“แพต ชญานิษฐ์” นักแสดงสาวผู้ไม่อยากโลดแล่นอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยของตนเอง

“แพต ชญานิษฐ์” นักแสดงสาวผู้ไม่อยากโลดแล่นอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยของตนเอง

“แพต ชญานิษฐ์” นักแสดงสาวผู้ไม่อยากโลดแล่นอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยของตนเอง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ด้วยระยะเวลาเพียง 2 ปีกว่า ต้องบอกตามตรงแบบไม่อ้อมค้อมว่า แพต-ชญานิษฐ์ ชาญสง่าเวช คือนักแสดงสาวผู้นี้น่าจับตามองเป็นอย่างยิ่ง...

เรารู้จัก แพต ชญานิษฐ์ ครั้งแรกจากผลงานซีรีส์ทางช่อง GMM25 เรื่อง I See You พยาบาลพิเศษ..เคสพิศวง กับบทบาทพยาบาลสาวที่มองเห็นผี ต่อเนื่องด้วยซีรีส์และมิวสิควิดีโออีกหลายชิ้น สิ่งที่น่าสนใจไปมากกว่านั้นก็คือผลงานภาพยนตร์ที่โดยส่วนใหญ่ที่เธอรับมักจะเป็นหนังอินดี้เสียเป็นส่วนมาก ทั้ง Distance ซึ่งเป็นการร่วมมือกันระหว่างจีน-ไต้หวัน-สิงคโปร์-ไทย รวมถึงล่าสุด Someone from Nowhere ที่พาสาวจากรั้วศิลปากรคนนี้คว้ารางวัลทางการแสดงในฐานะ “นักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยม” เลยทีเดียว

จนกระทั่งมาถึงบทบาท “วีน่า” ในละคร รักนี้หัวใจเราจอง ซึ่งออนแอร์ทางช่อง GMM25 ก็ปรับเปลี่ยนบทบาทที่ได้รับอีกครั้งไปสู่ความเป็นคอมเมดี้อย่างถึงพริกถึงขิง ความเป็นสาววายร้ายจอมขี้วีนคือภาพที่เราแทบไม่เคยเห็นจากสาวคนนี้ แน่นอนว่าในทุกบทบาทคือความท้าทายที่ไม่ได้ก้าวเข้ามาหาและทักทายเธอเพียงฝ่ายเดียว เพราะในบางครั้ง แพต ก็เป็นฝ่ายเดินเข้าไปหาโอกาสเช่นกัน

แพต-ชญานิษฐ์ ชาญสง่าเวช

ทั้งๆ ที่ ชญานิษฐ์ (ซึ่งเป็นชื่อที่เราเรียกเธอตลอดการสัมภาษณ์) ไม่เคยมีความฝันที่จะเป็นนักแสดงมาก่อน แต่วันนี้เธอกลับใช้คำว่า “รัก” การเป็นนักแสดงหมดหัวใจ แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่อยากที่จะอยู่ในเซฟโซนของตัวเองไปเรื่อยๆ

มาร่วมค้นหาคำตอบกับ Sanook! TV/Movies กันว่าเพราะเหตุใด แพต ชญานิษฐ์ จึงกลายเป็นนักแสดงที่มีความน่าสนใจมากที่สุดคนหนึ่งของวงการบันเทิงเมืองไทยในปัจจุบัน

 

ในตอนนี้คำว่า นักแสดง มันสำคัญอย่างไรต่อชีวิตของคุณบ้าง?

เรารู้สึกว่า เราทำมันเป็นอาชีพ มันก็เลยสำคัญ สำคัญยิ่งกว่าปัจจัย 5 อีก (ยิ้ม)

มันเป็นความใฝ่ฝันของคุณมาตั้งแต่แรก?

ไม่เลย เราเรียนออกแบบ ศิลปะ กราฟฟิก คือเรียน art มานั่นแหละ ซึ่งการเป็นนักแสดงเป็นสิ่งที่เราไม่เคยคิดมาก่อนเลย (หัวเราะ) คือถ้าไม่ได้มาทำตรงนี้ ตอนนี้เราก็คงอยู่บริษัทออกแบบสักแห่งในประเทศไทย แล้วมันก็ใหม่มากๆ สำหรับเราที่แบบว่า เพิ่งได้มีโอกาสได้มาทำตรงนี้เมื่อไม่กี่ปีมานี้นี่เอง

จนมาถึงทุกวันนี้มันง่ายขึ้นไหมเวลาที่คุณได้รับบทบาทใดสักบทบาทหนึ่งแล้วพยายามจะเข้าถึงตัวละครให้ได้?

เรารู้สึกว่ามันไม่มีอะไรง่าย คือเรายังไม่หยุดการเรียนรู้กับสิ่งเหล่านี้เลย และไม่เคยหยุดที่จะเรียนรู้ด้วย แล้วไอ้ที่มันไม่ง่ายก็เพราะว่าเรามีโอกาสได้รับบทที่ยากด้วย

มีโอกาสรับบทที่ยาก... มันจึงไม่ง่าย?

ใช่ แต่เราก็ไม่ได้จะเลือกรับแต่บทยากๆ นะ คือมันเป็นจังหวะที่จะมีอะไรยากๆ ติดต่อเข้ามาเสมอ (หัวเราะ) ด้วยบุคลิกภาพของเราเอง เราเป็นคนสนุกๆ เรื่อยๆ ไม่เครียด แต่มักจะได้รับบทที่แบกรับอะไรบางอย่าง เครียดๆ หนักๆ มันก็เลยไม่ง่ายอยู่บ่อยๆ

ส่วนใหญ่เราจึงเห็นคุณใช้สายตาและสีหน้าในการสื่อสารความรู้สึกออกไป?

(หัวเราะ) ส่วนมาก... ใช่ค่ะ

พัฒนาการแสดงของตนเองอย่างไร?

คนเรียนหนังสือก็ยังต้องเรียน นักร้องยังต้องเรียนร้องเพลง เราเองเป็นนักแสดงก็ต้องเรียนการแสดงศาสตร์ใหม่ๆ อยู่เรื่อยๆ ห้ามหยุดที่จะศึกษา คือเราโชคดีนะที่เรียนแล้วได้เอามาใช้ มันก็เหมือนเป็นการฝึก เหมือนนักดนตรีถ้าไม่ฝึกก็ไม่เก่งจริงไหม แต่เราโชคดีที่ได้ลงสนามเสมอ

เท่าที่สังเกต คุณจะรับบทที่แตกต่างจากเดิมไปเรื่อยๆ?

คือเราไม่อยากอยู่ในเซฟโซน เราชอบบอกว่าอันนี้เราเคยเล่นแล้ว เราไม่อยากเล่นอันนี้ ซึ่งมันก็ไม่ดีหรอก เป็นนิสัยที่ไม่ดี แต่เรารู้สึกว่า เราไม่ได้มีโอกาสอยู่ในวงการบันเทิงได้ยาวนานขนาดนั้น เราไม่สามารถหยุดอยู่ที่นี่ได้เป็นสิบยี่สิบปี เรามองไม่เห็นเส้นทางตัวเองในอีก 20 ปีข้างหน้ากับที่นี่นะ ถ้าเราได้ลองอะไรใหม่ๆ ไปเรื่อยๆ ก็จะเป็นโอกาสที่ดีกว่า ถ้าจะลองซ้ำบทเดิม อีก 3 ปีค่อยว่ากัน (หัวเราะ) เรามองแบบนั้น อาจจะดูดื้อไปนิดหนึ่ง แต่หลังๆ นี้ก็เหมือนว่าเราทำตัวแบบนั้นเสมอ (หัวเราะ)

GMM25แพต ชญานิษฐ์ กับบทบาท วีน่า ใน รักนี้หัวใจเราจอง

บทบาทในภาพยนตร์ที่อาจจะมีความนอกกระแสอยู่ประมาณหนึ่ง กับตอนนี้ที่มีโอกาสได้มาเล่นซีรีส์ทางสถานีโทรทัศน์ที่ค่อนข้างเมนสตรีม มันยากง่ายแตกต่างกันมากไหม?

มันยากตรงที่เราต้องดีลกับตัวเองประมาณหนึ่ง คือความเครียดหรือการแบกอะไรบางอย่างเอาไว้มันต่างกัน โดยปกติสมมติว่าเราเครียดจากบท กลับบ้านไปเราก็ยังเป็นอย่างนั้นอยู่นะ สมมติว่าวันนี้สนุกมาก กลับบ้านไปความสนุกนั้นก็ยังอยู่ (หัวเราะ) แต่เราว่ามันไม่ใช่การติดคาแรกเตอร์กลับมา มันเป็นเอเนอร์จี้มากกว่าที่เราอยู่ที่ไหนเราก็เป็นแบบนั้น แล้วเราเป็นคนใช้ชีวิตทุกอย่างด้วยอารมณ์อยู่แล้วด้วย เป็นคนที่เหตุผลจะเป็นอันดับ 2 เสมอ (หัวเราะ)

ศิลปิน?

ด้วยมั้ง เราคงอยู่กับโลกของศิลปะมาแต่ไหนแต่ไรแล้วด้วย แต่ภาพยนตร์ ซีรีส์ ละคร เรื่องรูปแบบหรือสเกลงานมันก็ต่างกัน เป็นศาสตร์การแสดงที่แตกต่างกัน เรามาเพื่อเรียนรู้ทั้งหมด

และสิ่งที่น่าสนใจคือ คุณได้รับการเสนอชื่อเข้าชิง รวมถึงได้รับรางวัลนักแสดงนำหญิงยอดเยี่ยมจากหนังเรื่อง Someone from Nowhere ซึ่งนอกกระแสสุดๆ มันเป็นความรู้สึกอย่างไร?

งงมาก คือจริงๆ ได้แค่มีชื่อเข้าชิงเราก็ดีใจมากแล้ว ซึ่งหนังเรื่องนี้เราไปขอแคสติ้งด้วยนะ ไม่คิดว่าจะได้ด้วยซ้ำ

ปกติเขามีแต่จะเรียกนักแสดงไปแคสติ้ง แต่คุณกลับขอไปแคสติ้งด้วยตนเอง?

เขาก็งงเหมือนกัน แต่เราก็บอกไปว่าอยากเล่น (หัวเราะ) ไปขอค่าย ค่ายก็งง ผู้ใหญ่โทรมาถามเลย เฮ้ยเอาจริงหรือ (หัวเราะ) เราก็บอกว่าเอาจริง เรารู้สึกว่าหนังอินดี้นอกกระแสเขาไม่ค่อยมาติดต่อคนแบบเราหรอก เรารู้สึกว่า คนเรามันควรจะมีทั้งงานคราฟต์และงานแมสอยู่ในตัว เราก็เหมือนนักศึกษาคนหนึ่งที่ทำพอร์ตโฟลิโอเข้ามหาวิทยาลัย หรือเหมือนพนักงานที่ต้องทำงานให้ดีเพื่อพัฒนาตัวเองต่อไปเรื่อยๆ แล้วพอได้ไปเล่นหนังอินดี้เราชอบมากเลย มันคือการแสดงอย่าง deeply inside จริงๆ กายภาพเปลี่ยน เอเนอร์จี้เปลี่ยน ทุกอย่างเปลี่ยน มันออกมาแบบแปลกประหลาดมากเลย Someone from Nowhere มันเป็นมาสเตอร์พีซสำหรับเราเหมือนกันนะ มันมีความมหัศจรรย์หลายๆ อย่างเกิดขึ้น มันเป็นการแสดงที่จู่ๆ กายภาพเราก็เปลี่ยน กล้ามเนื้อบนใบหน้าเรามันทำงานโดยที่เกิดมาไม่เคยเป็นแบบนี้มาก่อน มันคือสิ่งนั้นที่เกิดขึ้นเลย มันเป็นการแสดงที่ไม่มีแบ็กกราวด์ให้เราเล่น เราเล่นด้วยนามธรรมเลย ชอบมาก คือบทมันน่าสนใจมากๆ อยู่แล้ว ทั้งเรื่องมีเล่นอยู่ 2 คน โอ้โหดีมาก สนุกมาก ชอบมาก อาจจะดูยาก พาพ่อแม่ไปดู หันไปเห็นแม่หลับ (หัวเราะ) เราเข้าใจนะ มันเป็นศิลปะอีกแบบหนึ่งสำหรับอีกกลุ่มเป้าหมาย

แต่สำหรับวงการโทรทัศน์คุณอาจยังไม่ได้มีโอกาสมาลิ้มรสชาติบ่อยครั้งนัก อย่างในตอนนี้ก็มีละคร รักนี้หัวใจเราจอง แล้วในมุมมองของคุณทุกวันนี้วงการละครโทรทัศน์ในบ้านเราเป็นอย่างไร?

เราว่าละครโทรทัศน์มันสามารถเป็นจุดที่ตอบได้ว่า คนไทยเป็นคนอย่างไร เพราะมันทำขึ้นมาเพื่อให้คนไทยดู เป็นอีกศาสตร์หนึ่งที่ทำเพื่อให้แม่บ้านที่ผัดซีอี๊วอยู่หันมาดูให้ได้ ทำเพื่อให้ทุกๆ เบรก ทุกๆ ตอนที่ตัดโฆษณาแล้วเขายังอยากดูเราอยู่ เป็นอีกศาสตร์ที่เราต้องมาเรียนรู้นะว่า ทำไมละครที่เราดูเมื่อก่อน พระเอกนางเอกถึงหันไปพูดกับท้องฟ้าได้ แล้วเราก็ต้องทำมันออกมาด้วยการเรียนรู้แบบใหม่ที่เราต้องไม่รู้สึกเขินที่จะทำด้วย

รู้สึกว่ามันท้าทายไหม?

ท้าทาย ช่วงแรกๆ โคตรเขินเลย โคตรจะไม่เข้าใจเลยว่า พูดคนเดียว พูดอะไร แต่พอมาเรียนรู้ มาทำความเข้าใจกลุ่มเป้าหมายหรือภาพรวมทั้งหมด ได้คุยกับผู้กำกับ ซึ่งเราโชคดีมากที่ได้เจอกับผู้กำกับที่ดีเสมอเลย เขาก็ให้คำตอบเราได้เป็นอย่างดีจนเราสามารถทำออกมาได้โดยที่ไม่เขิน

เป้าหมายของการเป็นนักแสดงในวันนี้ล่ะ?

เป้าหมายจริงๆ คือทุกวันที่ไปทำงานเราได้เจอซีนที่รู้สึกว่า เราอยากทำให้มันดี แล้วเราก็ทำได้ดี แค่นั้นเลย มันใกล้ตัวมาก พอยิ่งโต เป้าหมายมันยิ่งง่ายมากเลย

อยากเป็นเหมือน เกล็นน์ โคลส ตำนานนักแสดงฮอลลีวูดที่อายุ 70 แล้วยังไปเฉิดฉายบนเวทีออสการ์ได้อะไรประมาณนั้นไหม?

ถ้าเป็นแบบนั้นได้ก็ดี เพราะเรารู้สึกว่าเราหลงรักสิ่งนี้ โอเค เราก็คงมีเป้าหมายใหม่ๆ อยู่เรื่อยๆ เช่น ในอนาคตเราก็คงต้องมีชีวิตที่ดำเนินต่อ บางทีอีก 20 ปีข้างหน้าเราอาจจะมีลูกก็ได้ คือหมายถึงหากมีงานที่ดีที่น่าสนใจแล้วเขายังคงติดต่อมาหาเราอยู่ เราก็คงรับ แต่เราอาจจะเลือกมากขึ้นตามความเหมาะสมไปเรื่อยๆ เรารู้สึกว่ามันเป็นงานศิลปะ เราจะทำเมื่อไหร่หรือตอนอายุเท่าไหร่ก็ได้ ถ้าเรายังมองว่าเป็นงานศิลปะอยู่

ถ้าถามว่ารักการเป็นนักแสดงไหม?

รักมาก เลิฟมาก

ทั้งที่แต่ก่อนคุณไม่ได้มีความฝันที่จะเป็นนักแสดง แต่วันนี้คุณใช้คำว่ารักกับการแสดงแล้ว?

เวลาคนเราทำอะไรแล้วมันสนุก มันก็ชอบทั้งนั้นแหละ ถ้าเราชอบมันก็คือชอบ เหมือนที่เราบอกไปตอนต้นนั่นแหละว่า เราเป็นคนที่อารมณ์มาเป็นอันดับหนึ่ง ทุกอย่างของเราคืออารมณ์หมดเลย (หัวเราะ)

 

สามารถติดตามละครเรื่อง รักนี้หัวใจเราจอง ได้ทุกวันพุธ-พฤหัสบดี เวลา 20.10 น. ทางช่อง GMM25

 

Photos by : Ditsapong K.

อัลบั้มภาพ 16 ภาพ

อัลบั้มภาพ 16 ภาพ ของ “แพต ชญานิษฐ์” นักแสดงสาวผู้ไม่อยากโลดแล่นอยู่ในพื้นที่ปลอดภัยของตนเอง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook