต์คันดังกล่าวก็เฉี่ยวชนรถจักรยานยนต์ของคนงานก่อสร้างล้ม ก่อนจะมุ่งหน้าไปปากซอย และกลับรถตั้งลำ ก่อนจะพุ่งมาหาตนด้วยความเร็ว

ภาพวงจรปิด นาทีนายศิริชัย ถูกขับรถพุ่งชน

ขณะนั้นตนรู้แน่ว่า คนขับตั้งใจจะชนตน อีกเป็นครั้งที่ 3 จึงเอื้อมมือไปคว้าแผงกั้นหอพักขวางไว้ เพราะถ้าตนหาอะไรมาขวางไม่ทันก็คงจะเสียชีวิตแน่นอน หลังจากนั้นรถคันดังกล่าวชนเข้ากับแผงกัน เป็นเหตุให้กระจกข้าง และด้านข้างของรถได้รับความเสียหายมาก จากนั้น ตนจึงเดินทางเข้าแจ้งความ ซึ่งตนยืนยันว่าไม่รู้จัก และไม่เคยมีเรื่องบาดหมางกับคู่กรณีมาก่อน ส่วนที่ตนตัดสินใจโพสต์เรื่องราวลงเฟซบุ๊ก เพื่อเตือนภัยและเป็นอุทาหรณ์เท่านั้น

ไม่ได้อยากเอาเรื่องหรือสร้างชื่อเสียง เพียงแค่ต้องการให้คู่กรณีรู้ว่า ไม่ว่าจะเป็นลูกเต้าของใครก็แล้วแต่ หรือจะเป็นเจ้าหน้าที่ของบ้านเมือง จงรักษาเกียรติของพ่อและแม่เอาไว้ อย่าเอาอาชีพ เกียรติของพ่อแม่มาทำเรื่องเสื่อมเสีย อย่าเอาสีของพ่อแม่มาทำให้เสี่อมเสียวงศ์ตระกูล

ทั้งนี้ ตนต้องการบอกคู่กรณีให้เข้ามาติดต่อพนักงานสอบสวน เพื่อพูดคุยและทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้นจะดีกว่า ถึงอย่างไรก็สายเลือดตำรวจด้วยกัน ตนพร้อมที่จะพูดคุย และให้อภัยกันได้ แต่น้อง หรือคู่กรณีจะต้องยอมรับความเป็นจริง

ขณะเดียวกันนายศิริชัย ผู้เสียหาย พาทีมข่าวไปดูที่เกิดเหตุทั้ง 3 จุด ซึ่งเป็นจุดที่ชายดังกล่าวเร่งเครื่องชนผู้เสียหาย โดยจุดแรกพบว่ามีรอยล้อรถยนต์เห็นได้ชัด ส่วนจุดที่ 2 ห่างจากจุดแรก 5 เมตร ซึ่งในคลิปจะเห็นได้ว่ารถยนต์พุ่งตัวมาด้วยความเร็ว และแรง ส่งผลให้รถจักรยานยนต์ของคนงานล้ม ใกล้กันพบสักกะสี มีรอยยุบอย่างเห็นได้ชัดว่าถูกชน

และจุดที่ 3 ห่างไปอีก 5 เมตร มีเหล็กกั้นของหอพักตั้งอยู่ ซึ่งชายดังกล่าว กลับรถบริเวณหน้าปากซอย ก่อนที่จะขับรถมาด้วยความเร็ว เพื่อหวังจะชนผู้เสียหาย แต่ผู้เสียหายคว้ารั้วกั้นแบบมีล้อออกมาขวางได้ทัน จึงไม่ได้รับบาดเจ็บ ขณะที่รั้วกั้นมีสภาพยุบ และบิดงอเล็กน้อย ใกล้กันพบกระจกมองข้างตกอยู่ที่ถนน 1 อัน

ความเสียหายของรั้วสังกะสี หลังถูกคู่กรณีชนครั้ง 2

ด้าน นายวิสุทธิ์ อายุ 42 ปี ผู้เห็นเหตุการณ์ เล่าว่า ขณะที่ตนกำลังนั่งอยู่ที่วิน จู่ๆ มีรถยนต์ฮอนด้า แจ๊ส สีขาว เข้ามาบริเวณจุดจอดรถของหอพักแห่งหนึ่ง ก่อนที่ชายวัยรุ่นลงมาจากฝั่งคนขับ ด้วยอาการมึนเมา เดินไปเดินมา สายตาหลุกหลิก ทำให้ตนคาดว่าเป็นคนเมายา พร้อมกับติดเครื่องยนต์ และเปิดประตูรถค้างไว้ ก่อนชายคนดังกล่าวจะเดินมาปัสสาวะบริเวณหน้ารถ และตะโกนไปที่หอพักด้วยถ้อยคำหยาบคาย พร้อมทั้งตะโกนบอกให้ลงมา และให้ของลับ

เมื่อมีคนเดินผ่าน ชายคนดังกล่าวก็จะหันไปมองตาขวาง พร้อมกับจับที่กระเป๋า คล้ายกับจะหยิบของอะไรบางอย่างอยู่ตลอดเวลา จากนั้น ชายดังกล่าวจึงหยิบอาวุธปืนออกจากกระเป๋า ก่อนยิงเข้าไปที่หอพัก ตนจึงรีบไปตามเจ้าหน้าที่ หรือตำรวจชุมชน มาระงับเหตุ เมื่อชายดังกล่าวเผลอ ตนและพวกจึงเข้าไปล็อกตัว

จากนั้น ตำรวจชุมชนวิ่งมาคว้าปืนออกจากมือชายดังกล่าว และพยายามเดินหนี ปรากฎว่าชายดังกล่าวรีบสะบัดตัว แล้ววิ่งตามมาเอาปืน ก่อนจะวิ่งไปหาตำรวจชุมชนทันที หลังจากนั้นชายดังกล่าวรีบขึ้นรถยนต์ และขับพุ่งชนตำรวจชุมชนทันที นอกจากนี้ยังมีการอ้างว่าพ่อเป็นตำรวจอีกด้วย

นายวิสุทธิ์ กล่าวอีกว่า ชายดังกล่าวเคยพักอยู่ที่หอพักแห่งนี้ แต่เกิดมีปากเสียงกับแฟนสาวถึงขั้นทำร้ายร่างกาย ก่อนจะหายไป กระทั่งล่าสุด พบว่า ชายดังกล่าวกลับมาที่นี่อีกครั้ง แต่จะมาในช่วงกลางคืน และมักจะตะโกนคำหยาบคาย ให้ของลับคนในหอพักตลอด

นายศิริชัยเข้ามาระงับเหตุ และเชิญนายธนิกออกนอกพื้นที่

ต่อมา นายธนิก หรือ มาร์ค อายุ 20 ปี ผู้ก่อเหตุ เปิดเผยว่า ในวันเกิดเหตุ ตนเดินทางไปที่หอพัก เนื่องจากต้องการไปเคลียร์ปัญหาในอดีตกับเพื่อนคู่อริอีกคนหนึ่ง ขณะนั้นยอมรับว่า ตัวพกพาอาวุธปืนไทยประดิษฐ์ และดื่มแอลกอฮอล์ จากนั้นมีเจ้าหน้าที่มาระงับเหตุ ตนเกิดคนโกรธ จึงบันดาลโทสะ ตั้งใจขับรถชนเจ้าหน้าที่ ทั้งที่ก่อนหน้านี้ไม่ได้มีความคิดนั้นเลย กระทั่งเกิดเหตุจึงตัดสินใจทำลงไป ส่วนกรณีที่มีการกล่าวอ้างว่า พ่อของตนเป็นตำรวจนั้นไม่เป็นความจริง ตัวเองไม่ได้พูดหรืออ้างอย่างนั้น เนื่องจากผู้ปกครองของตนมีอาชีพเป็นช่างรับเหมา รับจ้างทั่วไป

จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนขอโทษและยอมรับผิดทั้งหมด ขอให้ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ขณะนี้ต้องรอเจ้าหน้าที่ตำรวจเรียกสอบ รวมถึงเข้าไปรับทราบข้อกล่าวหา ซึ่งตนก็ไม่ทราบว่าจะโดนแจ้งข้อหาอะไรบ้าง

เหตุการณ์ครั้งนี้ถือเป็นบทเรียน หากตนมีสติและควบคุมอารมณ์ได้ เหตุการณ์ก็คงจะไม่บานปลายขนาดนี้ พร้อมทั้งขอโทษสังคมกับเหตุการณ์ครั้งนี้อีกครั้ง และอยากจะให้พฤติกรรมนี้เป็นบทเรียนสำหรับความรุนแรง ไม่อยากให้ใครเอาเป็นแบบอย่าง และให้คิดทบทวนก่อนตัดสินใจอะไรลงไป

ล่าสุด พ.ต.อ.ฤทธินันท์ ปุ้ยพันธวงศ์ ผกก. สภ.คลองหลวง ให้ข้อมูลว่า ขณะนี้เจ้าหน้าจะแจ้งข้อหาพยายามฆ่ากับ นายธนิก ผู้ก่อเหตุ

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook