ผลสำรวจเผย คุณพ่อญี่ปุ่นใช้เวลาอยู่กับลูกในวันธรรมดาน้อยที่สุด

“การสำรวจนานาชาติการศึกษาภายในครัวเรือนช่วงวัยก่อนเข้าเรียน” ที่มีกลุ่มเป้าหมายในการสำรวจคือ ประเทศญี่ปุ่น, จีน, อินโดนีเซีย และฟินแลนด์ เปิดเผยให้ได้รู้ข้อมูลเกี่ยวกับระยะเวลาที่คุณพ่อใช้อยู่กับลูกในวันธรรมดา พบว่าคุณพ่อชาวญี่ปุ่นใช้เวลาอยู่กับลูกน้อยที่สุดในบรรดาทั้ง 4 ประเทศที่เป็นเป้าหมายในการสำรวจ

การสำรวจนานาชาติการศึกษาภายในครัวเรือนช่วงวัยก่อนเข้าเรียนนั้น มีกลุ่มเป้าหมายการสำรวจเป็นคุณแม่ที่ยังทำงานและมีลูกอยู่ในวัยก่อนเข้าเรียน 4～6 ขวบจาก 4 ประเทศ คือ ญี่ปุ่น 373 คน, จีน 2,480 คน, อินโดนีเซีย 177 คน และฟินแลนด์ 152 คน โดยเวลาที่คุณแม่ที่ทำงานไปด้วยจะกลับมาถึงบ้านก็คือ คุณแม่ญี่ปุ่นและจีนจะกลับถึงบ้านราว 6 โมงเย็น คุณแม่อินโดนีเซียและฟินแลนด์จะกลับถึงบ้านราว 4 โมงเย็น โดยประเทศที่คุณแม่กลับถึงบ้านช้าที่สุดก็คือ คุณแม่จากประเทศจีน ส่วนเมื่อถามถึงเวลาที่คุณพ่อกลับถึงบ้านนั้น คุณพ่อชาวญี่ปุ่นจะกลับถึงบ้านราวหนึ่งทุ่มถึงสี่ทุ่มหรือไม่ก็ดึกๆ ส่วนคุณพ่อชาวจีนจะกลับถึงบ้านราว 6 โมงเย็น คุณพ่อชาวอินโดนีเซียราวหนึ่งทุ่ม ส่วนคุณพ่อชาวฟินแลนด์จะกลับถึงบ้านราว 4 โมงเย็น จำนวนของคุณพ่อที่กลับถึงบ้านในวันธรรมดาหลังสองทุ่มขึ้นไปคือ ญี่ปุ่น 61.5% ซึ่งถือว่าสูงที่สุด อินโดนีเซีย 26.9% จีน 22.9% และฟินแลนด์มีเพียง 5.5% เท่านั้น แสดงให้เห็นว่าคุณพ่อชาวญี่ปุ่นกลับบ้านช้ากว่าคุณพ่อในประเทศอื่นๆอย่างเห็นได้ชัด

ในวันธรรดาคุณพ่อชาวญี่ปุ่นเกินกว่าครึ่ง (59.1%) มีเวลาอยู่กับลูกไม่ถึง ２ ชั่วโมง และมีคุณพ่อที่กลับถึงบ้านหลัง 3 ทุ่มเป็นจำนวนมากถึง 60.5% ซึ่งจะได้ใช้เวลาอยู่กับลูกไม่ถึงหนึ่งชั่วโมงเท่านั้น โดยเฉลี่ยแล้วคุณพ่อชาวญี่ปุ่นจะมีเวลาในการเลี้ยงดูลูกอยู่ที่ประมาณตั้งแต่ 3 วันต่อสัปดาห์ ซึ่งกิจกรรมที่ทำด้วยกันก็คือ เล่นนอกบ้าน 16.1%, เล่นด้วยกันในบ้าน 33.7%, พาเข้านอน 31.2% ซึ่งความถี่ในการเล่นกับลูกของคุณพ่อชาวญี่ปุ่นถือว่าต่ำที่สุดในบรรดาคุณพ่อจาก 4 ประเทศ

ตราบใดที่คนญี่ปุ่นยังไม่สามารถปฎิวัติรูปแบบวิธีการทำงานอย่างหนักจนแทบจะไม่มีเวลาให้กับครอบครัวได้ ก็คงจะเป็นเรื่องยากที่คุณพ่อชาวญี่ปุ่นจะได้ใช้เวลาในการดูแลลูกและช่วยเหลือทำงานบ้านได้อย่างเต็มที่ ก็ได้แต่หวังว่าบริษัทญี่ปุ่นรวมถึงคนญี่ปุ่นในปัจจุบันจะหาวิธีการแก้ปัญหาระบบการทำงานอย่างหนักจนเสียสมดุลในการใช้ชีวิตประจำวันได้เสียที…..

ที่มา ：infoseek