10 เกมและภาพยนตร์ที่บังเอิญมีรูปแบบคล้ายกัน

10 เกมและภาพยนตร์ที่บังเอิญมีรูปแบบคล้ายกัน

10 เกมและภาพยนตร์ที่บังเอิญมีรูปแบบคล้ายกัน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาวงการเกมเปลี่ยนแปลงและพัฒนาไปไกลมาก ๆ เมื่อก่อนถ้าเราจะพูดถึงวิดีโอเกมเรามักจะคิดถึงเกมที่เน้นความสนุกของระบบการเล่นโดยที่ไม่ต้องสนใจเนื้อเรื่องของเกมแต่มายุคนี้เนื้อเรื่องของเกมกลับมีความสำคัญไม่แพ้ระบบการเล่นเลยขนาดที่ว่าเกมบางเกมมีเนื้อหาที่ลึกซึ้งกินใจ จนทำคนเล่นร้องไห้หรือหวาดกลัวไม่แพ้ภาพยนตร์ดี ๆ เลย และเมื่อความห่างชั้นของเนื้อหาระหว่างเกมกับภาพยนตร์ที่ค่อย ๆ เข้าหากันจึงไม่น่าแปลกใจที่เราจะได้เห็นเนื้อเรื่องของเกมกับภาพยนตร์ที่บังเอิญมีแนวทางที่คล้าย ๆ กันแบบไม่ตั้งใจ เมื่อเป็นแบบนั้นเราจึงรวบรวมภาพยนตร์ที่มีเนื้อหาคล้าย ๆ กับวิดีโอเกมมานำเสนอซึ่งต้องบอกก่อนว่าเนื้อหาที่พูดถึงไม่ใช่การเหมือนกันแบบยกมาทั้งหมดแต่มันคือกลิ่นอายบรรยากาศหรือแนวโทนเรื่องที่คล้าย ๆ กันอ่านเอาสนุกไม่ต้องคิดมากจะมีภาพยนตร์กับเกมอะไรบ้างมาดูกันเลย

Resident Evil กับ Kingdom ผีดิบคลั่งบัลลังก์เดือด จุดกำเนิดและแนวทางของเรื่องที่ไปแนวทางเดียวกัน

เริ่มต้นเรื่องแรกกับซีรีส์ซอมบี้เกาหลีที่กำลังเป็นกระแสอยู่ในตอนนี้กับ Kingdom หรือในชื่อไทยว่าผีดิบคลั่งบัลลังก์เดือดที่ใครซึ่งเคยดูมาแล้วทั้งสอง Season น่าจะทราบดีว่าเรื่องราวในภาคนี้นั้นจะเฉลยว่าเชื้อไวรัสที่สร้างกองทัพซอมบี้กระหายเลือดนั้นมาจากดอกไม้ชนิดหนึ่งที่เรียกว่าดอกไม้คืนชีพที่สามารถปลุกคนตายให้ลุกขึ้นมาเป็นซอมบี้ได้ แต่ซอมบี้ที่เกิดมานั้นจะกัดคนแต่ไม่แพร่เชื้อเหมือนกับในเกม Resident Evil 6 ที่เป็น C-Virus ที่ซอมบี้กัดใครแล้วจะไม่ติดเชื้อแต่จะเป็นปล่อยเชื้อผ่านควัน แต่สิ่งที่บอกว่าสองเรื่องนี้เหมือนกันไม่ใช่ซอมบี้หรือแนวทางเอาตัวรอดเพราะมันต่างกันคนละยุคสมัยที่เอามาเทียบกันไม่ได้รวมถึงตัวซอมบี้ที่ใน Kingdom  จะวิ่งเร็วแต่ใน Resident Evil จะเดินช้า ๆ  ซึ่งสิ่งที่เหมือนกันนั้นก็คือจุดกำเนิดของเชื้อโรคที่มาจากดอกไม้เหมือนกัน

ถ้าใครที่ได้เล่นเกม Resident Evil 5 มาก่อนจะทราบดีว่าจุดกำเนิดที่แท้จริงของไวรัสต่าง ๆ ในเกม Resident Evil นั้นล้วนมีรากฐานจุดเริ่มต้นมาจากดอกไม้ของชนเผ่าพื้นเมือง Ndipaya ที่มีชื่อว่า Sonnent Reppe ที่จะมอบพลังและอายุที่ยืนยาวแก่ผู้ที่ถูกเลือกที่สามารถทนพิษของมันได้เหมือนเรื่องราวใน Kingdom ที่โจฮักจูตัวร้ายของเรื่องได้สั่งให้หมอหลวงอีซึงฮีใช้ดอกไม้สีม่วงที่เรียกว่าดอกไม้คืนชีพปลุกกษัตริย์ที่สิ้นพระชนม์ไปแล้วให้ตื่นขึ้นเมื่อเพื่อถ่วงเวลาให้ลูกสาวที่เป็นมเหสีโจคลอดลูกชายออกมาเพื่อสืบทอดราชบัลลังก์เพื่อกันไม่ให้องค์รัชทายาทอีชางได้ขึ้นสืบทอดราชบัลลังก์ก่อนที่เชื้อจากดอกไม้ที่สิงอยู่ในศพคนตายจะกลายพันธุ์เพราะมีคนเอาศพของผู้ช่วยหมอมาต้มกินเพราะความอดอยาก และในช่วงท้ายของ Season 2 ก็มีการเปิดเผยตัวร้ายที่เป็นคนเผยแพร่ดอกไม้ชนิดนี้พร้อมกับกรงขังซอมบี้ที่เหมือนจะเอาผีดิบเหล่านั้นมาทดลองและขายดอกไม้เหมือนกับสิ่งที่ Albert Wesker ทำในเกมนับเป็นแนวทางที่คล้ายกันแต่ลงตัวได้อย่างไม่น่าเชื่อ

Stardew Valley กับไทบ้านเดอะซีรีส์ X BNK 48 ความสนุกที่เรียบง่ายของเกมและภาพยนตร์

มาต่อกันที่ภาพยนตร์บ้านเรากันบ้างกับเรื่องไทบ้านเดอะซีรีส์ที่ใครซึ่งเคยดูมาก่อนจะทราบดีว่าเรื่องราวในภาพยนตร์นั้นจะเป็นการบอกเล่าเรื่องราวของชนบทอีสานที่ผสมเรื่องราวของความรักและเรื่องราว ๆ ต่าง ๆ ที่มีอยู่อย่างลงตัวยิ่งในภาคล่าสุดอย่างไทบ้านเดอะซีรีส์ X BNK 48 ก็ยิ่งเป็นการตอกย้ำถึงความสนุกของซีรีส์นี้ที่นำเสนอความเป็นชนบทอีสานที่ไม่ต้องใช้ฉากหรือเรื่องราวที่ยิ่งใหญ่อะไรแค่ฉากง่าย ๆ ตามชนบทก็สามารถสร้างความสนุกให้คนดูได้ซึ่งคล้ายกับเกม Stardew Valley ที่เราต้องกลับไปบ้านในชนบทกับตัวเกมที่ไม่ต้องใช้การเล่าเรื่องที่ลึกซึ้งกราฟิกที่ยิ่งใหญ่แค่มีระบบการเล่นและบรรยากาศที่ดีก็เพียงพอแล้วซึ่งทั้งสองเรื่องราวทั้งเกมและภาพยนตร์นั้นมีอะไรหลาย ๆ อย่างที่คล้าย ๆ กันอย่างไม่น่าเชื่อ

เริ่มจากบรรยากาศความเป็นชนบทที่ในเกม Stardew Valley จะให้เรากลับไปยังบ้านในชนบทจากเมืองหลวงที่วุ่นวายเพื่อมาทำไร่ทำสวนพร้อมกับพบเจอผู้คนต่าง ๆ ทั้งเทศกาลไปจนถึงความรักที่สอดคล้องกับเรื่องราวในภาพยนตร์ไทบ้านที่นำเสนอแนวทางบรรยากาศชนบทที่เรียบง่ายเหมือนกัน นอกจากนี้สิ่งที่เหมือนกันอีกอย่างคือความรู้สึกของการเป็นชาวไร่ชาวสวนที่ต้องลงมือปลูกผักปลูกข้าวทำสวนที่ในภาพยนตร์ไทบ้านก็ทำแบบเดียวกับในเกมและการมีสาว ๆ น่ารัก ๆ จาก BNK48 มาเพิ่มก็เหมือนกับการมีตัวละครสาว ๆ น่ารัก ๆ ในเกมที่เราต้องไปมีส่วนร่วมกับพวกเธอและถ้าคุณเคยเล่นและดูทั้งสองเรื่องราวมาแล้วจะทราบดีว่ามันเหมือนอย่างที่ได้กล่าวไปจริง ๆ ส่วนใครที่ยังไม่เคยเล่นเกมหรือดูภาพยนตร์ก็ลองเปิดใจเล่นเกมกับดูภาพยนตร์บ้าน ๆ เรื่องนี้แล้วคุณจะรู้ว่าความสนุกที่เรียบง่ายเป็นอย่างไร

Man of Medan กับ Ghost Ship สถานที่บรรยากาศและการเล่าเรื่องที่สอดคล้องกัน

วินาทีแรกที่ได้เห็นตัวอย่างของเกม Man of Medan ที่เราจะต้องรับบทเป็นผู้รอดชีวิตที่ต้องพยายามหนีออกมาจากเรือที่มีผีสิงซึ่งมันคล้ายกับภาพยนตร์เรื่อง Ghost Ship หรือในชื่อไทยคือเรือผีที่ฉายในปี 2002 ที่ในภาพยนตร์นั้นจะเล่าเรื่องราวของกลุ่มคนที่ค้นพบเรือปริศนาในทะเลแบริ่งซึ่งเรืออยู่ในน่านน้ำสากลจึงสามารถอ้างสิทธิ์ความเป็นเจ้าของเรือได้ถ้านำเรือนี้กลับไปยังท่าจอดทุกคนจึงไปที่เรือนั่นก่อนจะพบความหลอนสยองขวัญของวิญญาณบนเรือ ขณะที่ตัวเกม Man of Medan จะใช้การเล่าเรื่องที่ต่างกันและดูน่าสนใจกว่าโดยตัวเกมจะเล่าผ่านกลุ่มนักดำน้ำที่ไปเจอโจรสลัดมาปล้นก่อนที่ทั้งหมดจะไปพบกับเรือปริศนาที่ลอยลำอยู่ทุกคนที่ขึ้นไปบนนั้นต่างเจอความหลอนสยองขวัญของวิญญาณที่แม้เรื่องราวการพบเรือจะต่างกันแต่การหลอกหลอนของวิญญาณกับบรรยากาศนั้นกลับเหมือนกันเป็นอย่างมาก

เริ่มจากบรรยากาศของเรื่องที่ภายในภาพยนตร์ Ghost Ship นั้นจะเป็นเรือสำราญที่หายสาบสูญไปหลายสิบปีแต่ในเกม Man of Medan จะเป็นเรือของทหารในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ใกล้เคียงกันเมื่อดูจากเหล่าผีทั้งการแต่งตัวและข้าวของเครื่องใช้ของทั้งสองเรื่องนั้นที่คล้ายกันรวมถึงผีที่เป็นจุดขายของเรื่องที่ทั้งในภาพยนตร์และเกมจะใช้สาวสวยเป็นจุดขายความหลอนที่ถูกใส่ลงมาได้อย่างลงตัว และสิ่งที่เป็นจุดขายของทั้งสองเรื่องนั้นก็คือความหลอกหลอนของผีที่ใช้ภาพหลอนผสมการหลอกที่ล่อเหยื่อให้มาติดกับเหมือนกัน ที่ภาษาหนังเรียกว่าเรียกว่าขนบธรรมเนียมหนังผีที่เป็นมุกคลาสสิคแนวผีหลอนมักใช้กันแต่ถ้าใครที่ได้ดูเรื่องราวในภาพยนตร์และเกมมาแล้วจะรู้ดีว่าเรื่องราวของเกม Man of Medan นำเสนอเรื่องได้น่าสนใจกว่าภาพยนตร์ Ghost Ship ที่มีเนื้อเรื่องเรียบง่ายตามขนบธรรมเนียมหนังผีแต่ตัวภาพยนตร์ก็ดึงคนดูให้ติดตามว่ามันเกิดอะไรขึ้นกับคนบนเรื่องซึ่งตอนเฉลยนั้นตัวภาพยนตร์ทำออกมาได้ดีมาก ๆ ขณะที่ในเกมนั้นการเฉลยออกมายังเป็นปมให้เราสงสัยว่ามันเกิดจากอะไรเรียกว่ามีดีมีด้อยที่ต่างกัน ใครที่ว่าง ๆ ไม่มีอะไรทำก็ลองไปหาภาพยนตร์กับเกมทั้งสองเรื่องมาเล่นมาดูรับรองไม่ผิดหวังทั้งสองเรื่องเลย

Fatal Frame กับ Shutter ชัตเตอร์กดติดวิญญาณ วิญญาณอาฆาตกับกล้องถ่ายผี

ย้อนกลับไปเมื่อปี 2004 ภาพยนตร์หนังผีที่สร้างกระแสความหลอนไปทั่วประเทศจนทำให้หลายคนนั่งไม่ติดเก้าอี้กับ Shutter ชัตเตอร์กดติดวิญญาณที่เล่าเรื่องราวของธรรม์ช่างภาพหนุ่มที่เจอเรื่องราวประหลาดในภาพถ่ายของตนตามสถานที่ต่าง ๆ ที่ไม่ว่าจะถ่ายรูปไหนแบบใดก็จะติดรูปเงาหรือร่างของวิญญาณในนั้นต่อมาเพื่อน ๆ ของธรรม์ก็เสียชีวิตอย่างเป็นปริศนาจนเหลือเขาเพียงคนเดียวที่ต้องถูกวิญญาณตามล่าธรรม์กับแฟนสาวจึงต้องหาทางแก้ไขเรื่องนี้และสิ่งเดียวที่จะทำให้เขาเห็นวิญญาณได้ก็คือการถ่ายรูปนั่นคือเรื่องราวย่อ ๆ ของ Shutter  กดติดวิญญาณภาพยนตร์ที่ใครดูแล้วไม่หลอนไม่กลัวผีแปลว่าคุณใจแข็งมาก ๆ ซึ่งสิ่งที่ภาพยนตร์ Shutter มีก็คล้าย ๆ กับเกมซีรีส์  Fatal Frame ที่ใช้การถ่ายรูปในการเห็นวิญญาณเหมือนกัน

และนอกจากการใช้กล้องถ่ายรูปเพื่อเห็นวิญญาณ(ในเกมใช้สู้ผี) ที่คล้ายกันแล้วอีกหนึ่งสิ่งที่เหมือนกันก็คือเค้าโครงเรื่องในภาพยนตร์กับเกมที่จะเน้นไปที่ประเด็นความรักและความแค้นที่ถูกหักหลังซึ่งถ้าใครที่ได้เล่นเกมในซีรีส์ Fatal Frame มาตลอดจะทราบดีว่าเนื้อเรื่องจะเกี่ยวกับการบูชายันต์หญิงสาวที่ก่อนจะทำพิธีหญิงสาวเหล่านั้นมักจะเกิดมีความรักแต่ก็ต้องพลัดพรากจนทำให้พิธีผิดพลาดจนเกิดเป็นเรื่องราวการแก้แค้นของวิญญาณในเกมภาคต่าง ๆ ขณะที่ภาพยนตร์ Shutter นั้นก็จะมุ่งเน้นไปที่การแก้แค้นของวิญญาณเช่นกันแต่เรื่องราวในภาพยนตร์จะหักมุมและน่าสนใจกว่าในเกมอยู่เล็กน้อยกับอีกเรื่องที่เหมือนกันคือการหลอกหลอนของวิญญาณที่ต้องเรียกว่าเป็นวิธีคลาสสิคของผีเอเชียที่จะเน้นการหลอนหลอกของภาพมากกว่าใช้เสียงให้คนดู(คนเล่นเกม) ตกใจที่ทั้งในเกมและในภาพยนตร์ต่างดึงเอาจุดเด่นความหลอนและบรรยากาศในฉากที่เอามาใช้ได้อย่างลงตัวและคล้ายกันเป็นอย่างมากและถ้าถามว่าเกมกับภาพยนตร์อันไหนน่ากลัวกว่ากันก็บอกเลยว่าทั้งคู่

Grand Theft Auto San Andreas กับเลว 2018 Tattoo Killer เรื่องราวของ ‎Gangster ลูกผู้ชายชีวิตมิตรภาพความรัก

