รีวิว DARKEST HOUR อีกด้านของ วินสตัน เชอร์ชิลล์

 

เมื่อหนังจบลง เราจะไม่รู้สึกกังขาใดๆ ว่าทำไม แกรี โอลด์แมน ถึงได้รับรางวัลในสาขานักแสดงนำชายยอดเยี่ยมบนเวทีลูกโลกทองคำปีล่าสุด เพราะการรับบทบาทเป็นนายกรัฐมนตรีของวินสตัน เชอร์ชิลล์ ของเขาในหนังเรื่องนี้ เรียกได้ว่าเป็นการกะเทาะแง่มุมต่างๆ ที่เราไม่เคยได้เห็นมาก่อน

คนทั่วโลกมักรับรู้ว่าวินสตัน เชอร์ชิลล์ เป็นนักการเมืองที่มีไหวพริบและฉลาดหลักแหลม รัฐสภาอังกฤษอาจจะไว้วางใจเขาได้ แต่ในวัย 65 ปีเขาดูไม่ค่อยเหมาะนักที่จะกลับขึ้นมากดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง แต่แล้วในช่วงเวลาเริ่มต้นของสงครามโลกครั้งที่สอง เมื่อยุโรปกำลังเข้าตาจน เมื่อประเทศสัมพันธมิตรพ่ายแพ้ต่อกองกำลังนาซีลงเรื่อยๆ และกองทัพทั้งหมดของสหราชอาณาจักรติดอยู่ที่ฝรั่งเศส เชอร์ชิลล์จึงได้รับการแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีอย่างเร่งด่วนในวันที่ 10 พฤษภาคม ปี 1940 การคุกคามของฮิตเลอร์กำลังรุดขึ้นมาเรื่อยๆ

ทหารอังกฤษจำนวนไม่น้อยกำลังจนมุมอยู่ที่ดันเคิร์ก (ซึ่งอยากรู้รายละเอียดในเหตุการณ์นี้เพิ่มเติมสามารถรับชมได้ในหนังของคริสโตเฟอร์ โนแลน เรื่อง Dunkirk) เชอร์ชิลล์ ต้องรับศึกหนักจากหลายด้าน หนึ่งในนั้นคือการต่อสู้กับแนวคิดที่เห็นต่างกับคนในพรรคการเมืองของตัวเอง ประกอบกับพระเจ้าจอร์จที่หก (เบน เมนเดลซอห์น) ลังเลว่าเชอร์ชิลล์อาจจะรับมือกับเหตุการณ์ที่ขึ้นไม่ไหว ยิ่งไปกว่านั้นเหตุการณ์นี้อาจจะต้องลงเอยด้วยที่อังกฤษจะต้องเซ็นสนธิสัญญาสันติภาพกับนาซีเยอรมัน และช่วยชีวิตคนในสหราชอาณาจักร โดยมีผลเสียหายตามมาอย่างใหญ่หลวง หรือเขาจะต้องต่อสู้กับความเห็นต่างของคนในพรรคและเชื่อมั่นในสัญชาตญาณของตนเอง

ตลอดทั้งเรื่องเราจะได้พบกับแง่มุมอันหลากหลายของวินสตัน เชอร์ชิลล์ ในช่วงที่เขาเป็นคุณลุงขี้โมโหอยู่ที่บ้าน ก่อนที่จะรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เราได้เห็นอารมณ์ขัน ความเป็นชายวัยกลางคนที่น่าสนใจมาก ก่อนที่เขาจะกระโจนเข้ามารับตำแหน่ง เราจะได้เห็นความเครียด ความขึงขังของตัวละครนี้ ซึ่งแกรี โอลด์แมน ถ่ายทอดการแสดงออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม สมจริง

ยิ่งไปกว่านั้นสิ่งที่น่าชื่นชมมากๆ คือ อุปกรณ์แต่งหน้าเทียม แต่งหน้า และออกแบบผมสำหรับแกรี โอลด์แมนโดยคาซูฮิโร ซูจิ ซึ่งความพิเศษคือการแปลงโฉมนักแสดงอย่างแกรี่ ชนิดไม่เหลือเค้าโครงหน้าเดิมเลยสักนิดเดียว ยิ่งไปกว่านั้นความพิเศษของเมคอัพในเรื่องนี้คือ หน้าเทียมของนักแสดงสามารถขยับกล้ามเนื้อและสั่นได้จริงเหมือนกับผิวหนังมนุษย์จริงๆ จนเราอาจจะกล่าวได้ว่านี่เป็นการออกแบบเทคนิคพิเศษที่พิถีพิถันมาก จนอาจจะได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์ในสาขาแต่งหน้ายอดเยี่ยมด้วย

ในภาพรวมของ DARKEST HOUR อาจจะเป็นหนังประเภทชีวประวัติที่ออกจะนิ่งๆเนิบๆไปหน่อย แต่ในส่วนของการแสดงนั้น บอกได้เลยว่า “สุดยอด” จริงๆ