โอละพ่อ! ผัวเมียสเปนหนีตาย อ้างถูกคนร้ายลวงชิงทรัพย์

2 สามีภรรยาชาวสเปน วิ่งหนีตายเข้าป่า อ้างถูกคนร้ายหลอกชิงทรัพย์ สุดท้ายโอละพ่อ! แค่ผู้หวังดี ช่วยหาที่พัก-ชวนไปกินข้าว เห็นเป็นนักท่องเที่ยวต่างชาติ

เมื่อวานนี้ (14 มี.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.วังทอง จ.พิษณุโลก ได้รับแจ้งจากพลเมืองดีว่า ได้ช่วยเหลือนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติวิ่งหนีคนร้าย หลังโดนล่อลวงไปหวังจะชิงทรัพย์สิน ในสภาพอิดโรยและตื่นตกใจ จึงนำตัวส่งรักษาที่โรงพยาบาลวังทอง

เจ้าหน้าที่จึงได้ติดตามไปตรวจสอบ ที่โรงพยาบาลวังทอง เจ้าหน้าที่พบนักท่องเที่ยวชายหญิงคู่สามีภรรยา สัญชาติสเปน ตกอยู่ในสภาพตกใจกลัว ตามร่างกายมีบาดแผลถลอกและถูกต้นหญ้าบาด รวมทั้งเลอะเปรอะดินโคลนไปตั้งแต่หัวจรดเท้า เจ้าหน้าที่พยาบาลจึงได้ทำความสะอาดและทำแผลให้ทั้งสอง

จากการตรวจสอบทราบว่า 2 สามีภรรยาดังกล่าวคือ คาร์ลอส โกเมซ-ริโก้ การ์เซีย อายุ 35 ปี และ กัวดาลู บัวธิซิส อายุ 29 ปี เป็นชาวสเปน ทั้งสองให้การว่า เดินทางมาท่องเที่ยวเมืองไทย ตั้งแต่วันที่ 11 มีนาคมที่ผ่าน จนกระทั่งมาเที่ยวต่อที่ จ.สุโขทัย ช่วงเย็นวันที่ 13 มีนาคม ได้นั่งรถย้อนกลับมาที่ จ.พิษณุโลก ก่อนจะพบกับชายชาวต่างชาติกับภรรยาคนไทย เข้ามาพูดคุยและทักทาย ก่อนจะชักชวนไปพักที่บ้าน

จนกระทั่งเวลาประมาณ 20.00 น. ทั้งสองเริ่มคิดว่าถูกคนร้ายหลอกลวงมาชิงทรัพย์ จึงพยายามจะขอปลีกตัวกลับที่โรงแรมที่พัก แต่เจ้าของบ้านหลังดังกล่าวไม่ยอมพาไปส่ง จึงอาศัยช่วงจังหวะที่เผลอ พากันวิ่งหลบหนีออกมาจากบ้านหลังดังกล่าวเข้าไปในป่าทุ่ง คนร้ายขับรถจักรยานยนต์ตามมา ทั้งสองจึงคลุกคลานอำพรางตัวอยู่ในทุ่ง รอกระทั่งเช้าจึงเดินออกมาขอความช่วยเหลือ

จนกระทั่งเวลาต่อมา นายมาร์ค หนุ่มใหญ่ชาวต่างชาติที่อาศัยอยู่กับภรรยาชาวไทย ได้เดินทางมาพบกับสองสามีภรรยาที่โรงพยาบาล โดยชี้แจงว่า ตนอาศัยอยู่ที่ จ.พิษณุโลก กับภรรยาชาวไทยมากว่า 20 ปีแล้ว ปัจจุบันทำงานเป็นอาจารย์สอนอยู่มหาวิทยาลัยนเรศวร ก่อนเกิดเหตุตนเห็นทั้งสองเป็นนักท่องเที่ยวเดินทางมาลงรถที่สถานีขนส่ง จึงเกิดเจตนาดี เข้าไปอาสาช่วยเหลือและหาที่พัก เพราะเห็นคนต่างบ้านต่างเมือง

ตนพาไปเช่าห้องพักที่โรงแรม ย่านถนนบัวคลี่ ก่อนจะชักชวนทั้งสองไปทานข้าวที่บ้านตัวเอง มีการดื่มสังสรรค์กันพอประมาณ แต่จู่ๆ ทั้งสองก็วิ่งหลบหนีออกไปจากบ้าน ตนพยายามขับรถออกตามหา เกรงว่าจะเป็นอันตราย ก่อนจะมาทราบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจช่วยเหลือเอาไว้และตนกลายเป็นผู้ต้องหา

ขณะที่ทางด้าน สองสามีภรรยา เมื่อได้ทราบเรื่องและฟังคำชี้แจงจาก นายมาร์ค จึงเกิดความเข้าใจและขอโทษที่คิดว่าเป็นคนร้ายหลอกลวงไปชิงทรัพย์ ซึ่งทั้งสองฝ่ายก็ไม่ได้ติดใจเอาความแต่อย่างใด