ยังอยู่ที่ภาพยนตร์ไทยอีกหนึ่งเรื่องที่เป็นกระแสในตอนที่ออกฉายกับเลว 2018 Tattoo Killer (หนังฉายปี 2019) ที่บอกเล่าถึงเรื่องราวของนักเลงที่มีรอยสักทั่วตัวที่พยายามจะกลับตัวกลับใจเพื่อเป็นคนดีแต่สังคมกลับตีหน้าดูถูกเขาว่าเป็นคนไม่ดีที่ดูเพียงแค่ภายนอกและด้วยมิตรภาพการหักหลังของเพื่อนจึงทำให้เขาต้องกลับไปในวงการแบบไม่เต็มใจซึ่งถ้าเราดูแนวทางของเรื่องในภาพยนตร์แล้วมันก็คล้าย ๆ กับเรื่องราวของ CJ ในเกม Grand Theft Auto San Andreas ที่บอกเล่าเรื่องราวของ Gangster ที่ต้องต่อสู้แย่งแบบลูกผู้ชายที่มีทั้งการหักหลังแย่งชิงและมิตรภาพของเพื่อนที่ตายแทนกันได้ที่ทั้งเกมและภาพยนตร์นำเสนอออกมาได้สอดคล้องกันแบบไม่น่าเชื่อ

และถ้าเปรียบเทียบทางด้านเนื้อเรื่องของเลว 2018 กับ Grand Theft Auto San Andreas ต้องบอกเลยว่าไม่เหมือนกันเลยทั้งแนวทางของเรื่องตัวละครแต่สิ่งที่ทำให้เกมและภาพยนตร์เหมือนกันนั้นก็คือบรรยากาศในเกมกับตัวละครที่พอดูเรื่องเลว 2018 (หนังฉาย 2019) กลับทำให้เราคิดถึงเรื่องราวของ CJ และเพื่อน ๆ ที่ต้องทำเรื่องเลว ๆ เพื่อปกป้องเพื่อน ๆ ที่ในภาพยนตร์จะใช้การเล่าเรื่องมุมมองสะท้อนสังคมที่ต่างกับ San Andreas ที่เน้นที่เรื่องราวของ CJ ที่พยายามสืบหาเรื่องราวของคนที่ฆ่าแม่ของเขากับการฟื้นฟูแก๊งเก่าเพื่อมาปะทะกับตำรวจทุจริตและแก๊งคู่อริที่พยายามจะครองเมือง และถ้าถามว่าเรื่องไหนดีกว่ากันระหว่างเกมกับภาพยนตร์ก็ต้องพูดว่าถ้าคุณมีเวลาหรือสามารถหาเรื่องเลว 2018(หนังฉาย 2019) มาดูได้ก็ขอให้คุณเอาเวลานั้นไปทำอย่างอื่นจะดีกว่าเพราะนอกจากสาระที่หาไม่เจอกับการเรียงบทแบบงง ๆ เราก็แทบหาสาระจากภาพยนตร์ไม่เจอเลยตรงข้ามกับเกมที่แม้จะเอามาเล่นตอนนี้ก็ยังสนุกอยู่ สรุปสั้น ๆ คือเรื่องเลว 2018 มีกลิ่นอายแบบ Gangster อย่าง Grand Theft Auto San Andreas เท่านั้นที่เราอยากบอก

Beyond Two Souls กับรุ่นพี่ การร่วมมือกันของวิญญาณและสาวน้อย

ยังคงอยู่กับภาพยนตร์ไทยกับแนวเรื่องที่เป็นแนวสืบสวนที่มีวิญญาณกับตัวเอกที่เป็นผู้หญิงในเรื่องรุ่นพี่ภาพยนตร์ไทยดูสนุกเนื้อเรื่องน่าสนใจเกี่ยวกับการสืบสวนคดีฆาตกรรมที่เกิดขึ้นในโรงเรียนคอนแวนต์ผ่านสาวน้อยที่ชอบเก็บตัว(แต่น่ารัก) ชื่ออทิติที่สามารถพูดและได้กลิ่นของวิญญาณได้(แต่มองไม่เห็น) เธอกับรุ่นพี่ต้องสืบหาตัวคนร้ายในคดีฆาตกรรมเมื่อ 50 ปีที่แล้วที่คนร้ายยังคงอยู่ซึ่งแนวทางการร่วมมือของสาวน้อยกับวิญญาณนั้นก็ช่างคล้ายกับเกม Beyond Two Souls ที่เราจะได้รับบทเป็น Jodie Holmes สาวน้อยที่มีวิญญาณชื่อ Aiden ที่เป็นเหมือนวิญญาณที่คอยคุ้มครองและสร้างความเดือดร้อนให้เธอจนทำให้ชีวิตของสาวน้อยเปลี่ยนไปนับจากนั้นซึ่งนั่นคือเรื่องราวที่เกมและภาพยนตร์เหมือนกัน

ซึ่งเรื่องราวของเกม Beyond Two Souls จะดูจริงจังและเป็น Action Adventure ทั้งการต่อสู้ฆ่าฟันการหักหลังที่น่าจะเอามาทำเป็นภาพยนตร์มาก ๆ กับทางเลือกมากมายที่เราสามารถกำหนดให้เกิดขึ้นมาได้ในเกมเพราะมันเป็นแนว Interactive Drama ที่มากกว่ารุ่นพี่ที่เป็นแนวสืบสวนคดีฆาตกรรมที่ดูน่ารักใส ๆ แต่ก็แฝงความหลอนของฉากผีที่ออกมาได้อย่างน่ากลับกับเรื่องราวปมปริศนาที่ทำให้เราติดตามเอาใจช่วยทั้งคู่ในการไขคดี ซึ่งทั้งสองเรื่องนั้นจะมีจุดร่วมเดียวกันคือหญิงสาวทั้งคู่จะมองไม่เห็นวิญญาณและวิญญาณทั้งคู่ก็หวังดีที่คอยช่วยเหลือตัวเอกที่บางครั้งก็สร้างความเดือดร้อนจนเปลี่ยนชีวิตของหญิงสาวทั้งคู่ไป หรือสรุปง่าย ๆ คือตัวเกมกับภาพยนตร์นำสิ่งที่มองไม่เห็นที่เปรียบเหมือนพี่ชายมาใช้ได้อย่างลงตัวและสอดคล้องกันเป็นอย่างดีทั้งคู่ใครเป็นพวกชอบดูเนื้อเรื่องดี ๆ ทั้งเกม Beyond Two Souls และภาพยนตร์รุ่นพี่เหมาะกับคุณที่สุด

PlayerUnknown’s Battlegrounds กับ Battle Royale เกมนรก โรงเรียนพันธุ์โหด อย่าเรียกว่าเหมือนต้องเรียกว่าต้นแบบถึงจะถูก

ในช่วงปี 2016 ได้มีเกมแนวใหม่ที่เรียกตัวเองว่าแนว Battle royale ที่ปล่อยให้คน 100 คนกระโดดร่มลงไปไปยังเกาะขนาดใหญ่ที่มีอาวุธเพื่อให้ทุกคนฆ่ากันจนเหลือเพียงคนเดียวในชื่อเกม PlayerUnknown’s Battlegrounds หรือที่หลายคนเรียกสั้น ๆ ว่า PUBG ที่ตัวเกมไม่ได้บอกคนเล่นว่าพวกเขามาทำอะไรกันที่นี่ทุกคนเพียงแค่กระโดดลงมาบนเกาะหาอาวุธและฆ่าทุกคนเท่านั้น ซึ่งเรื่องราวสั้น ๆ แค่นี้ของเกมกลับไปคล้ายกับแนวทางของภาพยนตร์เรื่อง Battle Royale เกมนรกโรงเรียนพันธุ์โหดเป็นอย่างมากเพราะเรื่องราวในภาพยนตร์ Battle Royale นั้นจะเป็นโลกอนาคตที่ประชากรล้นโลกทางรัฐบาลญี่ปุ่นจึงคิดเกมขึ้นมาเพื่อกำจัดประชากรที่ไร้คุณภาพทิ้งไปและโรงเรียนที่ได้รับเลือกก็คือห้อง 3-B ที่ถูกปล่อยบนเกาะกลางทะเลที่ชื่อว่า Kitano เพื่อให้ทุกคนฆ่ากันเองจนเหลือคนสุดท้ายและแน่นอนว่าจุดเด่นของทั้งสองเรื่องนี้ก็คือการฆ่ากันเองของผู้คนจนเหลือเพียงคนเดียว

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook