"ขนส่ง-โลจิสติกส์" แข่งดุ! ขานรับ "อีคอมเมิร์ซ" ฟีเว่อร์!

"ขนส่ง-โลจิสติกส์" แข่งดุ! ขานรับ "อีคอมเมิร์ซ" ฟีเว่อร์!

"ขนส่ง-โลจิสติกส์" แข่งดุ! ขานรับ "อีคอมเมิร์ซ" ฟีเว่อร์!
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ทุกวันนี้คนซื้อสินค้าออนไลน์มากขึ้น เพราะสะดวก รวดเร็ว ไม่ต้องฝ่ารถติดไปห้างสรรพสินค้า หรือร้านค้าปลีก ให้เสียเวลา มั่นใจว่าได้สินค้าแน่นอน และยังส่งผลให้ ธุรกิจ E-Commerce มีบทบาทกับผู้บริโภคมากขึ้น ซึ่งผู้ค้าแต่ละรายจะรักษาฐานลูกค้าไว้ ขณะเดียวกันก็จะหาลูกค้ากลุ่มใหม่เสมอ ทั้งการออกโปรโมชั่น  ลด-แลก-แจก-แถม ซึ่งไม่แตกต่างจากห้างฯ และร้านค้าปลีกเลยด้วยซ้ำ เราจึงเห็นว่าธุรกิจ E-Commerce มีสัญญาณบวกอย่างชัดเจน และยังฉุดธุรกิจการขนส่งและโลจิสติกส์ให้พุ่งขึ้นด้วยเช่นกัน

Sanook! Money ขอนำเสนอข้อมูลที่พอหาได้คร่าวๆมาฝากกัน

ข้อมูลจากสำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ (องค์การมหาชน) หรือ ETDA กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เปิดเผยผลสำรวจมูลค่า e-Commerce ในไทยระหว่างปี 2557-2559 และคาดการณ์ปี 2560 ดังนี้

ปี 2557 มูลค่าอีคอมเมิร์ซ 2.03 ล้านล้านบาท

ปี 2558 มูลค่าอีคอมเมิร์ซ 2.54 ล้านล้านบาท

ปี 2559 มูลค่าอีคอมเมิร์ซ 2.56 ล้านล้านบาท
และคาดว่าปี 2560 ไทยจะมีมูลค่าอีคอมเมิร์ซ 2.81 ล้านล้านบาท

นี่คือคำตอบว่า ทำไมผู้เล่นในธุรกิจโลจิสติกส์หันมาขยายบริการ เจาะกลุ่ม e-Commerce มากขึ้น       

ec0mmerce3ETDAข้อมูล มูลค่า E-Commerce ปี 2557-2559

จากผลสำรวจมูลค่า e-Commerce ของ ETDA ในเบื้องต้น มั่นใจว่าธุรกิจภาคการขนส่งและโลจิสติกส์เองได้รับอานิสงค์ไปเต็มๆ โดยรายงานโลจิสติกส์ของประเทศไทยประจำปี 2560 ของสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เปิดเผยถึงปริมาณและมูลค่าการขนส่งระหว่างปี 2557 - 2559 ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ดังนี้

ปี 2557 ปริมาณการขนส่งสินค้ารวม 8.05 ล้านล้านตัน มูลค่า 1.87 ล้านล้านบาท

ปี 2558 ปริมาณการขนส่งสินค้ารวม 8.32 ล้านล้านตัน มูลค่า 1.91 ล้านล้านบาท

ปี 2559 ปริมาณการขนส่งสินค้ารวม 8.43 ล้านล้านตัน มูลค่า 2.02 ล้านล้านบาท

796617ข้อมูลมูลค่าโลจิสติกส์ไทย จาก สศช

ในช่วงครึ่งปี 2561 เราจะเห็นความเคลื่อนไหวของผู้เล่นธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ ที่ปรับรูปแบบการบริการ e-Commerce มาขึ้น โดยเฉพาะผู้เล่น 3 เจ้า ทั้งไปรษณีย์ไทย ,DHL Express และ Kerry Express แต่ว่า…ใครจะมีโอกาสกินส่วนแบ่งตลาด e-Commerce มากที่สุด ข้อมูลจากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงผลประกอบการของธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ของทั้ง 3 เจ้า ระหว่างปี 2558-2560 โดยพบว่า

บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด แจ้งผลการดำเนินธุรกิจจากการให้บริการไปรษณีย์ โดยมีผลประกอบการย้อนหลังดังนี้

