ไม่มีเจลก็ลื่นได้ ที่มาที่ไปของ 'สารหล่อลื่น' ตั้งแต่ยุคโบราณจนถึงปัจจุบัน

ไม่มีเจลก็ลื่นได้ ที่มาที่ไปของ 'สารหล่อลื่น' ตั้งแต่ยุคโบราณจนถึงปัจจุบัน

ไม่มีเจลก็ลื่นได้ ที่มาที่ไปของ 'สารหล่อลื่น' ตั้งแต่ยุคโบราณจนถึงปัจจุบัน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

     กว่าจะมีมนุษย์เราในวันนี้ได้ ต้องผ่านการขยายเผ่าพันธุ์ด้วยกิจกรรมที่เรียกว่า เซ็กซ์ มานับครั้งไม่ถ้วน เพราะเซ็กซ์สำหรับมนุษย์แล้ว ไม่ได้เป็นเพียงความเพลิดเพลินบันเทิงใจ แต่ยังมีมิติอีกมากมายที่ซ่อนอยู่บนความวาบหวามนี้ เซ็กซ์จึงเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ติดตัวมนุษย์ ผสมปนเปผ่านวัฒนธรรมอันหลากหลายในแต่ละช่วงเวลา

     นอกจากตัวกิจกรรมแล้ว สิ่งต่างๆ ที่ใช้สำหรับร่วมรัก ก็ไม่ได้เพิ่งมามีเมื่อไวๆ นี้ มันถูกสร้างขึ้นมานานแสนนาน พร้อมๆ กันกับที่มนุษย์รู้จักใช้เซ็กซ์ให้เป็นมากกว่าการสืบเผ่าพันธ์ุ ทั้งเซ็กซ์ทอยรูปแบบต่างๆ ของเล่นแสนแฟนตาซี หรือแม้แต่ของเบสิกอย่าง เจลหล่อลื่น ที่ดูเหมือนเป็นสิ่งสังเคราะห์ที่น่าจะเพิ่งมีเมื่อไวๆ นี้ แต่กลับมีมานานพอๆ กัน 

     ฟังก์ชั่นของมันที่ช่วยเพิ่มความสะดวก ลดความเจ็บปวด ไม่ให้เกิดความติดขัดจนเสียอารมณ์ ยังคงเหมือนกับเจลหล่อลื่นในปัจจุบันไม่เปลี่ยน ยกเว้นความสะดวกสบายของยุคนี้ ที่มาในบรรจุภัณฑ์สะอาด ปลอดภัย มีทั้งแบบอ่อนโยน แบบร้อน เย็น ให้เลือกใช้ตามความชอบ เป็นอันรู้กันว่าเจลหล่อลื่นที่ใช้กันทุกวันนี้เป็นแบบสังเคราะห์ เพื่อทดแทนน้ำหล่อลื่นจากร่างกายเรา แต่สมัยก่อน ตอนยังไม่มีการค้นพบเจลหล่อลื่นสำเร็จรูปใส่หลอดพร้อมใช้ เราพอจะนึกออกหรือเปล่า ว่านอกจากสารหล่อลื่นตามธรรมชาติจากร่างกายของเราแล้ว มนุษย์เราจะใช้อะไรมาเป็นสารหล่อลื่นได้บ้าง?

     เรามาเริ่มกันที่ 600 ปีก่อนคริสตกาล สมัยจีนยุคโบราณ สาหร่ายถูกนำมาปรุงเป็นอาหารและยา แต่นอกจากตัวสาหร่ายที่นำมากินแล้ว ผู้คนในตอนนั้นยังสังเกตได้ถึงความเหนียว ข้น หนึบหนับ บางอย่าง ที่คล้ายเจลาตินมากับสาหร่ายในธรรมชาติ ซึ่งมันคือ ‘คาราจีแนน (carrageenan)’ นั่นเอง เริ่มต้นด้วยการเอาสาหร่ายทะเลสีแดงมาต้มจนเป็นของเหลวเหนียวๆ ลื่นๆ แล้วนำมาใช้เป็นสารหล่อลื่น นอกจากจะใช้เป็นกิจกรรมบนเตียงแล้ว คาราจีแนนจากสาหร่าย ก็ยังถูกนำมาใช้ในอาหาร ยา และผลิตภัณฑ์สำหรับความงามอีกด้วย

     มาต่อกันที่ 350 ปีก่อนคริสตกาล ในยุคกรีกและโรมันโบราณ ช่วงเวลาแห่งการบ่มเพาะความรู้ วิทยาการ ปรัชญา หรือแม้แต่เซ็กซ์ ที่เปิดกว้าง แพร่หลาย และแฟนตาซีกว่าที่เราคิดไว้มาก โดยเฉพาะการร่วมเพศระหว่างเพศชายด้วยกันทางทวารหนัก ไม่ได้เป็นเรื่องผิดแปลกอะไร โดยมีน้ำมันมะกอกมาเป็นผู้ช่วยให้เป็นไปอย่างลื่นไหล นอกจากน้ำมันมะกอกในฐานะสารหล่อลื่น ที่บูมขึ้นมาพร้อมกับการร่วมเพศทางทวารหนักแล้ว ของเล่นยอดฮิตอย่าง ‘ดิลโด้’ ที่หุ้มด้วยหนังก็เริ่มแพร่หลาย จากการใช้คู่กันกับน้ำมันมะกอกเพื่อเพิ่มสีสันให้กิจกรรมรัก และด้วยความสะดวก หาง่าย เป็นสารสกัดจากธรรมชาติ เลยทำให้น้ำมันมะกอกครองแชมป์เวทีสารหล่อลื่นเรื่อยมา

     กว่าจะมีอะไรมาทดแทนแชมป์เก่าได้ ก็ต้องกระโดดมาไกลถึงศตวรรษที่ 16 เริ่มมีการใช้ถุงยางอนามัยจากลำไส้ของสัตว์ในประเทศจีนและญี่ปุ่น ในประเทศจีน นิยมใช้ร่วมกับสารหล่อลื่นอย่างน้ำมันจากพืช ส่วนญี่ปุ่นนั้น ในยุคเอโดะ ค่อนข้างมีมุมมองเรื่องเพศคล้ายกับกรีกโบราณที่เล่าไปในตอนต้น มีการใช้น้ำมันกานพลูในเอโดะตอนต้น และริเริ่มมีสารหล่อลื่นแบบใหม่ ที่หลุดออกจากเหล่าน้ำมันทั้งหลาน โดยได้จากการขูดมันเทศ มีชื่อเรียกว่า ‘tororo-jiru’ มีลักษณะเหนียว ข้น และมาจากธรรมชาติเช่นกัน ในปัจจุบัน เราอาจเห็นมันในซุปหรือราเมนของญี่ปุ่นแทน

     เรื่อยมาจนถึงศตวรรษที่ 18 โรเบิร์ต ชีสโบรห์ (Robert Chesebrough) ได้นำปิโตเลี่ยมเจล ผลิตภัณฑ์ที่ได้จากการกลั่นน้ำมัน มาให้ชาวโลกได้รู้จักเป็นครั้งแรกในฐานะขี้ผึ้งใช้เฉพาะจุด สำหรับใช้ในครัวเรือน ภายใต้ชื่อการค้า ‘วาสลีน (Vaseline)’ โดยก่อนหน้านี้ปิโตเลี่ยมเจลเป็นที่รู้จักเฉพาะเหล่าคนงานแท่นขุดเจาะน้ำมัน ใช้สำหรับช่วยสมานแผล แม้มันจะไม่ได้ถูกใช้ในกิจกรรมรักตั้งแต่แรก แต่ก็มาเริ่มแพร่หลายในฐานะสารหล่อลื่นสำหรับเซ็กซ์ในช่วงกลางศตวรรษที่ 19 

     ช่วงเวลาเดียวกันในศตวรรษที่ 19 ผลิตภัณฑ์ Surgical Aid ในชื่อ ‘K-Y Jelly’ เริ่มวางจำหน่ายในตลาด แต่เหล่าผู้ใช้นั้นก็เริ่มนำมาใช้ในจุดประสงค์อื่น โดยเฉพาะสำหรับเซ็กซ์ เมื่อเห็นช่องทางในตลาดแบบนี้ K-Y Jelly ได้เปิดตัวผลิตภัณฑ์ที่ทำมาเพื่อเป็นสารหล่อลื่นโดยเฉพาะในภายหลัง แต่ก็ยังไม่สะดวกมากนัก เพราะต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของแพทย์จนถึงปีค.ศ. 1980 หลังจากนั้นก็สามารถซื้อขายได้อย่างอิสระใน Drugstore 

     หลังจากนั้นก็เริ่มมีสารหล่อลื่นอื่นๆ มากขึ้น นอกจาก Glycerin-Base ยังมี Cream-Base และ Water-Base ที่ไม่ทิ้งผิวสัมผัสเหนียวเหนอหนะหลังใช้งาน รวมทั้งสารหล่อลื่นที่เพิ่มลูกเล่นเข้าไป อย่างแบบร้อน เย็น มีรสชาติ มีกลิ่น นอกจากจะใช้สำหรับล่อลื่นที่พื้นที่ลับโดยตรง ยังสามารถนำไปนวดตามร่างกายเพื่อเพิ่มลีลาให้เกมรักร้อนแรงยิ่งขึ้น

     แม้จะมีสารหล่อลื่นให้เราเลือกใช้มากมายหลายแบบ แต่ถุงยางอนามัยนั้น ก็ใส่สารหล่อลื่นมาให้เราแล้วส่วนหนึ่ง สามารถใช้เพียงสารหล่อลื่นที่มากับถุงยางอนามัยและสารหล่อลื่นที่มาจากร่างกายก็เพียงพอแล้ว อาจใช้สารหล่อลื่นช่วยเพิ่มเติมในกรณีที่มีสารหล่อลื่นจากร่างกายน้อย หรือการร่วมเพศทางทวารหนัก ที่ต้องการความลื่นไหลมากยิ่งขึ้น แต่ถ้าหากใครไม่อยากใช้เจลสังเคราะห์ ก็สามารถ Back to Basic ด้วยน้ำมันจากธรรมชาติได้เช่นกัน แถมยังหาซื้อง่ายกว่ากันอีกด้วย นอกจากน้ำมันมะกอกแล้ว ยังมีน้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น ที่เป็นอีกตัวเลือกที่น่าสนใจ 

     เซ็กซ์อยู่คู่กับมนุษยชาติมาเนิ่นนาน จึงต้องวิวัฒนาการผ่านช่วงเวลาต่างๆ มาพร้อมกัน อย่างสารหล่อลื่นนี้ ที่เริ่มต้นจากน้ำมันจากธรรมชาติ สู่เจลหล่อลื่นสารพัดรูปแบบ ทั้งกลิ่น รส สัมผัส และมันจะยังคงก้าวต่อไป ตราบใดที่เซ็กซ์ยังอยู่คู่กับเราแบบแยกจากกันไม่ได้ เราอาจได้เห็นสารหล่อลื่นใหม่ๆ ในอนาคตอันใกล้นี้

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook