รัฐบาลจ่อออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเดือน พ.ค. นี้ จูงใจคนเงินฝากสูงจับจ่ายดันจีดีพีโต 4%

รัฐบาลจ่อออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเดือน พ.ค. นี้ จูงใจคนเงินฝากสูงจับจ่ายดันจีดีพีโต 4%

รัฐบาลจ่อออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเดือน พ.ค. นี้ จูงใจคนเงินฝากสูงจับจ่ายดันจีดีพีโต 4%
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

รองนายกฯ เผยจ่อออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เพิ่มเติมเดือนหน้า ยันไม่ต้องกู้ใหม่ ขอทุกคนมั่นใจจะทำให้ทุกอย่างดีขึ้น

นายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน กล่าวภายหลังการประชุมร่วมฝ่ายเศรษฐกิจและความมั่นคง ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานการประชุม เมื่อเช้าวันนี้ ว่ายังไม่ได้มีการพูดคุยถึงเรื่องมาตรการการเยียวยา แต่ได้มีการหารือถึงการยกระดับในการดูแลสถานการณ์การแพร่ระบาดเชื้อไวรัสโควิด-19

อย่างไรก็ตาม ที่จะมีการประเมินสถานการณ์ช่วง 2 สัปดาห์หลังสงกรานต์ นั้น ขณะนี้ยังไม่ครบ 2 สัปดาห์ ซึ่งถึงแม้ตัวเลขผู้ติดเชื้อจะเพิ่มขึ้น แต่ขอให้นำตัวเลขผู้ที่รักษามาเทียบกัน ก็ถือเป็นสัดส่วนที่น่าสนใจ ดังนั้น การดูแลผู้ป่วยที่ไม่แสดงอาการ รวมถึง ผู้ป่วยที่มีอาการหนัก-เบา ต่างกัน จะต้องจัดการดูแลรักษาให้เพียงพอ

ส่วนจะมีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเร็วขึ้นหรือไม่ นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า ได้มีการเตรียมไว้อยู่แล้ว ซึ่งจะมีการตัดสินใจในช่วงเดือน พ.ค. และเริ่มใช้ในช่วงเดือน มิ.ย. โดยรัฐบาลจะต้องเร่งการใช้จ่ายในทุกกระทรวงและเป็นเรื่องของ พ.ร.บ.เงินกู้ แต่ยืนยันว่า ไม่ใช่เป็นการกู้เงินเพิ่มเพราะยังเป็นกรอบเงินเดิม โดยมาตรการที่จะออกมาใช้เงินจำนวนไม่มาก พร้อมย้ำว่า วันนี้สิ่งสำคัญต้องทำให้เกิดความมั่นใจว่าประเทศไทย สามารถควบการกระบาดโรคโควิด-19 ได้ และขอให้ทุกคนมั่นใจจะทำให้ทุกอย่างดีขึ้น

ส่วนแผนการเปิดรับนักท่องเที่ยวนั้น นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่าจะต้องรอการประเมิน สถานการณ์อีกครั้ง น่าจะทราบผลภายในสัปดาห์นี้ ส่วนที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ปรับลดรายได้การท่องเที่ยวนั้น เป็นเพียงภาพรวม เพราะคนไทยมีการท่องเที่ยวภายในประเทศแต่ละปีมากถึง 1 ล้านล้านบาท ซึ่งการปรับลดตัวเลขการท่องเที่ยวจาก 160 ล้านคน-ครั้ง ลดเหลือ 120 ล้านคนต่อครั้ง คิดเป็นเงินรายได้ 5.5 แสนล้านบาท ที่เป็นการประเมินในช่วงของเวลานี้ หากแก้สถานการณ์โควิดกลับ มาดีและควบคุมได้ คนไทยมีความมั่นใจมากขึ้น ก็จะทำให้การท่องเที่ยวกลับมาดีได้มากกว่าเดิมด้วย

ส่วนการตั้งเป้านักท่องเที่ยวต่างชาติจาก 6 ล้านคน เหลือเพียง 3 ล้านคนนั้น นายสุพัฒนพงษ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ใช่มีสาเหตุจากประเทศไทยเพียงอย่างเดียว ต่างชาติเองก็มีการระบาดเชื้อโควิด 19 ด้วยเช่นกัน แต่ยอมรับว่า เรื่องดังกล่าวกระทบต่อ GDP ของไทยและ GDP ของทั่วโลก ซึ่งการระบาดรอบนี้น่าเป็นห่วงจริงๆ และคิดว่าหากคนไทยช่วยกันก็ยังมีโอกาสที่ GDP ของไทยจะโตขึ้น 4% ได้ เพราะในตอนนี้พบว่าบัญชีเงินฝากของคนไทยสูงขึ้นหลายแสนล้านบาท ดังนั้น หากต้องการให้ GDP สูงขึ้น 4% ก็ขอให้ช่วยนำเงินฝากออกมาใช้จ่ายมากขึ้น ซึ่งหากนำจำนวนเงินฝากจำนวน 5-6 แสนล้านบาท ออกมาใช้ จะเปลี่ยน GDP ได้ถึง 3% หรือหากนำเงินฝากมาใช้เพียงครึ่งหนึ่ง โดยไม่จำเป็นต้องมาขอระดับคนละครึ่ง ก็จะช่วยได้ขยับ GDP ถึง 1% ทั้งนี้ จากการประเมินประเทศไทยจะมี GDP 2.7 % แต่หากได้คนไทย คนรักประเทศ รักชาติ มาช่วยกันใช้จ่าย เห็นอกเห็นใจผู้อื่น หรือคนที่ด้อยโอกาสกว่า ทุกอย่างก็จะกลับมาได้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook