รวบแล้ว! ฆาตกรฆ่า "สาวใหญ่" ทิ้งคลองชลประทาน ที่แท้เป็นลูกจ้าง

รวบแล้ว! ฆาตกรฆ่า "สาวใหญ่" ทิ้งคลองชลประทาน ที่แท้เป็นลูกจ้าง

รวบแล้ว! ฆาตกรฆ่า "สาวใหญ่" ทิ้งคลองชลประทาน ที่แท้เป็นลูกจ้าง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

22 ต.ค. 2561 ที่ จ.สุพรรณบุรี จากกรณีพบศพนางสาวกำไล อายุ 49 ปี ชาว อ.เมืองสุพรรณบุรี ที่เสียชีวิตอยู่ภายในคลองชลประทาน เลียบถนนสายบ้านดอยมะเกลือ-บ้านเสาธง หมู่ 5 ตำบลบางปลาม้า อำเภอบางปลาม้า จังหวัดสุพรรณบุรี

ตรวจสอบสภาพศพมีบาดแผลที่คิ้วขวา กกหูซ้ายและแก้มซ้าย สอบสวนทราบว่าเดิมผู้ตายมีอาชีพเลี้ยงเป็ดไล่ทุ่ง ต่อมาได้จ้างนายด้วง ไม่ทราบชื่อจริงและนามสกุล มาช่วยเลี้ยงเป็ดโดยมักจะไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด

ต่อมาผู้ตายติดเงินค่าจ้างนายด้วง 4,000-5,000 บาท และนายด้วงได้ทวงถามเรื่อยมา กระทั่งผู้ตายหยุดเลี้ยงเป็ดไล่ทุ่ง หันมารับจ้างพี่ชายตัดไม้โดยพานายด้วงมาทำงานด้วย

หลังเกิดเหตุด้วงก็หายตัวไป สันนิษฐานว่าจะเป็นคนร้ายที่ก่อเหตุ ส่วนสาเหตุเบื้องต้นเจ้าหน้าที่ตั้งไว้ 2 ประเด็นคือฆ่าด้วยความโมโหที่ผู้ตายติดหนี้ไม่ยอมจ่ายและหึงหวง หลังเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ได้สืบสวนติดจับกุมคนร้ายมาอย่างต่อเนื่องจนสามารถจับกุมคนร้ายที่ก่อเหตุได้

>>ผงะ! พบศพสาวใหญ่ลอยกลางคลองชลประทาน ตร.มุ่งปมฆาตกรรมอำพราง

ความคืบหน้า เมื่อเวลา 11.20 น. วันที่ 22 ต.ค. พ.ต.อ.อภิชิต สุรพินิจ รอง ผบก.ภ.จว.สุพรรณบุรี พ.ต.อ.ชัยรัตน์ บัวขม ผกก.สภ.บางปลาม้า นำกำลังเจ้าหน้าที่สายตรวจและสืบสวนกว่า 20 นายคุมตัวนายวิมล หรือด้วง อายุ 49 ปี

ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดสุพรรณบุรี ที่ 269/2561 ลงวันที่ 24 ส.ค. 2561 ข้อหาฆ่าผู้อื่นไปทำแผนขั้นตอนการก่อเหตุ ประกอบคำรับสารภาพ ที่บริเวณเพิงพักคันคลองส่งน้ำชลประทาน หมู่ 3 ต.รั้วใหญ่ ซึ่งเป็นจุดที่ผู้ตายใช้เป็นที่พักและอนุบาลลูกเป็ดไล่ทุ่ง และเป็นที่นั่งดื่มสุรากันก่อนที่จะเกิดเหตุ

จากการสอบสวนนายวิมล ผู้ต้องหารับสารภาพว่าเป็นคนก่อเหตุฆ่านางสาวกำไลจริง ส่วนสาเหตุเกิดจากความโมโหที่ผู้ตายติดหนี้ค่าจ้างตนเลี้ยงเป็ดรวมเป็นเงินกว่า 10,000 บาท

เมื่อทวงถามผู้ตายก็จะบ่ายเบี่ยงจนสุดท้ายผู้ตายได้เลิกเลี้ยงเป็ดหันไปรับจ้างตัดไม้กับพี่ชาย โดยผู้ตายได้พาตนไปทำงานด้วย ต่อมาตนและผู้ตายได้มีความสัมพันธ์กันลึกซึ้ง แต่ตนยังไม่ลืมเงินค่าจ้างที่ติดค้างอยู่ พยายามทวงถามแต่ก็ไม่ได้

กระทั่งเย็นวันที่ 10 ส.ค. ตนและผู้ตายได้นั่งดื่มสุรากันที่เพิงพักจนดึกหลังจากเมาได้ที่ตนจึงได้ทวงถามเงินจากผู้ตายอีกแต่ผู้ตายก็ยังไม่ยอมจ่ายตนจึงพูดหยอกล้อว่าถ้าเจ๊ ไม่จ่ายผมจะหนีไปมีเมียใหม่นะ ทำผู้ตายไม่พอใจคว้าท่อนไม้มาตีตน

ตนพยายามยกแขนป้องและแย่งท่อนไม้ไว้ แต่เจ๊ไม่ยอมหยุดจึงเกิดการยื้อแย่งท่อนไม้จนมาถึงริมคลอง ระหว่างที่เกิดการยื้อแย่งนั้นท่อนไม้ได้กระแทกเข้าบริเวณท้องน้อยของเจ๊ ทำให้เจ๊ ล้มกลิ้งลงไปในคลองที่ลึกและกระแสน้ำไหลเชี่ยว

ตนพยายามจะลงไปช่วยแต่ว่ายน้ำน้ำไม่เป็น เจ๊จึงจมหายไปในน้ำ หลังจากนั้นตนจึงกลับมานั่งอยู่ในเพิงพักจนเกือบสว่าง จึงคิดว่าถ้าเจ๊ตายไปคงจะหนาว เนื่องจากไม่ได้สวมเสื้อ จึงนำเสื้อของเจ๊ไปเผาไฟเพื่อสร้างความอบอุ่นให้ดวงวิญญาณของเจ๊

ก่อนจะเดินไปเรื่อยเปื่อยจากนั้นได้ขึ้นรถหนีไปหางานทำที่ จ.กาญจนบุรี และกรุงเทพ ช่วงที่อยู่ จ.กาญจนบุรี ตนมีเงินติดตัวเพียง 200 กว่าบาทจึงใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐไปซื้อตั๋วรถไฟเดินทางเข้ากรุงเทพ กระทั่งถูกตำรวจแกะรอยตามจับได้

ทางด้าน พ.ต.อ.อภิชิต สุรพินิจ รอง ผบก.ภ.จว.สุพรรณบุรี กล่าวว่าหลังเกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สืบสวนรวบรวมพยานหลักฐานจนทราบว่าคนร้ายที่ก่อเหตุคือนายวิมล จึงขออนุมัติศาลออกหมายจับและติดตามจับกุม พร้อมกับประสานไปยังท้องที่ต่างๆ

กระทั่งได้เบาะแสว่าคนร้ายได้ใช้บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ไปซื้อตั๋วรถไปที่ จ.กาญจนบุรี เดินทางเข้ากรุงเทพ จึงได้ประสานกับ พ.ต.อ.บัณฑิต สิงหประชา ผกก.3 บก รฟ.พ.ต.ท.ฐิติกร วันเจริญพันธุ์ รอง ผกก.ป.สภ.เมืองกาญจนบุรี

กระทั่งพบผู้ต้องหานำบัตรสวัสดิการแห่งมาซื้อตั๋วรถไฟ อีกจึงได้จับกุมตัวไว้ได้ดังกล่าวซึ่งจากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพจึงควบคุมตัวส่งดำเนินคดีต่อไป

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook