4 เหตุผลที่งาน NangLay เป็นอีกเทศกาลดนตรีที่น่าต่อยอดไปให้ไกล

ถือเป็นการกลับมาที่สมการรอคอยเลย สำหรับงาน Chang Music Connection Presents NangLay Beach Party And Music Festival งานเทศกาลดนตรี Lifestyle ใหม่ของ GMM Show และทีมผู้จัด Idea Fact (ไอเดียแฟค)ที่นำสีสันความสนุกริมหาดมารวมกับดนตรีจากศิลปินแถวหน้าของประเทศและคลื่นลูกใหม่ที่ฮอตสุดๆ โดยในฐานะผู้เข้าร่วมงาน เราได้มองเห็นศักยภาพและความพิเศษของงานที่ทำให้อีเวนต์ครั้งนี้สมควรถูกต่อยอดให้กลายเป็นเทศกาลใหญ่ของปีที่ส่งเสริมการท่องเที่ยวและวงการดนตรีไทยไปพร้อมกัน 

1. โชว์ศิลปินที่หลากหลาย ไลน์อัพที่เป็นเหมือนหมัดฮุกดึงคนให้ซื้่อบัตร

สิ่งที่เรียกได้ว่าเป็นจุดแข็งของงาน Nanglay คือไลน์อัพแฟนๆ ได้พบกับศิลปินจำนวนมากที่ไม่ว่าจะเป็น Slapkiss, อะตอม ชนกันต์, นนท์ ธนนท์, Tilly Birds, Paradox, ปาล์มมี่, Three Man Down, UrboyTJ ที่ล้วนแล้วแต่ขึ้นชื่อเรื่องการแสดงสดที่สนุกสนานไปจนถึง DJ. Roxy June, DJ. Xillix และศิลปินน้องใหม่อย่าง ZEE และ VITAMIN D FROM THE SUN ที่มาต้อนรับแฟนๆ ในโซน NANGLAY SEA BAR X Iconic Vinyl Studio ซึ่งเราเองต้องปรบมือให้กับผู้จัดที่เลือกพวกเขา เพราะอย่างที่หลายคนทราบ งานไหนที่มีไลน์อัพดี งานนั้นมีชัยไปกว่าครึ่ง และไลน์อัพงานนี้ก็ทำให้เราสนใจเข้าชมทันทีที่อ่านชื่อจบ และเช่นเดียวกับผู้ชมที่ซื้อบัตรจน Sold Out

ซึ่งทุกโชว์จะมีความยาว 45 นาที ที่ทำให้หลายคนได้ฟังแบบเต็มอิ่มกันไปเลย ทั้งเพลงฮิตของพวกเขา เพลงพิเศษที่เอามาคัฟเวอร์อย่างนนท์ ธนนท์​ ที่หยิบเพลง “คาใจ” ของ เจ เจตริน และ “นอนไม่หลับ” ของ Zaza มาโชว์ และด้วยความที่โชว์มีความยาวไม่ถึง 45 นาที ทำให้ทุกศิลปินทำทุกอย่างแบบเต็มที่จริงๆ ในงานแสดง

2. คุณภาพโชว์และเสียงที่เกินคาด

หลายๆ คนอาจจะมองว่าเทศกาลดนตรีนั้นอาจจะไม่ได้โชว์ที่เข้มข้นแบบคอนเสิร์ตเดี่ยว แต่บอกเลยว่างานครั้งนี้ทุกศิลปินตั้งใจมากๆ ไม่ว่าจะเป็น Tilly Birds ที่จัดอิมโพรไวซ์แบบจัดหนัก ทั้ง นนท์ ธนนท์ ที่ร้องเป๊ะแถมปล่อยมุกเอนเตอร์เทนๆ รัวช่วงทอล์ก ไปจนถึง Paradox ที่แม้จะโยนของไม่ได้ แต่ก็มีการล้อการประกาศเลขหวยบนเวทีแบบสนุกๆ ส่วนโชว์ของศิลปินอื่นทุกคนก็มาพร้อมความเต็มที่จริงๆ จนเรามองว่ามันน่าจะมาจากความตั้งใจที่อยากส่งพลังความเอนเตอร์เทนให้ทั่วทุกมุมของบริเวณงาน

ส่วนในแง่ของซาวด์นั้น ถึงแม้ว่าจะเป็นงานเอาท์ดอร์ และมีลมทะเลต่อเนื่อง แต่เราก็พบว่างานครั้งนี้ซาวด์ดนตรีถือว่าโอเคและเรายังได้ยินซาวด์การร้องและดนตรีที่ค่อนข้างโอเค แม้อาจจะไม่เท่าคอนเสิร์ตในฮอลล์ที่สามารถควบคุมบรรยากาศได้ 

ทางด้านพาร์ทเวที ถึงแม้งานนี้จะเป็นเวทีที่ไม่ได้มีโปรดักชั่นลูกเล่นแบบงานอินดอร์ หรือมีเทคนิคการสลับวงรวดเร็วแบบ genie Fest...16 ปี แห่งความร็อก แต่ด้วยบรรยากาศ พื้นที่เวที และฉากหลังนั้นทำให้งานออกมาดูยิ่งใหญ่สมกับไซส์งาน และทำให้เราจินตนาการความเป็นไปได้ที่งานครั้งหน้าจะมีศิลปินอีกหลายๆ แนวมาแสดง ไม่ว่าจะเป็นตำนานยุค 90 อย่าง เจ เจตริน, คริสติน่า อากิล่าร์ หรือแม้แต่วง​ T-POP สุดฮอตแบบ 4EVE หรือ TRINITY กับอีกหลายศิลปิน ที่เรามองว่า Energy พวกเขาและเธอน่าจะเขย่าชายหาดและหัวใจคนดูได้ 

3. อาหารอร่อยๆ ที่แน่นทุกโซน แถมขายกันหมดเร็วมาก 

ด้วยความที่เป็นงานแนวเทศกาลดนตรี ดังนั้นอาหารก็เป็นอีกสิ่งที่ดึงดูดผู้ชม โดยงานนี้มีพื้นที่การรับประทานอาหารแบบชัดเจนและหลายร้านให้เลือก ไม่ว่าจะอาหารไทยและญี่ปุ่น สากล ไปจนถึงอาหารทะเลไทยๆ ซึ่งหลายร้านของหมดตั้งแต่ 2 ทุ่ม ด้วย และสิ่งที่เราชอบมากๆ คือมีจอให้ผู้ชมดูการแสดงในโซนอาหารด้วย ซึ่งเราหวังว่าในอนาคตเมื่อสถานการณ์โควิด-19 เราจะมีตัวเลือกอาหารมากขึ้นและที่นั่งทานมากขึ้น เพราะถ้าพูดตรงๆ การหาพื้นที่รับประทานอาหารในงานค่อนข้างยากระดับนึง ซึ่งมาจากข้อจำกัดเรื่องความปลอดภัยและการเว้นระยะห่างเพื่อป้องกัน โควิด-19 ที่ยังคงต้องรักษาไว้ เราหวังว่าเมื่อสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย การจัดการเรื่องการรับประทานอาหารน่าจะมาพร้อมสีสันและพื้นที่มากขึ้น

4. บรรยากาศทะเลไทยที่มีมนต์เสน่ห์ไม่เสื่อมคลาย 

บอกเลยว่านอกจากดนตรีที่สนุกแล้ว งานเทศกาลนั่งเลยังมีบรรยากาศที่น่าสนุกคือการอยู่ริมทะเล ที่ทำให้เราสามารถต่อยอดทำกิจกรรมทางน้ำได้เป็นอย่างดี จนงานนี้เราสามารถพากลุ่มเพื่อนมาสนุกได้ และในขณะเดียวกันงานแบบนี้ยังสามารถดึงดูดชาวต่างชาติให้มาสนุกได้ด้วย เราเองมองว่าถ้าในอนาคตงานนี้สามารถต่อยอดพาศิลปินต่างชาติมาร่วมงานได้ จำนวนผู้ชมอาจมากขึ้น และเราอาจสามารถจัดงานได้หลายวันได้ด้วย 

และสำหรับสิ่งแวดล้อมนั้น การจัดงานนั่งเลค่อนข้างดี ด้วยการมีพื้นที่สำหรับการทิ้งขยะ และพนักงานเก็บขยะจำนวนมาก เราเองได้สังเกตว่าหลายๆ ครั้งที่มีคนดูที่อาจจะไม่น่ารักที่ทิ้งขยะไม่เป็นที่ หรือทำอาหารตกแบบไม่ได้ตั้งใจ แต่สักพักของเหล่านั้นก็ถูกเก็บไป

ในขณะเดียวกันการมาตรการในการป้องกันเรื่องโควิด-19 ก็ค่อนข้างแน่น ทั้งการเข้างานที่สามารถทำได้หลายจุดจนไม่มีการแออัดที่ทางเข้าซึ่งเป็นจุดที่หลายคนอาจกังวล มีการสกรีนผล ATK ก่อนเข้า รวมไปถึงการแบ่งโซนรับประทานอาหารกับคอนเสิร์ต และระหว่างงานคนที่ไม่ได้สวมหน้ากากก็ถูกเตือนให้สวมกลับเป็นระยะๆ ด้วย เช่นเดียวกับตอนท้ายงานที่มีการฝากให้ผู้ชมสังเกตอาการก่อนกลับไปทำงานอีกเช่นกัน โดยแม้ว่าด้วยปริมาณคนแล้วการควบคุมสถานการณ์อาจจะเป็นเรื่องยาก แต่เราก็รู้สึกได้ว่าทางทีมได้ทำทุกอย่างค่อนข้างเต็มที่แล้ว เพื่อรักษาความปลอดภัยของผู้ชม

เรียกได้ว่าแม้ห่างจากการจัดเทศกาลดนตรีไปปีกว่า แต่ GMM Show ก็กลับมาพร้อมงาน Chang Music Connection Presents NangLay Beach Party And Music Festival ที่นอกจากจะเป็นจุดเริ่มต้นของการกลับมาของ Music Festival แล้ว เรายังว่างานนี้ยังสามารถต่อยอดเป็นโปรเจกต์ที่มาได้ทุกปี และสามารถขยายสเกลจนเป็นแลนด์มาร์กทางดนตรีที่สำคัญได้อีกงานหนึ่งเลย จนเราหวังจะได้เห็นพัฒนาการของงานนี้ในครั้งต่อไป