ชาริล ชัปปุยส์ THE GAME CHANGER

ชาริล ชัปปุยส์ THE GAME CHANGER

ชาริล ชัปปุยส์ THE GAME CHANGER
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ถ้าคุณอยากเก่งที่สุด คุณต้องทำให้ดีที่สุด และถ้าคุณอยากจะแข็งแกร่งขึ้น คุณต้องทำให้ดีกว่าคนอื่นในทุกสถานการณ์”

แล้วถ้าวันหนึ่งไม่มีคนรู้จักว่าคุณคือ ชาริล ชัปปุยส์ ล่ะ คุณจะรู้สึกอย่างไร

ชัปปุยส์ : อืม...ก็น่าจะยังคงเป็นผมคนเดิมนั่นแหละ เพราะโลกเราเดี๋ยวนี้มีข่าวต่างๆ เยอะ เรื่องบางอย่างในไทยก็ไปเร็วมาเร็ว ขนาดบางเรื่องผมยังลืมเลย ดังนั้นผมไม่ยึดติดอยู่แล้วครับ ไม่น้อยใจ ไม่งอนครับ

เวลาไปไหนมาไหน เจอแฟนคลับรู้สึกอย่างไร

ชัปปุยส์ : ผมเป็นคนที่ชอบช้อปปิ้งมาก เพราะไม่มีเวลาเดินทางไปไหนไกลๆ มากนัก ผมชอบไปเดินสยามเซ็นเตอร์ สยามพารากอน ก็จะมีหลายคนมาทักบ้าง ยิ้มให้บ้าง ขอถ่ายรูปบ้าง ก็ไม่เหงาดีครับ

เป็นเพราะเวลาที่จำกัด และต้องทุ่มเทกับการฝึกซ้อมอย่างหนักหรือเปล่า ที่ทำให้คุณไม่ค่อยมีเวลาผ่อนคลายสักเท่าไหร่

ชัปปุยส์ : ผมว่าการได้ออกไปเดินช้อปปิ้งก็เหมือนกับการพักผ่อนไปในตัวนี่แหละครับ มันเพลินแล้วก็สนุกดี

แล้วคุณมีหลักในการบริหารเวลาให้มีประสิทธิภาพอย่างไรบ้าง

ชัปปุยส์ : แต่ละวันเวลาผ่านไปเร็วมาก ผมตื่นนอน ฝึกซ้อม ทานอาหารกลางวัน พักผ่อนนิดหน่อย แล้วกลับมาฝึกซ้อมต่อ เป็นอย่างนี้แทบทุกวัน เลยไม่รู้ว่ามันมีประสิทธิภาพมั้ย (หัวเราะ) แต่ก็ทำเต็มที่ครับ

เหมือนกับว่ามากกว่า 80% ของชีวิตคุณ จะเป็นเรื่องฟุตบอล

ชัปปุยส์ : จะว่าอย่างนั้นก็คงไม่ผิดครับ แต่ก็ไม่ใช่ทุกวันนะ

คุณพอใจกับผลงานที่ผ่านมาแค่ไหน

ชัปปุยส์ : ในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาถือว่าพอใจมากครับ เพราะผมถือว่าเราลงเล่นทุกนัดแล้วเล่นได้เต็มที่ของเราแล้ว ตรงนั้นมันสำคัญมากกว่าผลแพ้ชนะนะผมว่า

แต่บางนัดก็อาจไม่เป็นไปตามที่หวังไว้ หรือมีเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้น คุณมีวิธีจัดการกับความผิดพลาดเหล่านั้นอย่างไรบ้าง

ชัปปุยส์ : ฟุตบอลลูกกลมๆ ไม่มีอะไรแน่นอนครับ มันก็มีทั้งช่วงดีแล้วก็ช่วงที่ลำบากสลับกันไป แต่เวลาที่ลำบาก ไม่ว่ายังไงเราก็จะต้องกลับมาแข่งต่อให้ได้ ผมเชื่ออย่างนี้มาตลอดครับ

เวลาอยู่ในสนามเคยรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนที่มีอำนาจพลิกเกมหรือเปล่า

ชัปปุยส์ : ฟุตบอลต้องเล่นกันเป็นทีม ดังนั้นชนะหรือแพ้ไม่ได้ขึ้นอยู่ที่ผมคนเดียว มีบ้างเวลาที่เราได้เป็นส่วนหนึ่งในชัยชนะของทีมก็จะรู้สึกพิเศษขึ้นอีกครับ แต่ผมคนเดียวพลิกเกมไม่ได้แน่ๆ

แต่ตำแหน่งกองกลางก็เปิดโอกาสให้คุณได้โชว์ฝีเท้าอย่างเต็มที่

ชัปปุยส์ : มีส่วนนะครับ เพราะต้องเล่นทั้งเกมรับและเกมรุก ต้องจับบอลและโยนบอลให้แม่น ถ้ามีอะไรติดขัดก็ต้องพยายามทำให้กลับมาเป็นไปตามแผนที่วางไว้ ฝีเท้าดีก็ถือเป็นข้อดีที่นักบอลทุกคนควรมี แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ‘ทีมเวิร์ก’ คือส่วนสำคัญที่สุดครับ

เทคนิคเฉพาะตัวของคุณคืออะไร

ชัปปุยส์ : การควบคุมฟุตบอลครับ มันท้าทายตรงที่จะทำยังไงเราถึงจะไม่ต้องเตะบอลเป็นสิบๆ ครั้ง แต่ใช้เลี้ยงบอลในครั้งเดียวและส่งบอลให้แม่นๆ ตรงนี้ผมจะฝึกให้เก่งขึ้นเรื่อยๆ

ด้วยหน้าตาที่หล่อเหลา และฝีเท้าขั้นเทพ หลายคนอาจมองว่าคุณเป็นคนขี้เก๊ก หรือออกแนวหยิ่งๆ หรือเปล่า จริงแล้วๆ คุณเป็นแบบนั้นไหม หรือตัวตนที่แท้จริงของคุณเป็นคนแบบไหน

ชัปปุยส์ : ไม่เลยยย... ผมเป็นคนติดดินมากๆ ใครอาจจะมองว่าผมดังแล้วนะ ประสบความสำเร็จอะไรแบบนี้แล้วนะ แต่ตัวผมยังรู้สึกปกติมาก เป็นผู้ชายธรรมดาคนหนึ่งเหมือนที่เคยเป็นมา ผมว่าหลายคนในทีมหล่อกว่าผมอีกนะ อย่างสารัชนี่สาวๆ กรี๊ดเพียบเลย (หัวเราะ)

อะไรที่ทำให้คุณมีความสุขมากที่สุดในชีวิต

ชัปปุยส์ : ความสุขของผมเวลานี้คือการเห็นครอบครัวมีความสุข มีสุขภาพแข็งแรง แล้วเราก็มีเวลาอยู่กับพวกเขา หรือตอนที่ลงแข่งแล้วเรารู้ว่าพวกเขาเชียร์เราอยู่ข้างสนามและยินดีกับชัยชนะไปพร้อมๆ กัน มันเป็นช่วงเวลาที่วิเศษมากครับ

แต่การใช้ชีวิตอยู่ที่เมืองไทย ซึ่งห่างไกลจากครอบครัวที่สวิตเซอร์แลนด์ อาจจะทำให้ความสุขแบบนั้นเกิดขึ้นไม่บ่อยนัก

ชัปปุยส์ : ใช่ครับ ที่ผ่านมาอยู่คนเดียวที่เมืองไทย เลยพยายามที่จะโทรศัพท์กลับไปหาครอบครัวและแฟนของผมทุกๆ เย็น เพราะเวลาที่สวิตเซอร์แลนด์จะต่างจากเมืองไทยประมาณ 6 ชั่วโมง ก็พอทำให้หายคิดถึงได้บ้าง

หลายคนอาจคิดว่า ตอนนี้คุณคงหายเหงาและมีความสุขมากขึ้น เพราะแฟนคุณมาอยู่ด้วยแล้ว

ชัปปุยส์ : ผมดีใจมากที่เธอมาอยู่ที่เมืองไทยด้วย แต่ยังไม่รู้ว่าจะเป็นยังไงต่อไป ก็หวังว่าทุกอย่างจะเป็นไปได้สวยแหละครับปีนี้ที่เราคิดกันไว้ก็คือผมอยากจะมีเวลาเพิ่มสักหน่อย จะได้ไปทำกิจกรรมอย่างอื่นด้วยกันบ้าง

หมายถึงเพื่อพักผ่อนจริงๆ แบบไม่ใช่การเดินช้อปปิ้งใช่ไหม

ชัปปุยส์ : ใช่ครับ ผมอยากพาเธอไปเที่ยวที่ที่ผมไม่เคยไป เช่น ออสเตรเลีย หรือไปเที่ยวมัลดีฟส์ด้วยกัน

ที่ผ่านมาครอบครัวได้สอนหรือให้คำแนะนำอะไรกับคุณบ้าง

ชัปปุยส์ : ผมได้เรียนรู้จากพวกเขาเยอะมาก โดยเฉพาะเรื่องความอ่อนน้อมถ่อมตนและเป็นมิตรกับทุกคน ผมรู้สึกขอบคุณทั้งพ่อและแม่ที่สอนผมมาตลอด จนป่านนี้คุณพ่อยังสอนอยู่เสมอว่าถ้าอยากเก่งที่สุด ก็ต้องทำให้ดีที่สุด และถ้าอยากจะแข็งแกร่งขึ้น ก็ต้องทำให้ดีได้ในทุกสถานการณ์

พวกเขาคงภูมิใจในตัวคุณมาก

ชัปปุยส์ : ที่ผ่านมาผมไม่เคยได้เป็นฝ่ายถามว่าพวกเขารู้สึกยังไงกับผม เพราะเขาจะชิงบอกมาก่อนเลยว่าเขาภูมิใจในตัวผมมาก

แล้วคุณมีใครเป็นคนต้นแบบในการใช้ชีวิต เป็นนักฟุตบอลเหมือนคุณไหม

ชัปปุยส์ : ผมได้แรงบันดาลใจจากนักฟุตบอลหลายคนนะอย่าง คริสเตียโน โรนัลโด ในเรื่องที่เขาฝึกซ้อมหนักมาก ลิโอเนล เมสซี ในเรื่องความสามารถพิเศษของเขาที่เป็นเหมือนพรสวรรค์ นอกจากนั้นยังมีนักเตะรุ่นเดียวกันบางคนด้วยที่ผมเล่นกับพวกเขา

เช่น เนย์มาร์ และผมได้เห็นว่าตอนนี้พวกเขาประสบความสำเร็จมากแค่ไหน แต่คนหนึ่งที่ผมชอบตั้งแต่ยังเด็กๆ ก็คือ เซสก์ ฟาเบรกัส ครับ

นักกีฬาประเภทอื่นล่ะ

ชัปปุยส์ : ก็มีนักมวยอย่าง ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ จูเนียร์ และไมเคิล จอร์แดน นักบาสเกตบอลระดับตำนานครับ

ทราบใช่ไหมว่าเวลานี้เด็กผู้ชายไทยหลายคนอยากจะเติบโตขึ้นมาเป็นอย่าง ชาริล ชัปปุยส์ นั่นแสดงว่าคุณก็เป็นต้นแบบและเป็นแรงบันดาลใจให้กับคนอื่นเหมือนกัน

ชัปปุยส์ : (ยิ้ม) ผมดีใจมากๆ นะ ตอนนี้เด็กผู้ชายหลายคนคงมีโปสเตอร์ของผมบนผนัง แต่ความจริงแล้วผมอยากจะเป็นตัวอย่างที่ดีที่ไม่ใช่แค่รูปลักษณ์ภายนอก แต่อยากเป็นตัวอย่างในด้านของการเป็นนักฟุตบอลที่ดี ซึ่งจะดีใจมากๆ ถ้ารู้ว่ามีคนเล่นฟุตบอลเก่งได้เพราะเขาชอบผม

แล้วนิยามการเป็นนักฟุตบอลที่ดีของคุณคืออะไร

ชัปปุยส์ : การทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด ทั้งตอนซ้อมและตอนลงแข่งครับ อย่างนี้ถึงจะเรียกว่าเป็นมืออาชีพ ซึ่งผมก็พยายามอยู่นะ

ถ้าอยากจะประสบความสำเร็จหรือก้าวสู่การเป็นนักฟุตบอลอาชีพ เด็กๆ ที่ยึดคุณเป็นไอดอล ควรทำอย่างไร

ชัปปุยส์ : เริ่มต้นได้เลยครับ ผมเริ่มเล่นฟุตบอลตั้งแต่อายุ5 ขวบ เล่นสนุกๆ กับพ่อ จากนั้นก็เล่นในสโมสร พอเราได้ฝึกซ้อมอย่างหนักและสม่ำเสมอ เราก็จะเติบโตขึ้นเรื่อยๆ เอง

ชีวิตที่ผ่านมาคุณได้เรียนรู้จากอะไรบ้าง

ชัปปุยส์ : เยอะมากครับ ทุกเรื่องราวที่เข้ามาในชีวิต มีส่วนช่วยทำให้ผมเข้มแข็ง และได้พัฒนาตัวเองขึ้นด้วย

บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับรอยสักของคุณหน่อยสิ มันเป็นจุดเด่นที่เตะตามาก

ชัปปุยส์ : เอาตั้งแต่เริ่มต้นเลยแล้วกัน ตอนเด็กๆ ผมเห็นพี่สาวมีรอยสักเยอะมาก และผมรู้สึกชอบมากจนอยากมีบ้าง แต่ไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะสักอะไรดี พออายุได้ 17 ปี ผมชนะเวิลด์คัพรุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี เลยสักเป็นวันที่ 15 พ.ย. 2009 ซึ่งเป็นวันที่

ผมชนะ ตอนแรกก็กลัว เพราะพี่สาวบอกว่ามันเจ็บ ก็คิดถึงคำพูดนั้นตลอด แต่สุดท้ายก็สักเสร็จจนได้นะ มันก็เจ็บจริงๆ แหละ แต่ก็ไม่ได้เจ็บจนเกินไป ไม่งั้นอายพี่สาวแย่เลย

จากนั้นคุณก็เลยหลงรักรอยสัก

ชัปปุยส์ : ใช่ครับ หลังจากนั้นก็อยากได้รอยสักเพิ่มขึ้นอีก ก็เลยสักมาหลายครั้ง หลายลายเหมือนกัน อย่างรูปไพ่เอดโพแดง และรูปลูกฟุตบอล

รอยสักบนร่างกายทำให้คุณนึกย้อนถึงบางสิ่งบางอย่างหรือเปล่า

ชัปปุยส์ : แน่นอนครับ หลังจากเวิลด์คัพ ผมคิดว่าเรากำลังก้าวสู่จุดสูงสุด เรียกง่ายๆ ก็คือความฝันของผมเป็นจริงแล้วละ เพราะผมได้เซ็นสัญญาเป็นนักเตะอาชีพ ผมเลยชอบที่จะสักเพื่อบันทึกอารมณ์ตอนนั้นไว้ มันก็เหมือนการใช้เงินกับสิ่งที่ผมรักนั่นแหละครับ ตอนนั้นอีกเหตุการณ์นึงที่ต้องจำก็คือมีทีมใหญ่ทีมหนึ่งในเยอรมนีต้องการตัวผมมาก แต่ต้นสังกัดผมบอกว่า “ถ้าอยากได้ตัวเขา พวกคุณต้องจ่าย 1 ล้านยูโร”

แต่สุดท้ายคุณก็ไม่ได้ถูกซื้อตัว รู้สึกเหมือนว่าโลกถล่มลงตรงหน้าเลยไหม

ชัปปุยส์ : ก็ผิดหวังนะครับ เพราะมันเป็นความใฝ่ฝันที่จะได้เล่นให้กับทีมดัง แต่ผมรู้ว่าตอนนั้นคงเป็นเรื่องยากมาก และสุดท้ายก็เป็นไปไม่ได้จริงๆ ผมเลยเล่นให้สวิตเซอร์แลนด์ต่อ และต่อมาได้รับบาดเจ็บ ซึ่งหลังจากนั้นมันเป็นช่วงเวลาที่แย่มากๆ สำหรับผมเหมือนกัน

นั่นเลยเป็นที่มาของรอยสัก Good and bad times

ชัปปุยส์ : ใช่ครับ มันมีทั้งเรื่องดีและเรื่องไม่ดีเข้ามาในชีวิตนะ แต่มันก็เป็นเรื่องจริงที่ต้องเรียนรู้ เลยเตือนใจตัวเองด้วยรอยสักอันนี้แหละ

สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ถ้าอยากมีความสุข ต้องทำในสิ่งที่ชอบ ต้องมีความสุขกับตัวเอง ไม่ต้องไปโชว์ให้คนอื่นเห็นหรอกว่าคุณทำสิ่งนั้นเพื่อพวกเขา ให้ทำเพื่อตัวเอง”

แล้วคุณแก้ปัญหาอย่างไรเมื่อพบว่าชีวิตมีอุปสรรค หรือมีช่วงเวลาร้ายๆ เข้ามา

ชัปปุยส์ : ผมยังมีครอบครัว มีเพื่อน มีแฟนรออยู่ และแฟนผมก็คอยสนับสนุนผมเสมอ ผมขับรถไม่เป็น และมันไม่ง่ายที่จะไปไหนมาไหนโดยไม่มีรถ หากต้องขึ้นรถเมล์ รถไฟ หรือแท็กซี่ ชีวิตผมคงลำบากมาก แฟนผมเลยคอยขับรถพาผมไปไหนมาไหน ผมคงไม่ลืมสิ่งดีๆ ที่เธอทำให้ผม เรื่องพวกนี้แหละที่ทำให้ผมรู้สึกว่าชีวิตไม่ได้เลวร้ายเกินไปนี่นา

มาถึงคำถามเกี่ยวกับการดูแลตัวเองบ้าง คุณคิดว่าภาพลักษณ์สำคัญกับผู้ชายแค่ไหน

ชัปปุยส์ : สำคัญมากเลยนะครับ ถ้าคุณหุ่นดี หรือคุณดูดีแล้ว คุณก็จะเชื่อมั่นในตัวเองมากขึ้นด้วย ผู้ชายก็ไม่ต่างกับผู้หญิงเท่าไหร่ครับ (หัวเราะ)

ส่วนไหนในร่างกายที่คุณชอบมากที่สุด เพราะอะไร

ชัปปุยส์ : อืม...คงต้องบอกว่าใบหน้ามั้ง เพราะเป็นสิ่งแรกที่คนเห็นในตัวผม ตอนแข่งฟุตบอลคนจะมองที่หน้าตาผมก่อน และเป็นสิ่งแรกที่ผมเห็นตัวเองด้วย

ปฏิเสธไม่ได้ว่าคุณเป็นผู้ชายที่หน้าตาดี มีบุคลิกดี และดูสะอาดสะอ้าน หลายคนคงอยากทราบเคล็ดลับในการดูแลตัวเองของคุณ

ชัปปุยส์ : หลังจากตื่นนอนตอนเช้า ผมจะใช้เวลาส่วนตัวนิดหน่อย ก่อนจะอาบน้ำ แปรงฟัน สระผม สิ่งที่ขาดไม่ได้เลยคือ โรลออนระงับกลิ่น และผมอาบน้ำประมาณ 2-3 ครั้งต่อวัน จนแฟนของผมมักบอกว่ามันมากเกินไปหรือเปล่าแต่ผมก็เป็นแบบนี้มาตั้งแต่เด็กแล้ว เพราะผมชอบให้ตัวหอม นอกจากนั้นยังมีครีมล้างหน้า และโลชั่นบำรุงผิวกายที่ต้องใช้เป็นประจำ

แสดงว่าคุณเป็นหนุ่มเจ้าสำอางตั้งแต่เด็ก

ชัปปุยส์ : อันที่จริงผมดูแลตัวเองดีมาแต่ไหนแต่ไร ผมล้างหน้าบ่อยมาก เพราะตอนเด็กเวลาที่มีสิวมันทำให้ผมไม่อยากออกไปข้างนอก จะหาว่าเวอร์ก็ได้นะครับ แต่ผมอายจริงๆ (หัวเราะ)

แล้วคุณคิดว่าการดูแลผิวหน้าและผิวกายที่ดี ส่งผลต่อหน้าที่การงานของคุณอย่างไรบ้าง

ชัปปุยส์ : การที่มีรูปลักษณ์ที่ดี ทำให้ผมมีความมั่นใจในตัวเอง ทั้งการใช้ชีวิตและการเล่นฟุตบอล สามารถปลดปล่อยพลังได้อย่างเต็มที่โดยไม่ต้องกังวลอะไร เหมือนเรามีผู้ช่วยที่ดูแลบุคลิกเราอยู่ตลอด ซึ่งหลายคนอาจมองว่าเป็นผู้ชายทำไมต้องยุ่งยาก แต่สำหรับผม ผมว่ามันง่ายและสะดวกสบายมาก

อะไรคือแรงบันดาลใจที่ทำให้คุณตัดสินใจก้าวมาเป็นพรีเซ็นเตอร์ของ นีเวีย เมน

ชัปปุยส์ : นีเวียเป็นแบรนด์ที่มีชื่อเสียงระดับโลก ผมรู้จักและคุ้นเคยกับนีเวียแบบที่เรียกได้ว่าโตมากับนีเวียก็ได้ครับ เพราะผมเห็นพี่สาวใช้นีเวีย พ่อกับแม่ผมก็ใช้ และวันนี้การได้มาเป็นพรีเซ็นเตอร์ให้นีเวียก็เลยเหมือนเราได้ทำงานกับแบรนด์ที่เติบโตมาด้วยกัน ซึ่งมันก็อุ่นใจดีนะ

การทำงานครั้งนี้เปลี่ยนชีวิตของคุณไปอย่างไร

ชัปปุยส์ : แน่นอนครับ มันเปลี่ยนชีวิตผมไปเลย (ทำตาโต) การเป็นพรีเซ็นเตอร์นั้นยากกว่าเล่นฟุตบอลอีกนะ! แต่ตอนนี้ผมแฮปปี้ นี่ก็เป็นบทบาทใหม่ของผมในประเทศไทย แต่สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับผมก็คงยังเป็นการเล่นฟุตบอลอยู่ดีนะครับ แต่ถ้าวันไหนมีรูปของผมติดอยู่ก็อาจจะเป็นรูปที่กำลังถือโรลออน

หรือเวลาที่ผมเห็นตัวเองในโฆษณาทางโทรทัศน์ ผมก็คงจะรู้สึกดีที่ได้เห็นตัวเองในบทบาทที่ต่างออกไป แล้วก็คิดในใจว่า เออ.. เราก็ทำได้แฮะ

คุณใช้เวลานานแค่ไหนสำหรับการตอบรับข้อเสนอของนีเวีย

ชัปปุยส์ : นานเหมือนกันนะครับ เพราะว่ามันยากที่จะวางแผน ผมต้องฝึกซ้อมเพราะนักฟุตบอลคืออาชีพหลักของผม และต้องแบ่งเวลามาถ่ายโฆษณาในเวลาเดียวกัน แต่อย่างที่บอกว่าทุกอย่างคือการเรียนรู้นั่นแหละครับ

ทำไมเราจะทำไม่ได้ล่ะ?

แล้วคุณต้องเข้าคลาสการแสดงก่อนหรือเปล่า

ชัปปุยส์ : แน่นอนครับ แต่จะบอกว่าคลาสการแสดงโดยตรงก็คงไม่ถูกต้อง มันเป็นคลาสเกี่ยวกับการไม่ตื่นการแสดงมากกว่า เช่น การควบคุมตัวเองเวลาเขินอาย เพราะเวลามีคนบอกว่า “คุณต้องเต้น” แต่ความจริงแล้วผมเต้นไม่เก่งเลยหรือร้องเพลงแย่มาก เพราะเป็นคนขี้อาย ซึ่งมันถือเป็นเรื่องใหญ่มากเลยถ้าจะทำงานหรือเอาดีทางด้านนี้ หินจริงๆ ครับ

คุณคิดว่าจะเป็นนักฟุตบอลไปอีกนานแค่ไหน

ชัปปุยส์ : ตอนนี้ผมอายุแค่ 23 ปีเอง ผมยังเล่นฟุตบอลต่อได้อีก...อย่างต่ำ ก็ 10 ปีเลยนะ

สไตล์ของคุณเป็นอย่างไร แต่ที่แน่ๆ ทุกคนรู้ว่าคุณต้องชื่นชอบแฟชั่นมาก

ชัปปุยส์ : ผมชอบเซตผมก่อนออกไปข้างนอก หรือไม่ก็สวมหมวกไปเลยถ้าไม่ได้เซตผม ส่วนสไตล์การแต่งตัวของผมคือชอบความสะดวกสบาย เช่น รองเท้าผ้าใบ กางเกงยีนส์ หรือกางเกงขาสั้น เสื้อยืด ชอบหลายอย่างรวมกัน ไม่ว่าจะเป็นแนวฮิปฮอป หรือหรูหรา แต่ผมจะไม่ลอกเลียนแบบจากใคร ผมพยายามสร้างสไตล์เป็นของตัวเอง บางครั้งเห็นบางอย่างและจะเอามารวมกัน แบบมิกซ์แอนด์แมตช์ พยายามดูแลตัวเองทุกเรื่องทั้งเสื้อผ้า หน้า ผม ก็เพราะอยากดูดีนั่นแหละครับ เลยต้องใส่ใจตัวเองนิดนึง

แล้วสไตล์ของคนดังคนไหนบ้างที่คุณชื่นชอบ

ชัปปุยส์ : ผมชอบสไตล์ของ เดวิด เบคแฮม เขามีเอกลักษณ์นะ ดูดี และโดดเด่นมากทั้งในและนอกสนาม เรียกได้ว่าเป็นเทรนด์เซตเตอร์เลยละ

เกี่ยวกับการที่เขาเป็นกองกลางเหมือนคุณหรือเปล่า

ชัปปุยส์ : ไม่หรอกครับ เป็นเรื่องบังเอิญมากกว่า

คุณมีคำแนะนำหรือวิธีการในการสร้างความสุขให้กับตัวเองอย่างไรบ้าง

ชัปปุยส์ : ถ้าอยากมีความสุข สิ่งที่ผมว่าสำคัญที่สุดก็คือเราต้องทำในสิ่งที่ชอบ ต้องมีความสุขกับตัวเอง ไม่ต้องไปโชว์ให้คนอื่นเห็นหรอกว่าคุณทำสิ่งนั้นเพื่อพวกเขา แต่ให้ทำเพื่อตัวเอง ชอบอะไรก็ทำไปเลย แม้กระทั่งกับเรื่องเล็กๆ เช่น ถ้าคุณชอบกินช็อกโกแลต คุณก็กินมันเลย ไม่ต้องใส่ใจว่าใครจะมาตำหนิว่าเดี๋ยวมันจะอ้วนนะ ทำเลยครับ

จะดูเหมือนเป็นคนไม่สนใจโลกหรือเปล่า

ชัปปุยส์ : ไม่หรอกครับ คนละแบบ แค่เรายอมรับนับถือตัวเอง เชื่อมั่นในตัวเองว่าได้ทำสิ่งที่ดีที่สุดเพื่อตัวเองก็พอ

อะไรที่คิดว่าผู้อ่านยังไม่เคยทราบมาก่อนเกี่ยวกับ ชาริล ชัปปุยส์

ชัปปุยส์ : (ทำท่าครุ่นคิด) ผมมีรองเท้ามากกว่า 40 คู่นะครับ... คิดว่ามีรองเท้ามากกว่าของแฟนผมอีก

หากสามารถเปลี่ยนแปลงบางอย่างได้ตอนนี้ คุณต้องการจะเปลี่ยนอะไร

ชัปปุยส์ : ตอนนี้ผมขอให้ผมไม่เจ็บขา ไม่เจ็บเข่า ไม่ต้องไปผ่าตัด จะได้ลงแข่งต่อ แต่ความจริงที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ คือผมต้องผ่าตัดน่ะสิ (ทำหน้าเศร้าแบบทะเล้น)

คุณมองภาพตัวเองในอนาคตอีก 5 ปีข้างหน้าไว้อย่างไรบ้าง

ชัปปุยส์ : ผมยังคงเล่นฟุตบอลอยู่ และตอนนั้นอาจจะไม่ได้เป็นสำหรับพรีเซ็นเตอร์ นีเวีย เมน แล้ว ดังนั้นอย่างน้อยในช่วงเวลา 5 ปีนี้ ผมต้องมีความสุขกับนีเวียให้มากที่สุด พร้อมกับคงยังเล่นฟุตบอลอยู่ และหวังว่าผมจะไม่บาดเจ็บอีก อ้อ! และถ้าผมแต่งงานก็อยากจะมีลูกสัก 2 คนครับ

By 247 Editor

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook