หนุ่มถูก "ไฟคลอก" ตายปริศนาคากระท่อม จนท.เร่งสืบไม่ทิ้งปมฆาตกรรม

หนุ่มถูก "ไฟคลอก" ตายปริศนาคากระท่อม จนท.เร่งสืบไม่ทิ้งปมฆาตกรรม

หนุ่มถูก "ไฟคลอก" ตายปริศนาคากระท่อม จนท.เร่งสืบไม่ทิ้งปมฆาตกรรม
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

พบหนุ่มวัย 38 ปี ชาวอำเภอห้วยผึ้ง จังหวัดกาฬสินธุ์ ถูกไฟเผาไหม้เกรียม-ลิ้นจุกปากตายปริศนาคากระท่อมเพื่อนบ้านกลางสวนยางพารา เบื้องต้นตำรวจมุ่งปมสาเหตุฆ่าตัวตาย แต่ยังไม่ตัดประเด็นฆาตกรรมอำพราง

เมื่อเวลา 09.30 น. วันที่ 13 พฤศจิกายน 2561 พล.ต.ต.ทินณะรัตน์ เพ็ชรพันธ์ศรี ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ พ.ต.อ.ออมสิน ตรารุ่งเรือง รอง ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ พ.ต.อ.อรุณรัตน์ ศรีเชียงสา ผกก.สภ.ห้วยผึ้ง พ.ต.อ.ธีรพัฒน์ ธารีไทย ผกก.สืบสวน ภ.จว.กาฬสินธุ์ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนตำรวจภูธร จ.กาฬสินธุ์ ชุดสืบสวน สภ.ห้วยผึ้ง แพทย์ รพ.ห้วยผึ้ง เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานตำรวจภูธร จ.กาฬสินธุ์ และผู้นำชุมชนเข้าตรวจสอบกระท่อมในสวนยางพารา บริเวณบ้านผึ้ง ม.4 ต.ไค้นุ่น อ.ห้วยผึ้ง จ.กาฬสินธุ์ หลังจากได้รับแจ้งจากชาวบ้านว่ามีผู้เสียชีวิตอย่างปริศนา ซึ่งถูกไฟไหม้ทั้งตัวภายในกระท่อม

โดยที่เกิดเหตุเป็นกระท่อมไม้มุ่งด้วยสังกะสีชั้นเดียวยกสูง สภาพบริเวณด้านหน้าพื้นกระดาน และโครงหลังคาถูกไฟไหม้เสียหายเป็นบางส่วน บนกระท่อมพบศพนายบุญเลิศ เลิศล้ำ อายุ 38 ปี สภาพศพถูกไฟไหม้เกรียมทั้งตัว ดำเป็นตอตะโก และจากการตรวจสอบลิ้นจุกปาก นอกจากนี้บริเวณโดยรอบยังพบเสื่อที่นอน มุ้ง เสื้อผ้า ถูกไฟไหม้เสียหายอีกด้วย

จากการถามชาวบ้านผู้เห็นเหตุการณ์เบื้องต้นทราบว่า เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 12 พฤศจิกายนที่ผ่านมา มองเห็นควันไฟพวยพุ่งออกมาจากกระท่อมหลังดังกล่าว จึงช่วยกันมาช่วยดับไฟ แต่ก็ต้องตกตะลึงเพราะมีศพคนตาย ซึ่งถูกไฟคลอกเนื้อตัวดำเป็นตอตะโกอยู่บนกระท่อม จึงรีบแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบ แต่เนื่องจากช่วงเวลาเกิดเหตุค่อนข้างมืดและไม่มีไฟฟ้า เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานจึงต้องเข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุในช่วงเช้า

ทั้งนี้จากการสอบสวนเบื้องต้นทราบว่า ผู้ตายไม่ได้เป็นเจ้าของกระท่อม แต่มีกระท่อมอยู่ในที่นา และไร่อ้อยของตนเอง ซึ่งอยู่ใกล้กันกับที่เกิดเหตุ โดยอาศัยอยู่เพียงคนเดียว ส่วนภรรยานั้นได้หย่าร้างกันไปนานหลายปีแล้ว และมีลูกสาว 1 คน แต่อยู่กับภรรยา ทั้งนี้ก่อนเกิดเหตุผู้ตายได้ว่าจ้างชาวบ้านมาเกี่ยวข้าวและในช่วงเย็นได้ขี่รถจักรยานยนต์เข้าไปซื้อน้ำแข็งในหมู่บ้าน กระทั่งหายตัวนาน และถูกไฟไหม้เสียชีวิตในกระท่อมเพื่อนบ้านดังกล่าว เจ้าหน้าที่จึงได้ส่งศพ เพื่อตรวจพิสูจน์หาสาเหตุการเสียชีวิตอย่างละเอียดที่ รพ.ศรีนครินทร์ จ.ขอนแก่นต่อไป

ด้าน พล.ต.ต.ทินณะรัตน์ เพ็ชรพันธ์ศรี ผบก.ภ.จว.กาฬสินธุ์ กล่าวว่า เบื้องต้นจากการตรวจสอบที่เกิดเหตุยังไม่พบร่องรอยที่เกิดจากการต่อสู้ และจากการตรวจสอบสภาพศพนั้นเบื้องต้นยังไม่พบบาดแผลและยังไม่สามารถระบุสาเหตุการเสียชีวิตได้ เนื่องจากสภาพศพถูกไฟไหม้ทั้งหมด อีกทั้งที่เกิดเหตุยังถูกไฟไหม้บางส่วนด้วย

อย่างไรก็ตามเบื้องต้นเจ้าหน้าที่มุ่งปมสาเหตุการเสียชีวิตไปที่การฆ่าตัวตาย เนื่องจากสอบสวนญาติและเพื่อนบ้านพบว่า ผู้ตาเคยบ่นว่าเครียดเรื่องต่างๆ และก่อนเสียชีวิตได้พูดจาแปลกๆ และมีอาการเหม่อลอย ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ยังไม่ตัดประเด็นการฆาตกรรมแล้วอาจจะจุดไฟเผา เพื่ออำพรางคดี จึงได้ส่งชุดสืบสวนตำรวจภูธร จ.กาฬสินธุ์ลงพื้นที่ร่วมกับชุดสืบสวน สภ.ห้วยผึ้ง และชุดสืบสวนภาค 4 เพื่อเร่งติดตามหาข่าว เนื่องจากเป็นการเสียชีวิตที่ผิดธรรมชาติ พร้อมกับส่งศพตรวจพิสูจน์หาสาเหตุการเสียชีวิตอย่างละเอียด ซึ่งหากผลการตรวจออกมาถึงจะมีความชัดเจนทราบว่าสาเหตุการเสียชีวิตเกิดจากการฆ่าตัวตายหรือฆาตกรรม

ขณะที่นายบุญเพ็ง มูลมี อายุ 53 ปี เพื่อนบ้าน กล่าวว่า ได้มารับจ้างเหมาเกี่ยวข้าวให้กับผู้ตาย พร้อมกับเพื่อนบ้านหลายคน โดยก่อนเกิดเหตุผู้ตายได้ออกไปซื้อน้ำแข็งในหมู่บ้าน เพื่อเอามาให้แรงงานที่จ้างเกี่ยวข้าว ซึ่งก่อนขี่รถจักรยานยนต์ออกไปนั้นได้พูดจาวกวน พูดจาแปลกๆ และมีอาการเหม่อลอย โดยบอกว่า “ยังไม่เสร็จ สุดท้ายจะต้องตัดสินใจด้วยตนเอง” ซึ่งตนก็ไม่ได้เอะใจอะไร เพราะคิดว่าคงจะพูดหยอกเล่นกับคนงาน กระทั่งหายไปนานหลายชั่วโมง จนมีคนมาบอกว่าถูกไฟคลอกคายในกระท่อมของเพื่อนบ้าน ทั้งนี้ที่ผ่านมาเคยได้ยินผู้ตายบ่นว่าเครียดเรื่องต่างๆ ทั้งปัญหาเรื่องที่ดินปลูกอ้อยและปัญหาครอบครัว ส่วนลึกๆ สาเหตุนั้นไม่ทราบจริงๆ ทราบเพียงแต่ว่าผู้ตายไม่เคยมีเรื่องทะเลาะหรือมีศัตรูกับใครมาก่อน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook