"เดิมพัน อยู่วิทยา" ต้นทุนชีวิต ไม่ได้มาจากนามสกุล

"เดิมพัน อยู่วิทยา" ต้นทุนชีวิต ไม่ได้มาจากนามสกุล

"เดิมพัน อยู่วิทยา" ต้นทุนชีวิต ไม่ได้มาจากนามสกุล
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ประชาชาติธุรกิจออนไลน์

แค่เห็นนามสกุล "อยู่วิทยา" บวกกับข่าวกอสซิป ซุบซิบไฮโซกับนักร้องคนดัง "นิโคล เทริโอ" ตามหน้าหนังสือ พอมีข่าวโปรโมตธุรกิจรีสอร์ตของตนเอง ก็ทำเอาคนส่วนใหญ่เดากันไปว่า "ต้น-เดิมพัน อยู่วิทยา" ต้องเป็นหนึ่งในทายาทตระกูลดัง ที่นำเงินถุงเงินถังมาลงทุนอย่างแน่นอน

แม้จะเคยมีการเคลียร์กันไปแล้วหลายต่อหลายครั้งว่า "อยู่วิทยา" เป็นนามสกุลฝั่งมารดา เมื่อแม่ได้เลิกรากับพ่อ ทำให้ "ต้น-เดิมพัน" เลือกใช้นามสกุลเดิมของมารดา หลายคนอาจจะคิดว่าเขาหอบเงินถุงเงินถังมาทำธุรกิจ แต่น้อยคนนักที่จะรู้ว่า เส้นทางที่กว่าจะมาเป็นเจ้าของเครือลิม่า รีสอร์ทฯบนเกาะเสม็ด "ต้น-เดิมพัน" ต้องบุกเบิกฝ่าฟันด้วยตนเองมานานกว่า 10 ปี

"ผมจบด้านเศรษฐศาสตร์ การเงิน การธนาคาร จากจุฬาฯครับ เคยเป็นโบรกเกอร์ประกัน และก็เปิดบริษัทเป็นที่ปรึกษาด้านการเงินชื่อ "ฟินเวิลด์" อยู่ที่ตึกสาทรสแควร์ ผมเป็นคนชอบการลงทุนมาตลอดครับ เลยเลือกเรียนทางด้านนี้ ช่วงเด็ก ๆ ชีวิตก็โอเคดี มามีจุดพลิกผันตรงที่พ่อแม่เลิกกันในช่วงที่ผมเรียนจบพอดี คุณแม่ก็แยกออกมาพร้อมผมและน้อง ๆ ซึ่งแม่ก็มาตัวเปล่า ไม่ได้เอาอะไรมาเลย เท่ากับผมก็ต้องหางานทันที ซึ่งก็เป็นงานในสายที่เราเรียนมานั่นละครับ คนส่วนใหญ่ถามว่านามสกุลดังขนาดนี้ น่าจะได้อะไรมาง่าย ๆ อย่างที่บอกว่าผมเป็นญาติ (กระทิงแดง) ครับ ผมภาคภูมิใจนะที่นามสกุลนี้ เพราะญาติทุกคนน่ารักและดีกับผม"

หลังจากที่เดิมพันทำงานในสายการเงินที่ร่ำเรียนมา เปิดบริษัทที่ปรึกษาการลงทุนจนมีทุนรอนในการทำธุรกิจ จึงได้หันเหมาทำธุรกิจส่วนตัวอย่างจริงจังเมื่ออายุ 28 ปี "ต้น-เดิมพัน" ได้มีโอกาสเข้าเป็นหุ้นส่วนในลิม่า รีสอร์ท กรุ๊ปกับเพื่อน 5 คน อันเป็นที่มาของคำว่า "ลิม่า" ในภาษามลายูแปลว่า "5"

แต่เมื่อแนวทางการบริหารของหุ้นส่วนทุกคนไม่ตรงกัน เขาและ "โต้ง-สุพิชยะ ฉายเหมือนวงศ์" จึงเทกโอเวอร์ลิม่า รีสอร์ท กรุ๊ปทั้งหมดเมื่อราว 3 ปีที่แล้ว ซึ่งในขณะนั้นมี 2 รีสอร์ตยอดนิยมอย่าง ลิม่า โคโค่ บนอ่าวพร้าว และลิม่า เบลล่า ที่หาดทรายแก้วมาดูแลเอง

"เมื่อก่อนทำที่ปรึกษาการเงินเป็นหลักครับ รีสอร์ตเป็นอาชีพเสริม แต่ตอนนี้สลับกันแล้ว (หัวเราะ) บนเกาะเสม็ดมีผู้ประกอบการรายใหญ่อย่างเครือเสม็ด รีสอร์ท ที่เขาบุกเบิกทำธุรกิจท่องเที่ยวบนเกาะเสม็ดมานาน และมีลูกค้ากลุ่มใหญ่เป็นไฮเอนด์ สำหรับลิม่า รีสอร์ท กรุ๊ปหลังจากเทกโอเวอร์มาเราก็ต้องปรับกระบวนใหม่ทั้งหมด ตอนนี้ก็ถือว่าเราเป็นรองจากพี่เขาครับ

ผมพอใจในตำแหน่งนี้ เราพยายามเกาะกลุ่มลูกค้าระดับ Medium High ต้องสร้างความประทับใจให้ลูกค้า จากความสะอาดของที่พัก ความปลอดภัย รีสอร์ตของลิม่าฯไม่เคยมีประวัติว่าของหายแล้วหาไม่เจอ มีดีไซน์ห้องพักหลากหลายตามความต้องการ และการบริการที่ดี ซึ่งสิ่งเหล่านี้ผมมักได้มาจากการที่ผมเดินทางไปพักที่อื่นทั่วโลก อะไรที่เราชอบก็จะเก็บกลับมาพัฒนา แม้แต่ไลน์อาหารเราก็มีให้เลือกมากมาย ที่สำคัญหลายคนติดใจอาหารที่นี่ แค่มานั่งทานอาหารก็ยังมี"

ช่วง 3 ปีให้หลังมานี้เกาะเสม็ดได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวมากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ในปัจจุบัน "ลิม่า รีสอร์ท กรุ๊ป" ได้ขยายพื้นที่ของลิม่า เบลล่า เพื่อรองรับความต้องการของผู้มาเยือนเกาะเสม็ด โดยใช้ชื่อว่า "ลิม่า ดูว่า"(Lima Duva) ซึ่งจะเป็นรีสอร์ตสไตล์โมเดิร์น ออกแบบโดย Idin Architects บริษัทรับออกแบบชั้นแนวหน้าของเมืองไทย ทันสมัยด้วยการเป็นรีสอร์ตแรกบนเกาะเสม็ดที่มีเครื่องเสียงในสระว่ายน้ำ และยังมี Direct Pool Access ที่สระว่ายน้ำเว้าเข้าไปถึงโซนห้องพักเลยทีเดียว

"ต้น-เดิมพัน" ได้เอ่ยถึงการขยับขยายที่ทางของตนเองว่า "ผู้ประกอบการบนเกาะเสม็ดทั้งหมด ไม่มีใครคิดที่จะสร้างโรงแรม 8 ชั้น 10 ชั้นบนเกาะเสม็ด รวมไปถึงกลุ่มเป้าหมายที่มาเกาะเสม็ดไม่มีใครอยากได้แบบนั้น ฉะนั้น ที่พักบนเกาะจึงเป็นรีสอร์ตที่มีทั้งนักลงทุนจากที่อื่น และคนในพื้นที่ทำเอง ตอนนี้ผมมีที่ดินอีกผืนที่อ่าวไผ่ แหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของชาวสีม่วงทั้งหลาย ซึ่งกำลังจะพัฒนาต่อจากลิม่า ดูว่า ให้เป็น Design Resort เน้นไปที่ความลักเซอรี่ ซึ่งอันนั้นผมคิดว่าตอนเป็นรูปเป็นร่างทุกคนจะต้องตื่นเต้นอย่างแน่นอน"

นักลงทุนวัย 40 ปีคนนี้มองว่า ศักยภาพเกาะเสม็ดสามารถโตกว่านี้ได้อีกถึง 2 เท่าแบบสบาย ๆ เพราะสาธารณูปโภคทุกอย่างครบเกือบหมดแล้ว ไม่ว่าจะเป็นไฟฟ้า ถนน สถานีตำรวจ สถานีอนามัย แต่ยังขาดประปา ซึ่งตอนนี้ก็มีการวางแผนเรื่องน้ำประปาบนเกาะเสม็ดอยู่เหมือนกัน ส่วนจะขยับไปลงทุนบนเกาะอื่นหรือไม่นั้น เดิมพันยังให้เหตุผลทางเศรษฐศาสตร์ว่า "ตอนนี้เราโฟกัสที่เกาะเสม็ดก่อน เพราะจะทำให้เราเซฟต้นทุนบางส่วนได้

อย่างเรือถ้าเราไปลงทุนที่เกาะอื่น ๆ เราต้องซื้อเรืออีกเป็นจำนวนมาก ทั้งเฟอร์รี่รับ-ส่งนักท่องเที่ยว เรือขนน้ำ ยังไม่รวมรถรับ-ส่งทั้งบนเกาะ-บนฝั่ง และยังเรื่องของพนักงานอีก แต่ถ้าเราเพิ่มจำนวนรีสอร์ตในเครือบนเกาะเสม็ด เราแค่เสริมเรือขึ้นอีกเพียง 1-2 ลำ การเฉลี่ยต้นทุนลงได้ ทำให้เราไม่ต้องคิดราคาลูกค้าแพง ลูกค้าชอบใจก็จะมาพักบ่อย แบบนี้ผมว่า Win-Win กันหมด"

ต้น-เดิมพันยังกล่าวถึงข้อได้เปรียบของเกาะเสม็ดว่า ที่นี่ห่างจากฝั่งไม่ถึง 7 กิโลเมตร การเดินทางจึงสะดวกและรวดเร็ว อีกทั้งฝนยังตกน้อยมากกว่าบนแผ่นดินใหญ่ ทำให้เสม็ดสามารถท่องเที่ยวได้เกือบทั้งปี ก่อนหน้านี้นักท่องเที่ยวโดยเฉพาะชาวยุโรปนิยมมาเที่ยวเกาะเสม็ดมาก คิดได้เป็นร้อยละ 60-70 เลยทีเดียว แต่เมื่อปีที่ผ่านมา ด้วยสถานการณ์หลายอย่าง ทำให้นักท่องเที่ยวเข้าสู่ประเทศไทยน้อยลง อัตราเฉลี่ยของนักท่องเที่ยวชาวไทยกับชาวต่างประเทศจึงกลับกันอยู่ที่คนไทย 60 ต่อต่างชาติ 40

ซึ่งเขาบอกว่าก็ไม่เป็นปัญหาสำหรับรีสอร์ตในเครือลิม่าฯ เพราะมาตรฐานที่วางเอาไว้ว่าต้องดูแลนักท่องเที่ยวทุกชาติด้วยมาตรฐานที่ดีระดับเดียวกัน เป็นนักลงทุนทั้งที แถมกิจการก็เติบโตอย่างรวดเร็ว พอถามถึงเรื่องหนี้ "ต้น-เดิมพัน" ก็กล่าวติดตลกว่า ยังมีหนี้อยู่ แต่ถือว่าไม่มากนัก พยายามคอนโทรลระดับหนี้ไม่ให้สูงมาก เพราะถ้าหากเกิดเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝัน การมีหนี้เยอะอาจจะทำให้ไม่มีปัญญาจ่ายดอกเบี้ยได้

เมื่อถามถึงเรื่องความรักของ "ต้น-เดิมพัน" กับนักร้องสาวเสียงแบ๊ว เขาตอบแบบสบาย ๆ ว่า ความสัมพันธ์ครั้งนี้เหมือนเพื่อนชีวิต เพราะทั้ง 2 ฝ่ายก็ผ่านประสบการณ์ชีวิตมาพอสมควรแล้ว เรื่องที่คุยกันตอนนี้จะเน้นไปที่เรื่องลูกเสียด้วยซ้ำ เพราะ "ต้นข้าว" ลูกชายของเขาอายุน้อยกว่า "ทิกเกอร์" ลูกชายของนิโคล นิโคลจึงช่วยให้เขาเข้าใจลูกชายวัยเด็กได้ดียิ่งขึ้น ทั้งนี้เด็กทั้ง 2 ก็ยังเข้ากันได้ดี ตัวเขาเองก็หวังว่าความสัมพันธ์มันจะดีขึ้นไปเรื่อย ๆ ตอนนี้หากพอมีเวลาทั้งสองครอบครัวก็จะหาเวลาไปท่องเที่ยว พักผ่อนกันบ้างเป็นครั้งคราว ส่วนจะตกลงปลงใจร่วมชีวิตกันในฐานะสามีภรรยาหรือไม่นั้น ต้องรอดูกันต่อไปในอนาคต

บทสนทนาปิดท้ายในวันที่บรรยากาศแจ่มใส อากาศเป็นใจ พระอาทิตย์ดวงโตกำลังคล้อยต่ำ สาดแสงสีแดงสะท้อนเกลียวคลื่นของท้องทะเลเกาะเสม็ด ปิดฉากของวันไปพร้อมกับความฝันของหนุ่มนักธุรกิจคนนี้

"อยากให้เกาะเสม็ดดังไกลในระดับโลก"

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook