น้ำป่าไหลหลาก ซัด "สะพานข้ามคลองตุย" ขาดสองข้าง จนไม่สามารถใช้การได้

เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง และส่วนท้องถิ่น เข้าสำรวจสะพานข้ามคลองตุย ซึ่งเชื่อมต่อพื้นที่หมู่ที่ 15 ตำบลท่าขนอน กับ หมู่ 9, 8 ต.น้ำหัก อำเภอคีรีรัฐนิคม จังหวัดสุราษฎร์ธานี หลังคอสะพานทั้งสองด้านถูกน้ำกัดเซาะดินเป็นหลุมกว้างประมาณ 5 เมตร จนไม่สามารถใช้การได้

วันที่ 9 ตุลาคม 2561 เมื่อเวลา 9.00 น. เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง และส่วนท้องถิ่น เข้าสำรวจสะพานข้ามคลองตุย ซึ่งเชื่อมต่อพื้นที่หมู่ที่ 15 ตำบลท่าขนอน กับ หมู่ 9, 8 ต.น้ำหัก อำเภอคีรีรัฐนิคม จังหวัดสุราษฎร์ธานี

หลังจุดดังกล่าวได้รับผลกระทบจากฝนตกหนักเมื่อคืนที่ผ่านมา จนทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลากจากเทือกเขาต้นน้ำของน้ำตกโตนเข้าท่วมพื้นที่ชุมชน จนทำให้คอสะพานทั้งสองด้านถูกน้ำกัดเซาะดินเป็นหลุมกว้างประมาณ 5 เมตร จนไม่สามารถใช้การได้

เบื้องต้นทาง อยต.ท่าขนอน เข้าสำรวจพื้นที่เพื่อเร่งซ่อมแซมชั่วคราวให้ประชาชนสัญจร รวมถึงวางแผนฟื้นฟูหลังหมดฝนอีกครั้ง

โดยนายสายัญ วิเชียร ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 15 บอกว่า ในช่วงคืนที่ผ่านมา ในพื้นที่ฝนตกไม่เยอะวัดปริมาณน้ำฝนได้ 25 มิลลิเมตร แต่มีฝนตกหนักในพื้นที่ตอนเหนือติดภูเขา จนน้ำหลากมาในช่วงเวลาประมาณ 20.00 น. ไหลหลากประมาณ 1 ชม. ก่อนจะลดระดับลง

เบื้องต้นมีคอสะพานชำรุดไม่สามารถใช้การได้ ชาวบ้านสองตำบลต้องใช้เส้นทางอื่นในการสัญจร มีบ้านเรือนถูกน้ำเข้าบริเวณบ้าน 2 หลัง มีรถจักรยานยนต์ 2 คัน ถูกน้ำซัดตกคลองสูญหายยังหาไม่เจอ และยังพบแม่วัวท้องแก่ 1 ตัว ถูกน้ำซัดจนตาย พร้อมลูกในท้อง

ซึ่งปกติถ้าฝนตกติดต่อหลายวันจะเก็บทรัพย์สินไว้ที่ปลอดภัย แต่ครั้งนี้ฝนตกไม่มาก แต่กลับเกิดน้ำหลาก ดังนั้นประชาชนพื้นที่ริมภูเขาควรเก็บทรัพย์สินไว้ที่ปลอดภัยอย่าประมาท

สำหรับสถานการณ์ล่าสุดฝนในพื้นที่หยุดทิ้งช่วงหลายชั่วโมง ทำให้ระดับน้ำลดลงเกือบเข้าสู่ภาวะปกติ ทิ้งไว้แต่ร่องรอยความเสียหาย เบื้องต้นมีอย่างน้อยใน2ตำบลของอำเภอคีรีรัฐนิคมและอำเภอพนม เจ้าหน้าที่เร่งพื้นที่ลงพื้นที่สำรวจความเสียหายและให้การช่วยเหลือชาวบ้านเบื้อวต้นก่อน

ด้าน ปภ.สุราษฎร์ธานี ยังคงให้เจ้าหน้าที่มิสเตอร์เตือนภัยที่ประจำอยู่ทุกหมู่บ้านติดตามสถานการณ์ เพื่อแจ้งเตือนและช่วยเหลือประชาชนอย่างต่อเนื่อง

ขณะที่ทางอุตุนิยมวิทยาภาคใต้ฝั่งตะวันออกยังคาดการณ์ว่ายังมีฝนร้อยละ 60 ของพื้นที่โดยเฉพาะช่วงเย็นถึงค่ำ ประชาชนควรระมัดระวังการเดินทางและทรัพย์สินในพื้นที่ริมภูเขาที่มีฝนตกหนัก ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำป่าไหลหลากและน้ำท่วมฉับพลันได้