ดร.ธรณ์ โพสต์ทัศนะ ทรัมป์ ไม่สนภาวะโลกร้อน

ดร.ธรณ์ โพสต์ทัศนะ ทรัมป์ ไม่สนภาวะโลกร้อน

ดร.ธรณ์ โพสต์ทัศนะ ทรัมป์ ไม่สนภาวะโลกร้อน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หลังผลเลือกตั้งสหรัฐอเมริกาสิ้นสุดเป็นที่เรียบร้อย ประธานาธิบดีคนที่ 45 คือ นายโดนัลด์ ทรัมป์ จากพรรครีพับลิกัน นักธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ผู้ทรงอิทธิพล ผลที่ปรากฏนั้นชาวอเมริกันบางส่วนไม่เห็นด้วยกับการที่ ทรัมป์ ขึ้นมาเป็นผู้นำ และไม่เพียงแต่ชาวอเมริกัน ชาวโลกหลายๆ ประเทศยังจับตามองอย่างใกล้ชิดอีกด้วย ด้วยนโยบายที่สุดโต่งของเขานั้นเอง 

ทั้งนี้ ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์ ได้โพสต์ข้อความบทวิเคราะห์ไว้ผ่านเฟซบุ๊คที่ใช้ชื่อว่า "Thon Thamrongnawasawat"

เมื่อทรัมป์จะเป็นประธานาธิบดีคนต่อไป หลายท่านวิเคราะห์ถึงผลกระทบในด้านต่างๆ แต่ยังไม่ค่อยมีคนพูดถึงสิ่งแวดล้อมโดยเฉพาะ #ภาวะโลกร้อนที่กระทบต่อทุกคน ผมจึงอยากอธิบายสั้นๆ เกี่ยวกับประเด็นนี้
ทรัมป์เป็นคนที่ฝังหัวด้านเศรษฐกิจ อันนี้เรื่องแน่เพราะแบคกราวน์เป็นเช่นนั้นมาตลอด

เขาชื่นชอบความเจริญทางวัตถุ วัดความเจริญด้วย GDP แม้แต่ในปราศรัยแรกตอนประกาศชัยชนะ ยังพูดถึง Double the Growth

ผมไม่แปลกใจที่ทรัมป์เน้นเรื่องนี้ เพราะเขาเชื่ออย่างจริงจังว่าเงินคือความเจริญ ความรวยของคนในยุคนี้มีความหมายเหนืออื่นใด และคนอเมริกันจำนวนหนึ่งก็เชื่อเช่นนั้น ไม่งั้นจะโหวตให้ทรัมป์ชนะได้ไง

ทรัมป์บอกไว้ตอนหาเสียง

1) เขาจะสนับสนุนการใช้พลังงานฟอสซิล น้ำมัน ถ่านหิน หรืออะไรก็ตาม วิธีนี้ทำให้เกิดการแข่งขันการผลิต ส่งผลให้น้ำมันและเชื้อเพลิงแบบนี้ถูกลง ช่วยให้เศรษฐกิจเคลื่อนเร็ว แต่ผลกระทบที่ตามมาคือก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์มหาศาลย่อมเกิดขึ้น

2) ทรัมป์บอกว่าเขาไม่สนใจสนับสนุนพลังงานทดแทนและพลังงานหมุนเวียน เรื่องนี้ก็ไม่แปลก เพราะพลังงานพวกนั้นดีแต่แพง เปรียบเสมือนยาไทยที่ส่งผลช้าแต่ไม่มีปัญหาในระยะยาว ทรัมป์ชื่นชอบยาแรง แนวหาเสียงคือรวยฉับพลัน ย่อมไม่ชอบยาสมุนไพรไทย

3) ทรัมป์พูดถึงอนุสัญญาหรือข้อตกลงต่างๆ เกี่ยวกับโลกร้อน แม้จะไม่เต็มปาก แต่ในอนาคต มีท่าทีว่าอเมริกาอาจไม่สนับสนุนหรือหากโหดหน่อย ก็ไม่สนใจและยกเลิกอนุสัญญาทั้งทีเซ็นไปแล้วหรือยังไม่เซ็น

4) ทรัมป์ยังพูดถึงเงินสนับสนุนองค์กรระหว่างประเทศเพื่อจัดการกับภาวะโลกร้อน เขาบอกว่าเก็บตังค์ไว้ดูแลสิ่งแวดล้อมในประเทศตัวเองดีกว่า นั่นก็เป็นอะไรที่ทำให้หลายองค์กรตกอกตกใจ อเมริกาเลิกสนับสนุน แล้วเราจะเอาเงินจากไหนมาล่ะจ๊ะ

ผมนำมาบอกคุณ 4 ข้อที่เห็นชัดหน่อย เพื่อแสดงให้เห็นว่า อนาคตข้างหน้าอาจเปลี่ยนแปลงรุนแรงไม่น้อย อย่าลืมว่ารีพับลิกันครองสภา กฎหมายหรืออะไรก็ตามที่ต้องผ่านสภา มันจะง่ายกว่าสมัยก่อนครับ
ผลกระทบอาจต่อเนื่องไปสู่หลายประเทศ โดยเฉพาะประเทศอุตสาหกรรมรุ่นใหม่ที่กำลังต้องการเร่งการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจ แต่ต้องชะลอเพราะเรื่องโลกร้อน

แต่ถ้าอเมริกาไม่สน แล้วทำไมเราต้องสนด้วยล่ะจ๊ะ ท่าทีของหลายประเทศอาจเปลี่ยนไป การตกลงร่วมมือกันเพื่อดูแลโลกคงลำบากมากกว่าเดิม

ทั้งหมดที่บอกมา ไม่ใช่เรื่องแปลกเพราะแนวคิดของทรัมป์เป็นเช่นนี้อยู่แล้ว และเขาก็หาเสียงในรูปแบบเงินๆ เกรทๆ สไตล์ทุนนิยมสุดกู่ ผมจึงไม่ว่าอะไรเขาหรอก เพราะไงๆ ก็พูดกันตรงไปตรงมา ว่าแต่...แล้วเราจะทำอย่างไร

ผมทราบว่าเราต้องปรับตัว แต่จะปรับขนาดไหน เราต้องรอดูไปสักพัก อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ผมหวังว่ารัฐบาลและคนไทยจะยึดมั่น คือพระราชดำรัสของพระองค์ในเรื่องโลกร้อน ในวันที่ 4 ธันวาคม 2532
"...ประเทศไทยนี้ก็เติบโตขึ้นมา จะมีหน้ามีตาในโลกว่าเป็นประเทศที่มั่นคง เป็นประเทศที่ดี เราต้องมีความรับผิดชอบในโลกให้มากขึ้น ทั้งนี้เชื่อว่าเป็นความดีของประเทศไทย"

พระองค์เน้นย้ำ #ความรับผิดชอบ และ #ความดีของประเทศไทย เป็นเรื่องสำคัญสุดของการอยู่ร่วมกันในโลกที่กำลังเกิดปัญหาจากก๊าซเรือนกระจกหนักหน่วงขึ้นทุกวัน ไม่ใช่นโยบายตัวใครตัวมันหรือเอารวยเข้าว่า
ไม่ว่าอเมริกาหรือโลกจะเปลี่ยนแปลงเป็นเช่นไร หากเรายังยึดพระราชดำรัสไว้เหนือหัว กำหนดให้ชัดเจนในยุทธศาสตร์และนโยบายของชาติ เป็นวิสัยทัศน์ไปข้างหน้าอีก 20-50 ปี

ความดีของประเทศไทย จะสร้างประโยชน์ให้ชาติในระยะยาวอย่างมหาศาล มากกว่าความรวยในระยะสั้นครับ

ดร.ธรณ์ ธำรงนาวาสวัสดิ์

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook