เปิดโผ 5 อันดับอาชีพที่พ่อแม่ชาวญี่ปุ่นไม่อยากให้ลูกเป็น

เปิดโผ 5 อันดับอาชีพที่พ่อแม่ชาวญี่ปุ่นไม่อยากให้ลูกเป็น

เปิดโผ 5 อันดับอาชีพที่พ่อแม่ชาวญี่ปุ่นไม่อยากให้ลูกเป็น
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

“โตขึ้นอยากเป็นอะไร” เป็นคำถามยอดฮิตที่ผู้ใหญ่มักจะคอยถามเด็กๆอยู่เสมอ แต่รู้หรือไม่ว่าในช่วงปีที่ผ่านมา อาชีพที่เด็กใฝ่ฝันอยากเป็นมากที่สุดนั้นได้เปลี่ยนไปจากแต่ก่อนมาก ซึ่งจากผลแบบสำรวจที่สอบถามนักเรียนชายมัธยมต้น จำนวน 100 คน พบว่าอาชีพที่เด็กผู้ชายในวัยมัธยมต้นอยากเป็นมากที่สุดมีดังนี้

อันดับ 1  วิศวกรไอที / โปรแกรมเมอร์

อันดับ 2  นักสร้างเกม

อันดับ 3  YouTuber

อันดับ 4  นักกีฬาอาชีพ

อันดับ 5  วิศวกร

แต่ในทางกลับกัน ก็ได้มีการสำรวจอาชีพที่พ่อกับแม่ไม่ปลื้ม ไม่อยากให้ลูกเป็นขึ้นมาด้วยเช่นกัน แบบสอบถามนี้เป็นแบบสอบถามจากผู้หญิงและผู้ชายที่มีครอบครัวแล้วจำนวน 100 คน อายุระหว่าง 30-99 ปี โดยตัวเลือกเป็นอาชีพให้เลือกดังต่อไปนี้ นักกีฬา หมอ YouTuber วิศวกรไอที โปรแกรมเมอร์ นักสร้างเกม เจ้าของธุรกิจ ครู/อาจารย์ นักวิจัย เซลล์แมน โดยอาชีพที่พ่อแม่เลือกให้เป็นอาชีพที่ไม่อยากให้ลูกทำมากที่สุด เป็นดังนี้

อันดับ 1  YouTuber 59%

อันดับ 2  เซลล์แมน 11%

อันดับ 3  นักสร้างเกม  8%

อันดับ 4  นักกีฬาอาชีพ  7%

อันดับ 5  ข้าราชการ 7%

จากตัวเลขข้างต้น จะเห็นว่า อาชีพที่พ่อแม่ไม่ปลื้ม ไม่อยากให้ลูกทำมากที่สุดคือ YouTuber ซึ่ง HIKAKIN YouTuber ที่โด่งดังมากในญี่ปุ่น ขวัญใจเด็กๆ ไปจนถึงผู้ใหญ่ ไม่ว่าออกคลิปไหนมาก็มียอดวิวที่สูงมากและยังทำรายได้สูงมากเช่นกัน แต่ในสายตาของพ่อแม่แล้วกลับมองว่าเป็นอาชีพที่ไม่อยากให้ลูกของตัวเองทำ โดยให้เหตุผลไว้ทั้งฝั่งพ่อและแม่ดังนี้

ความเห็นของฝั่งแม่

“เอางานอดิเรกมาทำเป็นงานประจำมันไม่มั่นคงหรอก” แม่บ้าน อายุ 32 ปี

“ไม่มั่นคง ภาพลักษณ์ที่ดูบ้าบอ อาชีพที่ทำได้แค่ชั่วคราว”  แม่บ้าน อายุ 32 ปี

“ไม่อยากให้ลูกตัวเองออกสื่อในอินเทอร์เน็ต”  แม่บ้าน อายุ 36 ปี

“แค่ออกคลิปสนุกๆ แล้วมีรายได้ คิดจะทำอะไรก็ได้มันช่างน่าเสียใจจริงๆ” แม่บ้าน อายุ 32 ปี

“ถ้าทำแล้วโด่งดังก็ดีไป แต่มันไม่ใช่กับทุกคน หากทำแล้วไม่ดัง อาจจะเผลอต้องทำคลิปอะไรบ้าๆ เพื่อให้มีคนดูก็ได้” แม่บ้าน อายุ 36 ปี

“ไม่มั่นคง แถมยังจะกลายเป็นคนประหลาดที่อยากให้คนอื่นมาชื่นชอบชื่นชม” พนักงานพาร์ทไทม์ อายุ 44 ปี

ความเห็นของฝั่งพ่อ

“มันไม่ใช่อาชีพที่จะทำได้ไปตลอดชีวิต” พนักงานบริษัท อายุ 32 ปี

“ไม่มั่นคง และยังเป็นห่วงว่าจะกลายเป็นคนที่ตัดสินใจอะไรไม่ได้ เพราะในหัวมัวแต่คิดแค่จะเพิ่มยอดคนดูคลิป” พนักงานบริษัท อายุ 34 ปี

“ไม่อยากให้ลูกก้มหน้าก้มตาอยู่แต่หน้าจอคอมพิวเตอร์” ข้าราชการ อายุ 36 ปี

“อยากให้อยู่ในโลกของความเป็นจริง ถ้าเป็นไปได้อยากให้ทำงานที่ทำประโยชน์เพื่อคนอื่น” ไม่ระบุอาชีพ วัย 31 ปี

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook