สั่งคุก 9 เดือน! เจ้าของโรงชำแหละไก่โคราช

30 ก.ค. - ศาลจังหวัดนครราชสีมาพิพากษาจำคุกเจ้าของโรงชำแหละไก่เถื่อน 9 เดือน ปรับ 2 หมื่นบาท แต่ให้รอลงอาญา 2 ปี ด้าน ตร.โคราชคาดโทษโรงพักพื้นที่ใดบกพร่องต้องรับผิดชอบ ขณะที่ผลสอบของคณะกรรมการระดับจังหวัด ระบุเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องมีความชัดเจนฐานประมาทเลินเล่อ แต่ไม่มีหลักฐานมัดเรื่องรับเงินใต้โต๊ะ

พ.ต.อ.วชิรวิชญ์ กฤษณ์ฤทธิศักย์ รองผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยความคืบหน้าการจับกุมโรงชำแหละซากไก่เถื่อนในพื้นที่บ้านปางอโศก ต.กลางดง อ.ปากช่อง เมื่อ 26 ก.ค. ที่ผ่านมา สามารถยึดซากไก่น้ำหนัก 500 กก.ได้ในโรงชำแหละซากไก่ เลขที่ 69/14 หมู่ที่ 1 บ้านปางอโศก ซึ่งมีนายอำนวย ธุระตา อายุ 44 ปี เป็นเจ้าของ จากการสอบสวนผู้ต้องหาให้การรับสารภาพ แต่ไม่ยอมบอกแหล่งที่มาของซากไก่

เจ้าหน้าที่ตำรวจได้สรุปสำนวนให้อัยการส่งฟ้องต่อศาลแล้วในข้อหาเคลื่อนย้ายซากสัตว์โดยไม่ได้รับอนุญาต ตาม พ.ร.บ.โรคระบาดสัตว์ พ.ศ.2499 ซึ่งศาลจังหวัดนครราชสีมามีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 28 ก.ค.54 ตัดสินลงโทษจำคุกผู้ต้องหา 9 เดือน ปรับ 20,000 บาท ส่วนโทษจำคุกให้รอลงอาญาไว้ 2 ปี เนื่องจากผู้ต้องหาไม่เคยกระทำผิดมาก่อน

ส่วนผู้ต้องหา 3 รายเก่าที่ถูกจับกุมดำเนินคดีเมื่อเดือน มิ.ย.54 ซึ่งผู้ต้องหาทั้งหมดให้การปฏิเสธ ตำรวจได้รวบรวมพยานหลักฐานส่งฟ้องต่อศาลแล้ว โดยศาลจะมีคำพิพากษาในวันที่ 7 ส.ค.นี้

พ.ต.อ.วชิรวิชญ์ กล่าวอีกว่า ขณะนี้ได้สั่งการให้ทุกโรงพักตั้งจุดตรวจปราบปรามอาชญากรรมและสอดส่องดูแลเรื่องการขนย้ายซากไก่ไปพร้อมๆ กันด้วย รวมทั้งสืบหาเบาะแสในชุมชน หากพบมีการชำแหละซากสัตว์โดยไม่ได้รับอนุญาต ก็ให้จับกุมทันที ส่วนการสืบหาฟาร์มไก่ที่เป็นต้นตอของซากไก่นั้น ขณะนี้ยังไม่มีหลักฐานชัดเจน เพียงแต่ทราบข้อมูลในวงกว้างเท่านั้น ยังไม่สามารถเปิดเผยข้อมูลในส่วนนี้ได้ ซึ่งฟาร์มไก่ที่เป็นต้นตอนั้น อยู่ในจังหวัดทางภาคกลางและเป็นพื้นที่ใกล้เคียงกับ จ.นครราชสีมา ทั้งนี้ ตนได้คาดโทษเจ้าหน้าที่ตำรวจในพื้นที่ หากมีเจ้าหน้าที่จากหน่วยอื่นเข้าไปจับโรงชำแหละไก่เถื่อนในพื้นที่ของ สภ.ใด ตำรวจในพื้นที่ต้องมีส่วนรับผิดชอบด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานเพิ่มเติมว่า ล่าสุดคณะกรรมการสอบสวนเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องกรณีปล่อยให้มีโรงชำแหละซากไก่เถื่อน ซึ่งมีนายปิติธรรม ฐิติมนตรี รองผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธาน ได้สรุปผลการสอบสวน ระบุว่าเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องมีความผิดชัดเจนฐานประมาทเลินเล่อ และละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ แต่เรื่องการรับสินบน ไม่มีพยานหลักฐาน โดยผลการสอบสวนทั้งหมดได้เสนอต่อผู้ว่าราชการจังหวัดนครราชสีมา และแจ้งผลการสอบสวนไปให้ต้นสังกัดของเจ้าหน้าที่ดังกล่าวดำเนินการทางวินัยแล้ว ส่วนข้าราชการหน่วยงานอื่น ผลการสอบสวน ไม่พบว่ามีส่วนเกี่ยวข้องแต่อย่างใด - สำนักข่าวไทย