ปี 58 รายได้ 2.3 หมื่นล้านบาท กำไร  2,446 ล้านบาท

ปี 59 รายได้ 2.59 หมื่นล้านบาท กำไร 3,400 ล้านบาท

ปี 60 รายได้ 2.78 หมื่นล้านบาท กำไร 4,222 ล้านบาท

 

บริษัท ดีเอชแอล เอ๊กซ์เพลส อินเตอร์เนชั่นแนล (ประเทศไทย) จำกัด แจ้งผลการดำเนินธุรกิจในหมวด การขนส่งสินค้าและพัสดุระหว่างประเทศทางอากาศ โดยมีผลประกอบการย้อนหลังดังนี้

ปี 58 รายได้ 6,554 ล้านบาท กำไร 18.7 ล้านบาท

ปี 59 รายได้ 6,883 ล้านบาท กำไร 68.1 ล้านบาท

ปี 60 รายได้ 7,421 ล้านบาท กำไร 58.5 ล้านบาท

 

บริษัท เคอรี่ เอ็กซ์เพรส (ประเทศไทย) จำกัด แจ้งผลการดำเนินธุรกิจการรับส่งเอกสารและพัสดุ โดยมีผลประกอบการย้อนหลัง ดังนี้

ปี 58 รายได้ 1,519 ล้านบาท กำไร 134 ล้านบาท

ปี 59 รายได้ 3,228 ล้านบาท กำไร 307 ล้านบาท

ปี 60 รายได้ 6,673 ล้านบาท กำไร 732 ล้านบาท

 

แม้ไปรษณีย์ไทยจะมีผลประกอบการดีกว่า หากเทียบกับผู้เล่น 2 เจ้านี้ อาจเป็นเพราะเปิดให้บริการขนส่งมาหลายปี แต่ก็ใช่ว่าจะอาศัยกินบุญเก่าอย่างเดียว เพราะมีผู้เล่นรายอื่นทั้งในไทยและต่างประเทศจ้องที่จะกินส่วนแบ่งตลาดโลจิสติกส์ของ e-Commerce เช่นกัน

ล่าสุด ไปรษณีย์ไทย ปรับลดค่าบริการส่งพิเศษ EMS ในประเทศแบบถาวร สำหรับสินค้าที่มีน้ำหนัก 3 – 20 กิโลกรัม ราคาเริ่มต้น 5 – 115 บาท มีผลตั้งแต่ต้นเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา 

ขณะที่ DHL e-Commerce บริษัทในเครือ DHL เปิดบริการรับ-ส่งพัสดุด่วนใน 1 วัน จับกลุ่มผู้ค้าออนไลน์ทั้งในกรุงเทพฯ นนทบุรี และปทุมธานี โดยรับพัสดุน้ำหนักสูงสุดถึง 20 กิโลกรัม ค่าส่งเริ่มต้น 100 บาท พร้อมคิดระยะทางรวมถึงน้ำหนักพัสดุด้วย และจัดส่งในช่วงบ่าย-ค่ำ การันตีว่าผู้รับได้ของภายใน 6-7 ชั่วโมง

ส่วน Kerry Express ได้มีการร่วมทุนกับบริษัท VGI บริษัทในเครือบีทีเอสกรุ๊ปโฮลดิ้ง แน่นอนว่า Kerry จะได้สิทธิ์จัดส่งพัสดุด่วนในระบบรถไฟฟ้าบีทีเอา ,การตั้งคีออส และเคาน์เตอร์หรือจุดให้บริการบนสถานีบีทีเอสได้ นอกจากนี้ยังมีบริการจัดส่งสินค้าใน 1 วัน หรือ Bangkok Sameday ค่าจัดส่งเริ่มต้นที่ 50 บาท

"ถูก เร็ว และบริการได้คุณภาพ" มากเท่าไหร่ กำไรก็คงจะพุ่งสูงขึ้นด้วยเช่นกัน ยังไม่มีใครตอบได้ว่าทั้ง 3 เจ้านี้ ใครจะครองตลาดมากที่สุด

คงต้องรอคำตอบจากผู้เล่นดังกล่าวถึงผลประกอบการตลอดทั้งปี 2561 ว่าเป็นอย่างไร?

แต่ที่ผู้เล่นธุรกิจขนส่งและโลจิสติกส์ตอบได้อย่างมั่นใจ คือ “ลูกค้าได้ของไวแน่นอน”

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook