คูเมล นานจิเอนี : การเปลี่ยนแปลงตัวเองของเนิร์ด Silicon Valley สู่ฮีโร่คนใหม่แห่ง Marvel

คูเมล นานจิเอนี : การเปลี่ยนแปลงตัวเองของเนิร์ด Silicon Valley สู่ฮีโร่คนใหม่แห่ง Marvel

คูเมล นานจิเอนี : การเปลี่ยนแปลงตัวเองของเนิร์ด Silicon Valley สู่ฮีโร่คนใหม่แห่ง Marvel
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ชื่อของ คูเมล นานจิเอนี (KUMAIL NANJIANI) อาจจะไม่ใช่ชื่อที่คุ้นหูนักสำหรับคนที่ติดตามวงการบันเทิง โดยเฉพาะในบ้านเรา 

ถึงแม้ว่านักแสดงชาวอเมริกันที่เกิดในปากีสถานวัย 42 ปี คนนี้จะเคยมีดีกรีถึงขั้นเข้าชิงรางวัลออสการ์สาขาบทภาพยนตร์ดั้งเดิมยอดเยี่ยมในปี 2017 จาก The Big Sick ภาพยนตร์ที่ว่าด้วยเรื่องของชายหนุ่มชาวปากีสถาน กับการดิ้นรนสู้ชีวิตในประเทศสหรัฐอเมริกา ท่ามกลางวัฒนธรรมที่ไม่คุ้นเคย ซึ่ง นานจิเอนี เขียนมันออกมาโดยใช้ประสบการณ์ในชีวิตจริงของเขามาประยุกต์ นอกจากนั้นอีกหนึ่งบทบาทอันโดดเด่นของเขาคือการรับบทเป็น ดิเนช เนิร์ดเทคโนโลยีอัจฉริยะจากซีรี่ส์เรื่อง Silicon Valley

ด้วยเหตุนี้ตลอดเวลานับ 10 ปีในวงการบันเทิง ภาพจำที่ผู้ชมมีต่อ นานจิเอนี จึงเป็นภาพของหนุ่มเชื้อสายเอเชียใต้ ฉลาดเฉลียวเรื่องเทคโนโลยี แต่เซ่อซ่าในเรื่องการใช้ชีวิต แถมรูปร่างยังมีความเจ้าเนื้อนิดๆ ห่างไกลจากความหล่อเท่ในอุดมคติพอสมควร 

อย่างไรก็ตามทุกอย่างก็ได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เมื่อมีการประกาศว่า คูเมล นานจิเอนี จะได้รับบทเป็นตัวละครสำคัญใน "The Eternals" ภาพยนตร์ประจำเฟส 4 ของ Marvel Cinematic Universe หรือ MCU และหลังจากนั้นไม่นานเขาก็ได้โพสต์ภาพร่างกายตัวเองที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อ แตกต่างจากภาพลักษณ์ที่ผ่านมามาโดยสิ้นเชิง ลงในโซเชียลมีเดีย

นานจิเอนี ทำได้อย่างไร? เขาต้องผ่านประสบการณ์แบบไหนบ้างถึงสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองได้ขนาดนี้ ติดตามเรื่องราวที่เต็มเปี่ยมด้วยการสร้างแรงบันดาลใจได้ที่ Main Stand

 

เนิร์ดบอยจากปากีสถาน

แม้จะเติบโตมาในดินแดนที่เต็มไปด้วยสงครามอย่างเมือง การาจี ประเทศปากีสถาน อีกทั้งครอบครัวยังเป็นชาวมุสลิมนิกายชีอะห์ที่ค่อนข้างเคร่งศาสนา แต่นั่นก็ไม่ใช่อุปสรรคที่จะมาขัดขวางความเป็นเนิร์ดคอมมิคของ คูเมล นานจิเอนี ได้

screenrant.com

"ในตอนเด็กผมคลั่งไคล้คอมมิคซูเปอร์ฮีโร่มาก ไม่ว่าจะเป็น Marvel หรือ DC ผมซึมซับวัฒนธรรมจากหนังสือคอมมิคเก่าๆ ที่วางขายอยู่ในตลาดเมืองการาจี" นานจิเอนี เผยความผูกพันแรกที่มีต่อคอมมิคซูเปอร์ฮีโร่กับ Men's Health

เมื่อจบการศึกษาชั้นมัธยมปลาย นานจิเอนี ก็พาตัวเองออกจากปากีสถาน ลัดฟ้าสู่แผ่นดินอเมริกา เพื่อศึกษาต่อระดับมหาวิทยาลัยที่ Grinnell College รัฐไอโอว่า

"ตอนแรกผมกลัวมากๆ ผมไม่อยากมาที่นี่ (อเมริกา) เลย เพียงแต่มันไม่มีทางเลือก การศึกษาระดับมหาวิทยาลัยในปากีสถานในเวลานั้นไม่ดีนัก สองสัปดาห์แรกที่ผมมาถึงคือสองสัปดาห์ที่เลวร้ายที่สุดในชีวิตเลย แต่อย่างน้อยวัฒนธรรมตะวันตกที่ผมเรียนรู้ผ่านคอมมิคและนิตยสารมาก็พอช่วยผมได้บ้าง"

ถึงแม้ว่า นานจิเอนี จะศึกษาระดับปริญญาตรีในคณะวิทยาการคอมพิวเตอร์ แต่เขาก็มีชีวิตอีกด้านหนึ่งที่แตกต่างโดยสิ้นเชิง นั่นคือความหลงรักในการ Stand Up Comedy หรือเดี่ยวไมโครโฟน โดยเขามักจะทำการแสดงในร้านกาแฟเล็กๆ ใกล้กับมหาวิทยาลัยเป็นประจำ และก็เป็นเช่นนั้นอยู่หลายปีจนกระทั่งจบการศึกษา ถึงแม้ว่าเขาจะไม่เคยประสบความสำเร็จหรือมีรายได้จากสิ่งนี้เลยก็ตาม

milwaukeerecord.com

หลังจากชีวิตในรั้วมหาวิทยาลัยสิ้นสุดลง นานจิเอนี ก็ย้ายถิ่นฐานตัวเองอีกครั้ง โดยในครั้งนี้จุดหมายปลายทางของเขาคือเมืองชิคาโก รัฐอิลลินอยส์ เพื่อหางานเลี้ยงชีพ และงานที่เขาได้รับก็คือครูสอนคอมพิวเตอร์ให้กับเด็กๆ ในโรงเรียนแห่งหนึ่ง อย่างไรก็ตามเขาก็ไม่ทอดทิ้งความฝันในการเป็นเดี่ยวไมโครโฟน โดยแทบทุกคืนหลังจากที่ทำงานเสร็จ นานจิเอนี จะตระเวนไปตามบาร์หรือร้านกาแฟต่างๆ เพื่อทำการแสดง

"ตอนนั้นผมยังไม่มีชื่อเสียงหรือประสบความสำเร็จอะไรเลย แต่ผมก็ไม่เคยคิดจะถอดใจ ไม่เคยคิดว่าไม่อยากทำแล้ว ความคิดผมมีอย่างเดียวคือ ... รู้สึกดีเหลือเกินที่ได้ทำมัน"

นานจิเอนี ใช้ชีวิตเช่นนี้อยู่พักใหญ่ จนก็มีเงินเก็บมากพอ เขาจึงตัดสินใจทุบหม้อข้าวตัวเอง เพราะรู้ดีว่าถ้ายังใช้ชีวิตอยู่แบบนี้ต่อไป ไม่มีทางที่จะประสบความสำเร็จในเส้นทางที่ฝันแน่ นานจิเอนี ลาออกจากงานประจำที่ทำอยู่และมุ่งหน้าสู่นิวยอร์ก มหานครแห่งนักล่าฝัน

 

เนิร์ดบอยแห่ง SILICON VALLEY

นานจิเอนี มาถึงนิวยอร์กในช่วงปี 2007 ซึ่งแน่นอนว่าเขายังคงมุ่งมั่นในการเป็นเดี่ยวไมโครโฟนอย่างเต็มที่ โดยค่อยๆ สั่งสมประสบการณ์และชื่อเสียงทีละนิด โดยเขาพยายามสร้างความแปลกใหม่ให้กับโชว์ของตัวเองด้วยการนำเรื่องราวในภาพยนตร์ชื่อดังอย่าง Star Trek และ The Thing มาผสมผสานเข้ากับเรื่องราวในชีวิตประจำวัน ผลลัพธ์ที่ได้จึงเป็นมุกตลกที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวไม่เหมือนใคร จนกระทั่งวันหนึ่งแสงสปอตไลท์ก็ส่องมาที่เขาจนได้ เมื่อ ไมเคิล โชวอลเตอร์ (Michael Showalter) โปรดิวเซอร์สายคอมเมดี้ผู้คร่ำหวอดในแวดวงฮอลลีวูดบังเอิญได้มารับชมการแสดงของเขา 

www.insider.com

"นานจิเอนี นั้นแตกต่างไม่เหมือนใคร ในขณะที่เดี่ยวไมโครโฟนคนอื่นๆ พยายามแสดงมุกตลกอันเกรี้ยวกราดบนเวที แต่หมอนี่กลับไร้สาระ แปลกประหลาด แต่มีเสน่ห์" โชวอลเตอร์ เผยกับสื่อ Insider

จากความประทับใจนี้ ทำให้ โชวอลเตอร์ ตัดสินใจว่าจ้าง นานจิเอนี มาเป็นมือเขียนบทและนักแสดงนำในซีรี่ส์ชื่อ Michael & Michael Have Issues ที่เขาเป็นโปรดิวเซอร์ ซึ่งนี่เองคือจุดเริ่มต้นที่ผลักดันให้ นานจิเอนี เข้าสู่วงการแสดงอย่างจริงจัง

"ผมคิดมาเสมอว่านักเขียนคือผู้สร้างสรรค์ ในขณะที่นักแสดงเป็นเพียงแค่ผู้ถ่ายทอดมันออกมา ผมมั่นใจในฝีมือการเดี่ยวไมโครโฟนของตัวเองมาก แต่ผมแทบไม่รู้เรื่องการแสดงเลย" นานจิเอนี กล่าวกับ Men's Health

Michael & Michael Have Issues ยังไม่ใช่ซีรี่ส์ที่ปูทางให้ นานจิเอนี ประสบความสำเร็จ ถึงแม้มันจะได้รับคำวิจารณ์ในเกณฑ์ที่ดี แต่ในแง่ของความนิยมกลับไม่ถึงเป้า ทำให้มันถูกตัดจบหลังจากออกอากาศไปได้เพียง 7 ตอน อย่างไรก็ตามเท่านี้ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ชื่อเสียงของ นานจิเอนี เป็นที่รู้จัก และมีงานแสดงติดต่อเข้ามาเรื่อยๆ แม้ว่าส่วนใหญ่จะเป็นบทสมทบเล็กๆ ก็ตาม

"หลังจากจบ Michael & Michael Have Issues ผมก็พเนจรไปเรื่อยๆ ไม่ว่าจะ ลอสแอนเจลิส หรือนิวยอร์ก พร้อมๆ กับฝึกฝนฝีมือการแสดงให้ดีขึ้น"

