สงสัยไหมทำไม Mamma Mia! ต้องมีภาคต่อ?

สงสัยไหมทำไม Mamma Mia! ต้องมีภาคต่อ?

สงสัยไหมทำไม Mamma Mia! ต้องมีภาคต่อ?
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

 

 

 

กว่า 10 ปี ที่หนัง Mamma Mia! The Movie ได้เข้าฉายในโรงภาพยนตร์และสามารถทำรายได้ไปมากกว่า 600 ล้านเหรียญฯ ถือเป็นหนังที่ดัดแปลงมาจากละครเพลงมิวสิคัลเรื่องหนึ่งที่จัดได้ว่าประสบความสำเร็จตลอดกาลเรื่องหนึ่ง แต่ก็นำไปสู่คำถามที่ว่า ในเมื่อเรื่องราวในหนังภาคแรกก็จบสมบูรณ์ดีอยู่แล้วทำไมถึงต้องมีภาคต่อตามออกมา

 

 

เรื่องราวในอดีตที่ผู้ชมยังไม่รู้จัก (และเส้นเรื่องในอนาคต)  

หนัง Mamma Mia! Here We Go Again คือภาคต่อและภาคก่อนหน้าที่เล่าเรื่องราว “ก่อนและหลัง” หนังภาคแรกไปพร้อมๆกัน ซึ่งทำให้เราได้ทำความรู้จักกับดอนนา เชอริแดน, ทันย่า และโรซี ในปี 1979 จบการศึกษาจากมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด และดอนนาก็มีความสุขกับการได้ออกผจญภัยทั่วยุโรปเพื่อทำตามความฝันของเธอบนเกาะคาโลไครีในกรีก ซึ่งระหว่างทางเธอก็ได้พบเจอชายหนุ่มเจ้าเสน่ห์สามคนอันประกอบไปด้วยแฮร์รี่ บิล และแซม ซึ่งคนหลังสุดคือคนที่เธอตกหลุมรักหัวปักหัวปำ

 

บนเกาะคาโลไครีในกรีกดอนนาหลงเสน่ห์เกาะแห่งนี้จนเธอตัดสินใจจะตั้งรกรากที่นี่ และเริ่มต้นชีวิตใหม่ จนกระทั่งเธอพบว่าจริงๆแซมได้หมั่นหมายกับหญิงสาวคนหนึ่งไว้ จนดอนนาใจสลายก่อนที่เธอจะค้นพบว่าตัวเองได้ตั้งครรภ์จะเลี้ยงดูลูกสาวของเธอให้เติบโตมาเป็นโซฟีในหนังภาคแรก

 

ขณะที่เหตุการณ์ปัจจุบันโซฟี เชอริแดนได้อุทิศตัวเองเพื่อจะทำความฝันของดอนนาผู้เป็นแม่ให้กลายเป็นจริงด้วยการปรับปรุงโรงแรมและเปลี่ยนให้มันทันสมัยภายใต้ชื่อโฮเตล เบลลา ดอนนา ที่สวยงามเพื่อเป็นเกียรติกับแม่ของตน แต่การจะทำทุกอย่างให้เป็นไปตามความฝันของแม่นั้นไม่ใช่เรื่องง่ายเมื่อพายุร้ายกำลังจะกระหน่ำมาที่เกาะแห่งนี้ ยังไม่รวมไปถึงปัญหาหัวใจระหว่างเธอกับสกาย แฟนหนุ่มของเธอที่กำลังระหองระแหงด้วย

 

 

ภาคต่อที่ทำให้ผู้ชมได้เข้าใจตัวละครมากขึ้น

Mamma Mia! Here We Go Again ได้ดำเนินความเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์เรื่องราวต่อจากหนังภาคแรก แต่ในขณะเดียวกัน ผู้ชมจะได้ค้นพบด้วยว่า ความสัมพันธ์ที่เปลี่ยนแปลงชีวิตของตัวละครเหล่านี้ก่อกำเนิดขึ้นมาได้อย่างไร และมันส่งอิทธิพลสำคัญอย่างไรต่อดอนนา, เดอะ ไดนาโมส์, โซฟี และหนุ่มๆ ผู้อาจเป็นพ่อของเธอบ้าง

 

จุดเริ่มต้นของทีมงานในการสร้างหนังภาคนี้ออกมา เพื่อจะนำเสนอตัวละครที่รักของเราในช่วงเวลาหนุ่มสาว โดยที่ต้องระหว่างความสัมพันธ์และความเชื่อมโยงระหว่างหนังภาคนี้และหนังภาคแรก โดยที่เส้นเรื่องหลักของหนังภาคนี้คือการเล่าเรื่องราวของดอนนาได้พบกับผู้ชายที่อาจจะเป็นพ่อของลูกเธอทั้งสามคนระหว่างฤดูร้อนปี 79 ยังไงก่อนจะตัดภาพมาสู่ปัจจุบันกับโซฟีที่กำลังจะต้องเผชิญสถานการณ์บนเกาะแห่งนี้คล้ายคลึงกับแม่ของเธอเอง

 

 

หนังมิวสิคัลที่(ยังคง)หยิบบทเพลงของ ABBA มาร้อยเรียงและเล่าเรื่อง

อย่างที่ทราบกันดีว่าหนัง Mamma Mia! The Movie และมิวสิคัลเรื่องนี้หยิบเอาบทเพลงของวงดนตรีชื่อดังอย่าง ABBA มาเป็นเพลงประกอบเรื่องราว เช่นเดียวกันกับหนังในภาคนี้ที่ยังเลือกใช้บางบทเพลงในหนังภาคแรก และเพลงดังเพลงอื่นๆของ ABBA มาบอกเล่าเรื่องราว โดยเพลงแรกที่ผู้ชมจะได้ยินก็คือเพลง ‘When I Kissed the Teacher’ อันเป็นช่วงเวลาที่ดอนนาเรียนจบ หรือเพลงดูเอตกันระหว่างนักแสดงอย่างโดมินิค คูเปอร์และอแมนด้า ไซฟรี้ดในเพลง One of Us ในช่วงเวลาที่ทั้งสองต้องตัดสินใจห่างกันเพราะฝ่ายหนึ่งต้องรับผิดชอบหน้าที่การงานมากกว่าเรื่องหัวใจ รวมไปถึงเพลงไฮไลท์ที่ชวนคนฟังน้ำตาซึมกับเพลง My Love, My Life ที่อแมนด้า ไซฟรี๊ดร้องร่วมกับเมอร์รีล สตรีฟ

 

ส่วนบทเพลงที่หยิบมาจากหนังภาคแรกกถูกเรียบเรียงใหม่เพื่อสะท้อนอารมณ์ของตัวละครที่เปลี่ยนแปลงไปไม่ว่าจะเป็นเพลง Mamma Mia! ที่ในช่วงแรกของเพลงเป็นสไตล์อะแคปเปลล่าหม่นเศร้า ก่อนจะกระชากอารมณ์ไปในเพลงพ็อพคึกคักในตอนหลัง

 

 

รายชื่อเพลงของ ABBA (ที่ไม่ได้ใช้ในหนังภาคที่แล้ว) ปรากฏในหนังภาคนี้

"When I Kissed the Teacher"

"I Wonder (Departure)"

One of Us"

Why Did It Have to Be Me?"

"Kisses of Fire"

"Andante, Andante"

"Knowing Me, Knowing You"

"Angel Eyes"

"I've Been Waiting for You"

"My Love, My Life"

"The Day Before You Came"

 

 

ผู้หญิง(คนใหม่)ในหนังภาคนี้

ดอนน่า วัยสาว

ลิลลี เจมส์คือนักแสดงที่ก้าวเข้ามารับบทบาทนี้ เธอโด่งดังจากบทบาทที่น่าทึ่งในภาพยนตร์เรื่อง Baby Driver และ Cinderella และซีรีส์อย่าง Downton Abbey เธอนำเสนอตัวละครของเมอริลวัยสาวออกมาในแบบที่แข็งแกร่ง แข็งกร้าวและงดงาม เช่นเดียวกันกับเสียงร้องเพลงของเธอที่ไพเราะอย่างไม่อาจปฏิเสธ ก่อนที่เธอจะมาสวมบทบาทนี้ เธอทำการบ้านด้วยการดูหนังภาคแรกไม่ต่ำกว่า 10 รอบ อีกทั้งเธอยังยอมรับว่าตอนเด็กนั้นเธอได้ดูเวอร์ชั่นละครเวทีที่ย่านเวสต์เอนด์มาแล้วด้วย

 

 

ไดนาโมส์วัยสาว

อเล็กซา เดวีส์รับบท จูลี วอลเตอร์ส และคีแนน วินน์ รับบททันย่า สองเพื่อนซี้ของดอนน่าที่นอกจากมาพร้อมเสียงฮาแล้ว ทั้งคู่ยังบ้าผู้ชาย ก๋ากั่นและเปรี้ยวจี๊ดตอดลเวลา

 

 

รูบี้ เชอริแดน

แชร์ นักแสดง นักร้องและศิลปินในตำนาน ได้รับการต้อนรับสู่ทีมนักแสดงของ Mamma Mia! Here We Go Again ในบท รูบี้ เชอริแดน แม่ของดอนนาและยายของโซฟี ตัวละครนี้ได้รับการเอ่ยถึงแต่คนดูไม่เคยได้เห็นหน้าค่าตาของเธอมาก่อน นักแสดงที่ก้าวเข้ามารับบทบาทนี้จะต้องดูเป็นสาวร็อค โดดเด่นประกอบกับการที่เธอได้มาร้องเพลง Fernando ในสไตล์ของเธอเอง

แม้ตัวละครนี้โซฟีดูจะไม่ยอมรับในตัวเธอซักเท่าไหร่ แต่รูบี้ พยายามอธิบายถึงเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีตและท้ายที่สุด แม้ว่าเธอจะไม่เชิงว่ายกโทษให้ แต่โซฟีก็เริ่มรักรูบี้ สิ่งที่พิเศษมากกว่านั้นคือการที่นักแสดงระดับตำนานอย่างเมอร์รีล สตรีฟได้มีโอกาสร่วมงานกับเพื่อนรักอย่างแชร์ โดยเฉพาะเมื่อพวกเธอมีโอกาสได้ร้องเพลงด้วยกันในตอนท้ายเรื่อง เมอร์รีลยังแซวว่าแชร์ได้ขโมยซีนของเธอไปแล้ว แถมยังเล่นเป็นบท “แม่” ของเธออีกต่างหาก ทั้งสองเคยร่วมงานกันในหนังเรื่อง Silkwood ประมาณ 36 ปีก่อน!

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook