Friend Zone โซนเพื่อนรักที่ไม่มีใครอยากเข้า

Friend Zone โซนเพื่อนรักที่ไม่มีใครอยากเข้า

Friend Zone  โซนเพื่อนรักที่ไม่มีใครอยากเข้า
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

 

 

ค่ายหนังอารมณ์ดี ต้อนรับช่วงเวลาต้นปี (และวันวาเลนไทน์) กับหนังอย่าง Friend Zone ระวัง..สิ้นสุดทางเพื่อน โดยตอนนี้หนังโกยรายได้ไปทั่วประเทศแล้วถึง 51.89 ล้านบาท (ข้อมูลจากแฟนเพจชมรมวิจารณ์บันเทิง https://www.facebook.com/BangkokCritics/) ซึ่งเป็นการบ่งบอกที่สำคัญว่า แฟนค่าย GDH ยังคงเหนี่ยวแน่นไม่เสื่อมคลาย ว่าแต่หนังเรื่องนี้บอกเล่าอะไร

 

 

ความสัมพันธ์แบบเพื่อน

ในโลกใบนี้ ผู้คนมีความสัมพันธ์กับหลายหลากรูปแบบ แต่ความสัมพันธ์แบบหนึ่งที่สร้างความน่ากระอักกระอ่วนใจที่สุดคือ “เพื่อนสนิท” กับ “แฟน” ซึ่งว่ากันว่านี่เป็นความสัมพันธ์แบบ Friend Zone หรือจุดที่คนสองคนอยู่ในสภาพจะเป็นเพื่อนก็ไม่ได้จะเป็นแฟนก็ไปไม่ถึง ซึ่งมันเกิดขึ้นกับปาล์ม (นาย-ณภทัร เสียงสมบุญ) คือ หนึ่งในคนที่ติดอยู่ใน Friend Zone ของ กิ๊ง (ใบเฟิร์น-พิมพ์ ชนก ลือวิเศษไพบลูย์) เพื่อนสนิทของเขามานานเป็น 10ปี

 

แม้ปาล์มจะพยายามออกจากจุดดังกล่าว แต่เหมือนสองฝ่ายก็ยังกล้าๆกลัวๆที่จะสูญเสียความสัมพันธ์แบบเพื่อนไป ทำให้ฝ่ายหนึ่งให้คำตอบว่า “เป็นเพื่อนกันก็ดีอยู่แล้ว” ทว่ายิ่งนานวัน ความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็เป็นมากกว่าเพื่อนสนิท ต่างฝ่ายต่างมีแฟนเป็นของตัวเอง ทุกครั้งที่กิ๊งมีปัญหาเลิกกับแฟน ปาล์มคือที่พึ่งที่เดียวของเธอและไม่ว่าจะไกลแค่ไหน ความเป็นห่วงของปาล์มก็มีมากกว่าเขตแดนของประเทศ แต่เพราะความเป็นห่วง (ที่มากเกินไป) ส่งผลให้ตอนที่กิ๊งมีปัญหากับพี่เท็ด (เจสัน ยัง) แฟนคนล่าสุด เลือกยิงคำถามกลับมาที่ปาล์มอีกครั้งว่า “แกเคยคิดไหมว่าถ้าเราสองคนเป็นแฟนกันจะเป็นยังไง”

 

และนั่นเองนำมาซึ่งเรื่องราวที่เกิดขึ้นในหนัง Friend Zone

 

 

ไอเดีย Friend Zone มาจากไหน แล้วทำไมถึงน่าสนใจ

หนัง GDH แทบทุกเรื่องมีแก่นโครงสร้างที่มีจุดขายชัดเจน มีความแข็งแรงและน่าสนใจ ทุกอย่างเริ่มต้นมาจาก เก้ง-จิระ และ วรรณฤดี โปรดิวเซอร์ เปิดฝึกเขียนบทให้กับน้องๆเด็กฝึกงาน หมู-ชยนพ บุญประกอบผู้กำกับของเรื่องจึงเลือกเอาโอกาสนี้พัฒนาตัวเอง เขาเลือกจะส่งการบ้านเขียนบทด้วยการเขียนเรื่องราวสมัยยังทำงานเป็นสจ๊วต ประกอบกับความสัมพันธ์แบบ Friend Zone โดยสังเกตจากคนรอบตัว เพื่อนที่มีความสัมพันธ์แบบนี้ ต่างฝ่ายต่างชอบกันแต่เลือกที่จะไม่เป็นแฟนกันเพราะอยากคงสถานะความเป็นเพื่อนไว้ ไอเดียดังกล่าวถูกใจ พี่เก้งมาก และมองว่ามันสามารถขยายความไปเป็นหนังขนาดยาวได้

 

กว่า 1 ปีที่หมู-ชยนพ บุญประกอบ ค่อยๆร่วมพัฒนาบทไปกับทีมเขียนบท ระหว่างที่เขียน ทีมงานก็มีรายชื่อนักแสดงอยู่ในใจ และในวันที่ใบเฟิร์น-พิมพ์ชนกมาแคสบทนี้ แค่เธอนั่งนิ่งๆและพูดบทแล้วน้ำตาไหล ทำให้ทีมงานรู้ว่าบทนี้ต้องเป็นใบเฟิร์นเท่านั้น ขณะที่ฝั่งพระเอกอย่างนาย ซึ่งเคยร่วมงานกันแล้วตอนหนังเรื่อง “พรจากฟ้า” เรื่องนี้ตัวผู้กำกับอยากให้ผู้ชมได้เห็นมุมที่ต่างออกไปจากเดิมคือ บทปาล์มจะมีความกะล่อนขณะเดียวกันเขาก็รักกิ๊งมากๆ นิสัยติดตัวของนายที่ดูเป็นผู้ชายอบอุ่นอยู่แล้ว ช่วยเติมเต็มให้ตัวละครปาล์มมีมิติขึ้นมา

 

 

เมื่อนักแสดงพูดถึงนักแสดงด้วยกัน

 

นายพูดถึงใบเฟิร์น

“ผมร่วมงานกับใบเฟิร์นแล้วรู้สึกดีมาก ติดตามการแสดงของเธอมาตั้งแต่หนังเรื่อง สิ่งเล็กๆที่เรียกว่ารัก อาจจะเจอตามงานหนัง งานอีเวนท์บ่อยๆ แต่ไม่เคยมีโอกาสได้ร่วมงานกัน จนกระทั่งพอได้มาทำงาน เราพบว่าเธอเป็นนักแสดงที่เก่งมาก เป็นคนมีวินัยสูง เป็นเพื่อนที่ดีมาก เป็นคู่แสดง เป็นพื่อนคู่คิดที่ดีมาก เธอใส่ใจลงไปในบทที่เธอแสดง เวลาเล่นแล้วช่วยรับส่งอารมณ์กัน ผมรู้สึกดีมากๆที่ทำงานด้วยเราสองคนทำงานเป็นทีม”

 

 

ใบเฟิร์นพูดถึงนาย

“เป็นครั้งแรกที่หนูมีโอกาสได้มาเจอกับนาย กลายเป็นว่านายตัวจริงค่อนข้างสุภาพ เรียบร้อย เราก็เกร็งนายมากเพราะเขาเป็นคนพูดเพราะมาก ส่วนเราก็ห้าวไม่สุภาพเท่าไหร่ แต่โชคดีที่เราได้เวิร์คช็อปละลายพฤติกรรมไปเยอะ เพื่อให้เราสองคนกลายเป็นเพื่อนสนิทกัน เป็นคนรุ่นเดียวกัน ครูแอ็คติ้งโค้ชจะบอกนายว่า ห้ามเรียกเฟิร์นว่าพี่ ให้เรียกเฟิร์น หรือไม่ก็เรียกกูมึงไปเลยก็ได้จะได้สนิทไม่เกร็งกัน พอหลังๆเลยลื่นไหลมาก พอออกมานอกกองยังติดเรียกกูมึงกันอยู่เลย พอไปสักพักเลยเป็นความสนิทกัน เหมือนต่อกันติด จูนกันติด เวลาออกกองและถ่ายงานกันแบบต่อเนื่องทำให้เราเข้าขากันมากขึ้น รู้จังหวะกันมากกว่าเดิม”

 

 

เจสัน ยังหนุ่มใหญ่ผู้เป็นตัวแปรความรักครั้งนี้

 

เจสัน ยัง เข้ามาแคสบทนี้ด้วยตัวเอง เขาสารภาพกับทีมงานว่าสมัยตอนเด็กๆนั้นเขาไปแคสงานแต่ไม่เคยได้บทเลยสักครั้ง ครั้งนี้เขาก็ไม่ได้คาดหวัง ตอนเข้าห้องแคสติ้งพอทีมงานบอกให้เล่นกีตาร์ ร้องเพลง และมีบทให้ลองเล่นดู ผมก็ทำเต็มที่ กระทั่งวันหนึ่งผู้จัดการโทรมาและบอกว่า “เจ พี่มีข่าวดี แกได้เล่นหนัง GDH” เขาก็ได้แต่อึ้งและคิดว่าเป็นการอำเล่นๆ แต่เมื่อผู้จัดการยืนยันว่าเรื่องจริง เขาก็ดีใจมากที่ได้เป็นส่วนหนึ่งของหนังค่ายนี้ ตัวละครพี่เท็ดเป็นผู้ชายอบอุ่น มีเสน่ห์กับเพศตรงข้ามและเข้าคารม เวลาเข้าหาผู้หญิงผู้หญิงทุกคนจะชอบ อาชีพในหนังของเขาคือโปรดิวเซอร์รับทำเพลงประกอบโฆษณา เขายังชื่นชมว่าใบเฟิร์นเป็นนักแสดงที่เก่งและน่ารักมากอีกด้วย

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook