สุรินทร์แล้งหนัก ฝนทิ้งช่วงนาน ข้าวยืนต้นตายนับพันไร่ วอนรัฐช่วยเหลือด่วน!

วันนี้ (11 ก.ค. 61) ที่ทุ่งนาบ้านระหาร ต.ชุมพลบุรี จ.สุรินทร์ นายบัญญัติ จำปาทาสี ผู้ใหญ่บ้านระหาร ได้พาผู้สื่อข่าวลงพื้นที่นาข้าวหอมมะลิของชาวบ้านบ้านระหาร ที่ลงมือหว่านข้าวไว้ตั้งแต่ปลายเดือนเมษายน

พบว่าต้นข้าวกำลังเหี่ยวแห้ง บางส่วนก็ยืนต้นตายไปเป็นจำนวนมากเนื่องจากขาดน้ำ หลังจากฝนทิ้งช่วงไม่ตกลงมาร่วม 2 เดือนแล้ว จนสภาพดินเป็นผุยผง

เฉพาะหมู่ 10 ตอนนี้คาดว่าเสียหายไปแล้ว จำนวนกว่า 2,218 ไร่ จากพื้นที่ทำนาทั้งหมด 3,827 ไร่ ถ้ารวมพื้นที่หมู่บ้านอื่นๆด้วย คาดว่าน่าจะมีความเสียหายนับหมื่นไร่

ขณะที่ชาวบ้านก็ได้แต่นั่งรอน้ำจากฝนที่จะตกลงมาอย่างมีความหวัง ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะตกลงมาเมื่อไหร่ หากฝนตกลงมาในช่วงนี้ ก็น่าจะพอยืดชีวิตต้นข้าวให้รอดจากตายได้บ้าง

ส่วนชาวบ้านบางรายที่ต้นข้าวยืนต้นตายไปหมดแล้ว ก็ได้มีการไถกลบเพื่อที่จะทำการหว่านข้าวใหม่อีกรอบ แต่ก็ต้องรอคอยฝนตกลงมาต่อไป ไม่พอชาวนายังประสบปัญหาขาดเมล็ดพันธุ์ข้าวที่ตอนนี้หายากและอาจมีราคาสูงอีกด้วย

นายบัญญัติ จำปาทาสี ผู้ใหญ่บ้านระหารกล่าวว่า ตอนนี้นาข้าวในพื้นที่เสียหายไป 2 พันกว่าไร่ ตามที่ชาวบ้านแจ้งมาว่าพื้นที่เสียหายเฉพาะหมู่บ้านระหารหมู่เดียวจากพื้นที่ทำนาทั้งหมด 3,827 ไร่ และตนก็ได้ทำหนังสือแจ้งไปทางหน่วยงานอำเภอและเกษตรอำเภอไปแล้วในเบื้องต้นเมื่อวันที่ 9 ก.ค.ที่ผ่านมา

จำนวนผู้ที่นาข้าวเสียหายแจ้งมาตอนนี้จำนวน 153 ราย แต่ก็ยังไม่เห็นมีหน่วยงานลงมาดู ขณะที่บ้างหมู่บ้านก็ได้มีการแจ้งไปแล้วหลายหมู่บ้านด้วยเช่นกัน ทุกวันตนจะขี่มอเตอร์ไซค์ออกสำรวจดู แต่ละเจ้าๆก็จะพบปัญหาสภาพความเป็นจริงอย่างที่เห็นนี้

ส่วนสาเหตุนั้นเกิดจากฝนทิ้งช่วงเป็นเวลานาน เพราะพื้นที่นี้ใช้น้ำจากธรรมชาติเพียงอย่างเดียว ทุกปีที่ผ่านมาก็ไม่เคยประสบปัญหาแบบนี้ ข้าวที่นี่จะสวยงามมาก

จากสภาพต้นข้าวตอนนี้เท่าที่สำรวจดู หากฝนตกลงมาช่วงนี้คาดว่าคงจะไม่ฟื้น เพราะว่าไส้ของลำต้นข้าวแห้งตายไปหมดแล้ว เซลล์อะไรต่างๆก็ตายไปหมดแล้ว

ที่ส่งเรื่องไปทางอำเภอก็อยากจะให้หน่วยงานรัฐลงมาดู เพื่อที่จะหาทางช่วยเหลือชาวบ้านบ้าง หรือทางจังหวัดช่วยประกาศเป็นพื้นที่ภัยแล้งให้ด้วย เพราะได้รับความเดือดร้อนจริงๆ สภาพฝนทิ้งช่วงยาวนานแบบนี้ชาวบ้านไม่เคยเจอมาเป็น 20 ปีแล้ว