เวลาล่วงเลยไปจนถึงปี 2014 ในที่สุดโอกาสครั้งสำคัญในชีวิตของ นานจิเอนี ก็มาถึง เมื่อเขาได้รับเลือกให้รับบทนำใน Silicon Valley หนึ่งในซีรีส์สายเนิร์ดไอทีที่ได้รับความนิยมสูงสุดทางช่อง HBO โดยบทบาทของเขาในเรื่องคือ ดิเนช ซอฟแวร์เอนจิเนียร์อัจฉริยะเชื้อสายเอเชียใต้ ผู้ไม่ค่อยประสีประสาต่อโลกเท่าไรนัก

www.androidpolice.com

อย่างที่รู้กันว่า Silicon Valley ประสบความสำเร็จมหาศาล ทั้งในแง่คำวิจารณ์และความนิยม ส่งผลให้ชื่อเสียงของ นานจิเอนี เริ่มเป็นที่รู้จักในวงกว้าง ซึ่งในช่วงเวลาดังกล่าวก็เป็นช่วงเวลาเดียวกันกับที่แฟรนไชส์ภาพยนตร์ Marvel ยึดครองโลก กวาดเงินจากผู้ชมปีละหลายพันล้านเหรียญสหรัฐ ทำให้ นานจิเอนี เริ่มมีฝันเล็กๆ ว่าเขาจะมีโอกาสได้ร่วมงานกับสิ่งที่เขาคลั่งไคล้มาตั้งแต่ยังเด็ก

"พอล รัดด์ (Paul Rudd) และ คริส แพรตต์ (Chris Pratt) ก็มาจากนักแสดงสายตลกเหมือนผม แต่แน่นอนว่ามันเป็นเพียงประกายความฝันเล็กๆ เท่านั้น ผมไม่คิดหรอกว่าจะมีโอกาสนั้นจริงๆ" 

"ครั้งหนึ่งเคยมีนักแสดงหนุ่มรูปงามที่ผมเคยร่วมงานด้วย แต่ผมไม่ขอเปิดเผยชื่อ เล่นมุกตลกล้อเลียนรูปร่างของผม ซึ่งในขณะนั้นยังอ้วนเผละอยู่ ตอนนั้นผมคิดในใจว่าต่อให้ผมจะอ้วนกว่านี้อีก 50 ปอนด์ก็ยังคงมีคนจ้างผม ในขณะที่เขา น้ำหนักขึ้นมาแค่ 10 ปอนด์ก็ไม่มีใครจ้างแล้ว เพราะในตอนนั้นผมไม่คาดฝันจริงๆ ว่าวันหนึ่งจะต้องมาฟิตหุ่นเอาเป็นเอาตายเพื่อรับบทอะไร"

อย่างไรก็ตามชีวิตคือเรื่องไม่คาดฝัน และมันก็ได้เกิดขึ้นกับ นานจิเอนี ด้วยเช่นกัน

 

ความเจ็บปวดที่ต้องแลก

ในขณะที่ นานจิเอนี กำลังถ่ายทำ Silicon Valley ในซีซั่นสุดท้าย อยู่ๆ เขาก็ได้รับข่าวดีที่เขาเองก็ไม่คิดไม่ฝันว่ามันคือเรื่องจริง นั่นคือการที่ Marvel Studio เลือกให้เขารับบทบาทเป็น คินโก ซูเนน หนึ่งในตัวละครสำคัญของ The Eternals ภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์สุดยิ่งใหญ่ในเฟส 4 แต่มีเงื่อนไขคือเขาต้องสร้างหุ่นตัวเองให้ฟิตเฟิร์ม อุดมด้วยกล้ามเนื้อ ซึ่งแตกต่างจากภาพลักษ์ของเนิร์ดคอมพิวเตอร์ร่างท้วมที่เขาเป็นอยู่ในตอนนั้นโดยสิ้นเชิง

www.menshealth.com.au

เมื่อมีโอกาสทองลอยมาตรงหน้าขนาดนี้ ต่อให้ต้องแลกกับอะไรก็ต้องคว้าไว้ นานจิเอนี จึงไม่ลังเลที่จะเริ่มออกกำลังกายอย่างหนักโดยทันที ถึงขั้นที่ว่าเพื่อนในกองถ่าย Silicon Valley สงสัยว่าเขาแอบทำอะไรในโรงยิมวันละหลายชั่วโมง เนื่องจากในตอนนั้นโปรเจกต์ The Eternals ยังเป็นความลับที่ไม่สามารถเปิดเผยได้

"ผมก็เคยเข้าโรงยิมมาบ้างนะ ตั้งแต่อายุ 16 เลย แต่ถ้านี่เรียกว่า 'การออกกำลังกายที่แท้จริง' นั่นหมายความว่าผมไม่เคยออกกำลังกายมาเลยในชีวิต"

"ภารกิจสุดโหดแบบนี้ผมคงทำไม่ได้เพียงลำพัง ถ้าไม่ได้เทรนเนอร์และนักโภชนาการที่ดีที่สุดเข้ามาช่วยเหลือ" 

เขาลงทุนจ้างเทรนเนอร์ส่วนตัวที่พร้อมจะมาสอนเขาตลอด 24 ชั่วโมง รวมถึงควบคุมอาหารการกิน โดยเขาเล่าว่าเป็นเวลากว่า 6 เดือนติดต่อกันที่เขารับประทานแค่สเต็กกับไข่เหมือนกันทุกมื้อ ไม่มีวันหยุด ไม่มี Cheat Day หรือวันปล่อยผีที่จะกินอะไรก็ได้ตามใจอยาก แม้แต่พุดดิ้งสักชิ้นเขาก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะกินมัน และร้ายแรงที่สุดถึงขั้นมีการช็อตกระแสไฟฟ้าเพื่อกระตุ้นกล้ามเนื้อ

bingepost.com

"องค์ประกอบสำคัญของการเปลี่ยนแปลงตัวเองคือการตั้งเป้าหมายที่เป็นจริงและชัดเจน การเพิ่มขนาดกล้ามเนื้อ ลดไขมันส่วนเกิน และสร้างสัดส่วนร่างกายใหม่ทั้งหมดของ นานจิเอนี ต้องการกฎระเบียบวินัยที่เข้มข้นและการทำงานหนัก แค่ความกระหายของนักแสดงหรือการทุ่มเทเวลาให้มากนั้นอาจไม่เพียงพอ"

"ผู้บริหารของ Marvel บอกว่า นานจิเอนี ตัวใหญ่และตันเกินไป เขาต้องการร่างกายที่ลีนและบึกบึนกว่านี้ ดังนั้นก่อนจะเริ่มวางแผนการออกกำลังกายให้กับเขา ผมจึงต้องสแกนดูโครงสร้างกล้ามเนื้อ รวมถึงการสำรวจไลฟ์สไตล์ของเขาอย่างละเอียดเพื่อวางแผน ทำให้ได้รู้ว่า นานจิเอนี นั้นต้องการการออกกำลังแบบคาร์ดิโอที่มีความเข้มข้นในระดับสูง ควบคู่กับการยกเวท"

"นานจิเอนี จะต้องมาที่โรงยิมประมาณ 4-5 วันต่อสัปดาห์ ติดต่อกันเป็นระยะเวลาเกือบ 1 ปี ผมประทับในใจในตัวเขามากที่เขาอดทนและผ่านสิ่งเหล่านี้มาได้ เขาเป็นคนที่มีระเบียบวินัยในตัวเองมากๆ" แกรนท์ โรเบิร์ต (Grant Roberts) เทรนเนอร์ส่วนตัวของ นานจิเอนี เผยกับ Insider

แทบทุกวัน นานจิเอนี จะต้องขับรถออกจากบ้านเพื่อไปโรงยิมในย่าน Beverly Hills และเจ้าตัวเผยถึงความรู้สึกในช่วงเวลาดังกล่าวว่า

"ในระหว่างที่ขับรถไป จิตใจผมเต็มไปด้วยความหวาดกลัว กลัวถึงความเจ็บปวดที่ต้องเผชิญ และในช่วงที่ขับรถกลับคือช่วงเวลาเดียวที่ผมรู้สึกโล่งใจ"

ขณะที่ เอมิลี่ วี กอร์ดอน (Emily V. Gordon) ภรรยาของ นานจิเอนี เผยกับ Men's Health ว่า "ในช่วงแรกที่เขากลับมาจากโรงยิม เขาไม่สามารถจดจ่อกับอะไรได้เลย เขานั่งนิ่งๆ ไม่พูดไม่จาเป็นเวลานับชั่วโมง" 

"อย่างไรก็ตามถ้า คูเมล มุ่งมั่นกับสิ่งไหนแล้วล่ะก็ เขาจะทำมันได้สำเร็จแน่นอน" 

www.thesun.ie

และก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ หลังจากผ่านความทรมานแสนสาหัส ในที่สุด นานจิเอนี ก็เริ่มปรับตัวเข้ากับไลฟ์สไตล์สุดโหดแบบนี้ได้

"ผมตระหนักได้ว่าการที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเองนั้น แค่ออกกำลังกายมันไม่เพียงพอ สิ่งสำคัญคือจิตใจที่ต้องเปลี่ยนแปลงตามไปด้วย"

"ผมเปลี่ยนความกลัวที่มีต่อความเจ็บปวดให้เป็นความกล้า และก็มุ่งมั่นที่จะไล่ล่ามันอย่างไม่ลดละ เพราะมันคือหนทางที่จะพาไปสู่สิ่งที่ผมฝันไว้ ทำให้ปัจจุบันการออกไปโรงยิมคือความสุขของผมไปแล้ว"

 

สิ่งที่อยากจารึกไว้

ทุกวันนี้ นานจิเอนี มีร่างกายที่อุดมไปด้วยกล้ามเนื้อจนใครหลายคนต้องอิจฉา แถมยัหนงถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง The Eternals เสร็จเรียบร้อยแล้ว นั่นหมายความว่าเขากำลังขึ้นแท่นเป็นดาราระดับพันล้านเหรียญสหรัฐฯ คนต่อไป อย่างไรก็ตามสิ่งเหล่านี้ไม่ได้มีผลอะไรกับเขาเลย

www.menshealth.com

"กล้ามเนื้อเหล่านี้ไม่ได้ทำให้ผมผยองขึ้นเลยสักนิด มันเป็นเพียงสิ่งประดับตกแต่งภายนอกเท่านั้น ผมยังเป็นผมคนเดิม ยังคงสนุกสนานกับการนั่งเล่นวิดิโอเกม หรือทำสวนกับภรรยา"

"แต่แน่นอนว่าบทบาทการแสดงของผมต่อจากนี้ต้องเปลี่ยนไป ผมคงกลับไปเป็นตัวละครจอมเนิร์ดไม่ได้อีกแล้ว หลังจากจบ The Eternals คือช่วงเวลาที่สำคัญว่าผมจะเดินไปในทิศทางไหนในเส้นทางสายการแสดง"

และถ้าจะถามว่าอะไรคือแรงผลักดันสำคัญที่ทำให้เขาสามารถเปลี่ยนแปลงตัวเองจากเนิร์ดคอมพิวเตอร์ลงพุง มาเป็นฮีโร่ร่างบึกบึนแห่ง Marvel ได้ คูเมล นานจิเอนี ก็ตอบสั้นๆ แค่เพียงว่า

"ผมกำลังจะกลายเป็นคนแรกจากเอเชียใต้ที่ได้รับบทนำในหนังของ Marvel และผมไม่ต้องการเป็นแค่ส่วนหนึ่งของภาพยนตร์ฟอร์มยักษ์ แต่ผมต้องการที่จะเป็นซูเปอร์ฮีโร่ของ Marvel"

อัลบั้มภาพ 10 ภาพ

อัลบั้มภาพ 10 ภาพ ของ คูเมล นานจิเอนี : การเปลี่ยนแปลงตัวเองของเนิร์ด Silicon Valley สู่ฮีโร่คนใหม่แห่ง Marvel

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook