7 ข้อสงสัย มือใหม่หัดวิ่ง

7 ข้อสงสัย มือใหม่หัดวิ่ง

7 ข้อสงสัย มือใหม่หัดวิ่ง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

แฟนเพจ กรมอนามัย มีข้อมูลเกี่ยวกับการวิ่งที่มือใหม่หลายคนสงสัยมาฝาก วันนี้เราจะได้ทราบกันแล้วครับ ว่าที่ได้ยินได้ฟังมา เรื่องไหนจริง เรื่องไหนไม่จริง

Q :วิ่งแล้วขาใหญ่จริงเหรอ ?
A :วิ่งมีส่วนช่วยให้ช่วงขาเรียวงาม การออกกำลังกายโดยทั่วไปไม่ทำให้กล้ามเนื้อใหญ่ขึ้นง่ายๆ โดยเฉพาะผู้หญิง แม้แต่การบริหารเพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อเฉพาะส่วน ยังยากที่จะทำให้กล้ามเนื้อของผู้หญิงใหญ่ขึ้น การวิ่งทำให้กล้ามเนื้อกระชับขึ้น ในขณะที่ไขมันใต้ผิวหนังลดลง แต่อย่างไรก็ตามจำเป็นที่จะต้องควบคุมเรื่องอาหารให้เหมาะสมกับความต้องการด้วยอาการบวมน้ำบริเวณขาภายหลังจากการวิ่ง หากสังเกตบริเวณน่อง อาจทำให้เข้าใจผิดคิดว่าขาใหญ่ขึ้น เพราะเมื่อออกกำลังกายอย่างหนัก เลือดจะถูกส่งไปบริเวณนั้นมากขึ้น มีลักษณะคล้ายอาการบวมน้ำ ซึ่งเป็นอาการทั่วไปที่เกิดขึ้นได้หลังออกกำลังกายอย่างหนัก วิธีแก้ไขก็คือต้องมีการคูลดาวน์ และยืดเหยียดกล้ามเนื้อภายหลังจากการออกกำลังกายหรือจากการวิ่ง

Q: วิ่งแล้วจะผอมไหม ?
A : การวิ่งแล้วจะผอมใช่ไหมตอบเลยว่าใช่ เพราะการวิ่งจะช่วยในเรื่องของการเผาผลาญไขมันในร่างกายทำให้กล้ามเนื้อกระชับมากขึ้น แต่ทั้งนี้ควรมีการดูแลและควบคุมการรับประทานอาหารให้ได้ในปริมาณที่พอเหมาะ รวมทั้งมีการเสริมสร้างกล้ามเนื้อด้วยการฝึกความแข็งแรงร่วมด้วย

Q:วิ่งแล้วเข่าข้อจะเสื่อมจริงเปล่า?
A: วิ่งทำให้หัวเข่า และข้อเสื่อมความเชื่อที่ว่าการวิ่งทำให้หัวเข่าและข้อเท้าเสื่อมเมื่ออายุมากขึ้น ความจริงแล้วการวิ่งที่ถูกวิธีอย่างต่อเนื่อง ช่วยป้องกันการเสื่อมเร็วของข้อต่อ การหยุดวิ่งหรือขาดการออกกำลังกายที่เหมาะสมต่างหากที่เป็นปัจจัยเสี่ยงให้ข้อเสื่อม เพราะการวิ่งแต่ละก้าวมีแรงกดที่กระดูกอ่อนผิวข้อซึ่งมีคุณสมบัติคล้ายฟองน้ำคอยรับแรงกระแทกในข้อแรงกดและปล่อยอย่างเป็นจังหวะจากการวิ่งจะเพิ่มการหมุนเวียนน้ำหล่อเลี้ยงภายในข้อ ซึ่งเป็นสารอาหารให้เซลล์กระดูกอ่อนซึ่งไม่มีเลือดมาเลี้ยงและต้องได้สารอาหารและออกซิเจนจากน้ำหล่อเลี้ยงข้อเท่านั้นการเคลื่อนไหวข้อที่มีแรงกดที่กระดูกอ่อนอย่างเหมาะสมและสม่ำเสมอจึงเป็นการให้สารอาหารกระดูกอ่อนกระตุ้นการสร้างและซ่อมส่วนที่สึกหรอ ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงต่อข้อเสื่อม

Q:วิ่งเวลาไหนดีอ่ะ ?
A :การวิ่งไม่ว่าจะเวลาไหน ต่างมีผลต่อสุขภาพทั้งสิ้น ใครสะดวกเวลาไหนก็สามารถออกกำลังกายเวลานั้น “สิ่งสำคัญคือความสม่ำเสมอ”

Q:ควรหยุดวิ่งเมื่อไหร่ ?
A:หายใจไม่ทัน หายใจไม่ทั่วท้อง
- เวียนศีรษะ หรือเริ่มตาพร่าลาย
- เหงื่อออกมากเกินกว่าปกติหรือมือเท้าเย็นเฉียบ
- หัวใจเต้นรัวผิดปกติ รู้สึกถึงใจที่เต้นแรง และเร็ว

Q:วิ่ง Out door กับวิ่งบนลู่ อะไรดีกว่ากัน ?
A: การวิ่งบนลู่วิ่งสายพานจะได้ผลเหมือนกันกับวิ่งบนทางราบ ถ้าเราได้ใช้กำลังในการออกแรงวิ่งเท่าๆกัน โดยสามารถวัดได้จากอัตราการเต้นของหัวใจ หรือความรู้สึกเหนื่อยขณะที่วิ่ง …แต่ถ้าเปรียบเทียบการวิ่งด้วยความเร็วที่เท่ากัน ขอย้ำนะครับว่าวิ่งด้วยความเร็วเท่ากัน บนทางราบ กับบนลู่วิ่งสายพาน เราจะพบว่าการวิ่งบนลู่วิ่งสายพานนั้นจะเหนื่อยน้อยกว่า ก็เพราะว่าการวิ่งบนสายพานจะไม่มีแรงต้านจากอากาศหรือลม และตัวสายพานที่เคลื่อนที่อยู่ตลอดเวลาก็เป็นตัวช่วยผ่อนแรงวิ่งของเราเสียอีก ซึ่งต่างจากการวิ่งบนทางราบที่ขาของเราจะต้องออกแรงผลักพื้นเพื่อให้ตัวเราพุ่งไปข้างหน้าหรือเผาพลาญพลังงานได้น้อยกว่านั่นเอง!

Q:วิ่งแค่ไหนได้สุขภาพ ?
A: การวิ่งสำหรับมือใหม่ควรวิ่งจากความเร็วน้อยๆ ให้ติดต่อกันให้ได้ 10 นาที สะสมให้ได้ 30 นาที ในแต่ละวัน อย่างน้อย 5 วันต่อสัปดาห์ เมื่อรู้สึกว่าวิ่ง 10 นาที อาการเหนื่อยน้อยลงแสดงว่ามีความฟิตมากขึ้นจึงค่อยๆ เพิ่มเวลาการวิ่งต่อเนื่องให้ได้ 30 นาทีต่อวัน

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook