รีวิว Ghost Stories เล่าเรื่องอย่างไรให้น่าขนลุก?

 

Ghost Stories หนังผีสัญชาติอังกฤษที่ดัดแปลงมาจากละครเวทีในชื่อเดียวกัน บอกเล่าเรื่องราวของศาสตราจารย์ฟิลลิป กู๊ดแมน (แอนดี้ ไนแมน) ชายที่พยายามจะแฉทุกเรื่องเหนือธรรมชาติ ว่าล้วนแล้วแต่เกิดขึ้นจากกระบวนการทางวิทยาศาสตร์เท่านั้น ท่วาความเชื่อตลอดชีวิตของเขากำลังจะถูกทดสอบ เมื่อฟิลลิปต้องสืบคดีเหนือธรรมชาติ 3 คดีที่ยังไม่ได้รับคำตอบอธิบายอย่างเป็นรูปธรรม

 

 

หลังจากที่ช่วงไม่นานมานี้เทรนด์หนังผีมักจะสร้างความตกใจให้กับผู้ชมด้วยการประโคมเสียงดังใส่คนดูเพื่อสร้างความตกใจเป็นหลัก แต่ Ghost Stories กลับเลือกจะสร้างบรรยากาศและใช้การจัดวางภาพเพื่อสร้างความไม่น่าไว้วางใจให้กับผู้ชม หลายครั้งภาพที่ปรากฏขึ้นในหนัง คือการเล่นกับพื้นที่ว่างเปล่าในเฟรม เพื่อหลอกล่อให้คนดูกวาดสายตาสอดส่องว่า ในพื้นที่ว่างเหล่านั้นมีอะไรที่ “ผิดปกติ” ซ่อนอยู่ นอกเหนือไปจากเฟรมภาพแล้ว หนังยังเลือกที่จะช็อคคนดูในปริมาณน้อยครั้ง แต่ประสบความสำเร็จแทบทุกครั้งในการอาศัยจังหวะทีเผลอ ปรากฏภาพที่น่าตกใจขึ้นมาให้ผู้ชมตั้งหลักไม่ทัน

 

ระหว่างทางของ Ghost Stories อาจจะสร้างคำถามให้กับผู้ชมอยู่ตลอดทางว่าทำไมรอยต่อระหว่างเรื่องเล่าเรื่องหนึ่งเชื่อมไปยังอีกเรื่องถึงไม่ค่อยเชื่อมต่อเหตุการณ์กัน ทุกอย่างในหนังมีความเป็น “ห้วงๆ” อยู่ตลอดเวลา แต่เมื่อทุกอย่างเดินทางมาถึงช่วงขมวดปมของเหตุการณ์ทั้งหมด มันก็ได้คลี่คลายให้คนดูเห็นว่าปรากฏการณ์เหล่านั้นเกิดขึ้นมาอย่างมีเหตุผลและนัยบางอย่างที่ส่งผลซึ่งกันและกัน

 

 

โดยคดีแรกเล่าเรื่องราวของยามกะดึกโทนี่ แมททิวส์ ที่เจอเข้ากับเหตุการณ์ประหลาดในโรงพยาบาลร้าง เริ่มตั้งแต่ไฟดับเพราะปลั๊กของเครื่องปั่นไฟโดนถอดออกอย่างไม่มีเหตุผล หรือเงาตะคุ่มๆ ที่ทอดยาวอยู่ไกลออกไป จนกระทั่งเขาต้องออกเดินสำรวจไปรอบๆ บริเวณจนเจอเข้ากับต้นตอของเจ้าของเสียงปริศนา

 

 

คดีที่ 2 เล่าเรื่องราวของไซม่อน ริฟคินด์ หนุ่มวัยรุ่นที่โกงใบขับขี่และขับรถกลับบ้านกลางดึกผ่านป่าอันมืดมิด แต่แล้วก็เกิดอุบัติเหตุและทำให้รถของเขาพุ่งชนกับบางสิ่งบางอย่าง จากเหตุการณ์สุดน่าขนลุกในครั้งนั้นยังตามหลอกหลอนไซม่อนมาถึงบ้านในรูปแบบของเงาดำ

 

 

คดีที่ 3 คือเรื่องราวของไมค์ พริดเดิล นักธุรกิจที่ประสบความสำเร็จในชีวิต เขาใฝ่ฝันจะมีลูกสักคนแต่กลายเป็นว่าเขากลับเห็นปรากฏการณ์ผีหลอกจากลูกที่ยังไม่เกิดอยู่ตลอดเวลา

 

จุดเด่นคือเหตุการณ์โดนหลอกของบุคคลทั้ง 3 คนนี้เกิดขึ้นตอนที่พวกเขาอยู่คนเดียว และนอกจากนี้เรายังไม่เห็นหน้าของตัวละครคนอื่นๆ ที่ปรากฏตัวอยู่ในเรื่องราวเลยสักครั้ง กระทั่งตัวละครที่ไซม่อนอ้างว่าเป็นพ่อแม่ของเขาก็ยังหันหน้าเข้าหาฝาผนัง ซึ่งนัยดังกล่าวนั้นกลายเป็นเหตุผลสำคัญที่เมื่อหนังเฉลยความจริงในตอนท้ายแล้ว จึงทำให้เราเข้าใจว่า ทำไมคำกล่าวอ้างที่ว่า “สมองเราเห็นในสิ่งที่เราอยากเห็น” จึงกลายเป็นวรรคทองของเรื่องและอธิบายปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดในหนังได้อย่างชัดเจนที่สุด