จาก "วิทยาศาสตร์" สู่ "นวัตกรรม" ชุดแข่งบาสเกตบอลเอ็นบีเอ

จาก "วิทยาศาสตร์" สู่ "นวัตกรรม" ชุดแข่งบาสเกตบอลเอ็นบีเอ

จาก "วิทยาศาสตร์" สู่ "นวัตกรรม" ชุดแข่งบาสเกตบอลเอ็นบีเอ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

กีฬาบาสเกตบอลในช่วง 2 ทศวรรษก่อนนั้นเป็นเรื่องของสรีระของผู้เล่น ผู้เล่นมักจะเน้นการเข้าแย่งบอลหรือจับบอลไว้กับตัว บาสเกตบอลในยุคนั้นมีจังหวะการเล่นที่ช้าและเป็นระบบมาก ต่อมา กีฬาบาสเกตบอลมีการเปลี่ยนแปลงกติกา เช่น การกำหนดวิธีป้องกันฝ่ายรุกที่ผิดกติกา (ลดการตั้งรับแบบตั้งโซนโดยใช้แนวป้องกันที่เข้าข่ายผิดกติกา) และลดเวลาที่ผู้เล่นสามารถครอบครองบอลเพื่อให้การแข่งขันเร็วและไหลลื่นขึ้น ผู้เล่นบาสเกตบอลทุกระดับจึงต้องปรับตัวเองให้เข้ากับกติกานี้ กล่าวคือ พวกเขาต้องเคลื่อนไหวในสนามให้เร็วขึ้นและตัดสินใจให้เร็วขึ้นขณะแข่งขัน ทีมบาสเกตบอลอาชีพหลายทีมมีผู้เล่นในทีมน้อยลงและเริ่มเล่นเกมรุกอย่างเต็มตัว “รูปร่างของนักบาสเกตบอลในปัจจุบันแตกต่างจากนักบาสเกตบอลเมื่อ 10 ปีก่อนอย่างสิ้นเชิง วิธีการเคลื่อนที่ในสนามหรือตำแหน่งต่างๆ ในการเล่นก็แตกต่างกันด้วย”

เคิร์ท พาร์กเกอร์ (Kurt Parker) รองประธานฝ่ายการออกแบบเครื่องแต่งกายของไนกี้อธิบาย “ข้อแตกต่างเหล่านี้เป็นเหตุผลที่ไนกี้อยากพัฒนาทั้งคุณสมบัติและรูปลักษณ์ของชุดแข่งบาสเกตบอลไปพร้อมๆ กัน”

วิศวกรและนักออกแบบของไนกี้ร่วมกันปรับปรุง 3 จุดหลักในชุดบาสเกตบอลไนกี้เวเปอร์ คือการเคลื่อนไหว การถ่ายเทความร้อน และความกระชับ  ด้านการเคลื่อนไหวนั้น ข้อมูลที่ไนกี้ได้รับจากนักวิจัยอิสระนั้นชี้ให้เห็นว่าบาสเกตบอลเป็นกีฬาที่ผู้เล่นมีท่าทางการเคลื่อนไหวหลากหลายที่สุดเมื่อเทียบกับกีฬาชนิดอื่นๆ โดยเฉลี่ย นักบาสเกตบอลที่ลงเล่นตลอดเวลาการแข่งขันจะวิ่งเป็นระยะเฉลี่ย 4 ไมล์และมีการพุ่งตัวไปข้างหน้าโดยใช้ความเร็วสูงสุดเป็นเวลาประมาณ 1.6 วินาทีต่อครั้ง และมีการเปลี่ยนทิศทางการวิ่งทุกๆ 2 วินาทีโดยประมาณ รวมมากถึง 1 พันครั้ง นอกจากนี้

นักบาสเกตบอลอาชีพบางคนยังกระโดดถึง 42 ครั้งต่อเกม โดยใช้เวลาย่อตัวก่อนจะกระโดดลอยตัวครั้งละ 0.16 วินาทีโดยเฉลี่ย “บาสเกตบอลเป็นกีฬาที่ผู้เล่นต้องเปลี่ยนทิศทางมากกว่ากีฬาชนิดใดๆ ผู้เล่นบางคนลุกจากม้านั่งสำรองมาวิ่งด้วยความเร็วสูงสุดในสนามหรือกระโดดให้สูงที่สุดเพื่อทำคะแนนในเวลาที่ห่างกันเพียงไม่กี่วินาที” พาร์กเกอร์อธิบาย

เพื่อพัฒนาชุดบาสเกตบอลที่เอื้อต่อการวิ่ง โฉบเข้าเขตโทษ และกระโดด รวมไปจนถึงการเก็บข้อมูลรวมถึงอุณหภูมิที่แตกต่างกันของผู้เล่นบาสเกตบอล ทีมงานของไนกี้ต้องใช้เวลานับไม่ถ้วนเพื่อทำการทดสอบชุดบาสเกตบอลขณะที่ผู้เล่นสวมใส่จริง ทั้งการออกแบบรูระบายอากาศ ความทนทานของเนื้อผ้า ความยืดหยุ่นของเนื้อผ้า หรือแม้แต่การซัก เพื่อสร้างแผนที่ความร้อนของร่างกายแบบดิจิตอลเพื่อคำนวณจุดของร่างกายที่จะมีเหงื่อออก จุดที่ร่างกายผู้สวมใส่อาจเสียดสีกับเนื้อผ้า หรือแม้แต่จุดที่นักบาสเกตบอลต้องเคลื่อนไหวอย่างดีที่สุดเพื่อสร้างสรรค์เกม “เราเคยใช้แผนที่แบบนี้มาก่อนแต่แผนที่ที่เราศึกษาและสร้างขึ้นใหม่เป็นแผนที่ที่เราสร้างขึ้นเพื่อนักบาสเกตบอลอาชีพที่ลงแข่งบาสเกตบอลเอ็นบีเอโดยเฉพาะ” พาร์กเกอร์เล่า

 

นักออกแบบของไนกี้ยังใช้แผนที่ความร้อนดังกล่าวข้างต้นเพื่อออกแบบชุดบาสเกตบอลรุ่นใหม่ที่สอดคล้องกับเป้าประสงค์หลักในการออกแบบชุดบาสเกตบอลรุ่นใหม่ของไนกี้  ยกตัวอย่างเช่น ข้อมูลที่ไนกี้ได้รับแสดงให้เห็นว่าบริเวณหน้าอกของนักบาสเกตบอลเป็นจุดที่มีเหงื่อออกมาก และเหงื่อจากบริเวณนี้มักจะระบายออกยาก ทำให้เสื้อเปียกและอาจทำให้เสื้อบาสเกตบอลติดกับตัวของผู้สวมใส่ซึ่งสร้างความรำคาญในระหว่างการแข่งขัน “หลายๆ ครั้ง คุณจะเห็นนักบาสเกตบอลพยายามจับช่วงหน้าอกของเสื้อเพื่อระบายเหงื่อหรือบีบเหงื่อออกจากเสื้อ เพราะพวกเขาไม่ต้องการให้เสื้อเปียก

ซูเปอร์สตาร์อย่างเลบรอน เจมส์ยังคอยดึงเสื้อของเขาตลอดเวลาเลย” พาร์กเกอร์ยกตัวอย่าง “สิ่งที่นักบาสเกตบอลอาชีพแสดงให้เห็นในการแข่งขันจริงนี้ ส่งผลให้เราต้องพยายามออกแบบเสื้อบาสเกตบอลที่เนื้อผ้าไม่หน้า ไม่รัดรูปเกินไป
และต้องระบายเหงื่อได้ดี”

ทีมงานที่ร่วมออกแบบชุดบาสเกตบอลรุ่นใหม่นี้ทำงานร่วมกับทีมงานที่พัฒนานวัตกรรมเส้นใยรุ่นใหม่ ผู้เชี่ยวชาญด้านนวัตกรรมเส้นใยสามารถออกแบบแนวของเส้นใยเพื่อสร้างพื้นที่แบบ 3 มิติบนเสื้อ เอื้อต่อการระบายอากาศและมีการขมวดเส้นใยเป็นปม ช่วยให้เนื้อผ้าไม่ติดกับผิวหนังแม้ผู้สวมใส่จะมีเหงื่ออกมาก

“อุณหภูมิของร่างกายเป็นเรื่องสำคัญมาก ถ้าเนื้อผ้าของเสื้อแข่งระบายเหงื่อได้ดีและดูดซับเหงื่อได้ดี ผู้เล่นก็จะรู้สึกอบอุ่น แต่ไม่ร้อนจนเกินไปขณะลงแข่งขัน” สตีฟ แนช (Steve Nash) ผู้เล่นทรงคุณค่าของการแข่งขันบาสเกตบอลเอ็นบีเอ 2 สมัยกล่าว แผนที่ความร้อนที่ไนกี้ใช้เอื้อต่อการออกแบบเสื้อให้ระบายอากาศได้ดีและช่วยให้ผู้เล่นรู้สึกสบายตัวขณะสวมใส่อีกด้วย พาร์กเกอร์กล่าวเสริมว่า “โดยปกติแล้ว ผลแพ้ชนะของกีฬาบาสเกตบอลจะตัดสินในช่วง 5 นาทีสุดท้ายของเกม เราจึงไม่อยากให้นักบาสเกตบอลต้องมามัวพะวงกับเสื้อแข่งในช่วงเวลาสำคัญ”

 

นักออกแบบของไนกี้ต้องปรับปรุงชุดแข่งบาสเกตบอลรุ่นใหม่ให้สอดคล้องกับรูปแบบการเคลื่อนไหวของนักบาสเกตบอลตามข้อมูลที่ได้รับ นักออกแบบของไนกี้ใช้การออกแบบใหม่ๆ เช่นการเว้าช่วงไหล่ด้านหลังมากขึ้น (เลิกการเดินตะเข็บแบบคล้ายกับแนวซี่โครงที่ไนกี้เคยใช้ในอดีต) และมีการขยายพื้นที่เว้าตรงกางเกงให้อยู่ด้านหน้ายิ่งขึ้น เอื้อต่อการเลี้ยงตัดเข้าเขตโทษ หรือขณะพุ่งป้องกันอย่างสบายตัวและอิสระยิ่งขึ้น  “โดยปกติ นักบาสเกตบอลชอบเลือกชุดแข่งที่มีขนาดใหญ่กว่าตัวเล็กน้อยเพื่อให้พวกเขาเคลื่อนไหวได้อิสระมากขึ้น แต่ตอนนี้พวกเขาสามารถใส่ชุดที่เข้ารูปมากขึ้นได้” พากร์เกอร์เล่า “และชุดบาสเกตบอลรุ่นใหม่ล่าสุดของเราก็เป็นชุดแข่งขันของทีมบาสเกตบอลเอ็นบีเอที่มีน้ำหนักเบาที่สุดในประวัติศาสตร์ด้วย”

ไนกี้ทดสอบต้นแบบและเก็บข้อมูลว่านักบาสเกตบอลชื่นชอบชุดแข่งรุ่นใหม่จากไนกี้หรือไม่ โดยไนกี้เลือกทีมบาสเกตบอลเอ็นบีเอหลายทีมเช่น ยูท่าห์ แจซ ดัลลัส มาเวอร์ริก และพอร์ทแลนด์ เทรลเบลเซอร์ เป็นทีมทดสอบ รวมถึงทีมบาสเกตบอลในระดับมหาวิทยาลัยอีกหลายสิบทีมร่วมทดสอบด้วย “ทีมเหล่านี้ใส่ชุดบาสเกตบอลรุ่นใหม่ของเราลงฝึกซ้อมและเราขอให้พวกเขาแสดงความคิดเห็นกับนักออกแบบและหัวหน้าฝ่ายผลิตภัณฑ์ของเราทันทีที่ฝึกซ้อมเสร็จ เราอยากทราบว่าเขาต้องการกางเกงที่กระชับแค่ไหน ต้องการให้แขนเสื้อกว้างเพียงใด ต้องการกางเกงที่ขายาวกว่านี้หรือไม่ และอื่นๆ ที่พวกเขารู้สึก” พาร์กเกอร์อธิบาย

หลังจากได้รับข้อมูลจากนักบาสเกตบอลอาชีพ ไนกี้จะทำการวิจัยและสร้างต้นแบบชุดบาสเกตบอลขึ้นมา นำไปให้นักกีฬาสวมใส่ฝึกซ้อมเป็นเวลาประมาณ 1 สัปดาห์ รับฟังข้อคิดเห็นจากนักกีฬา และนำไปปรับปรุงชุดแข่งแบบใหม่สำหรับนำไปทดสอบอีกครั้ง กระบวนการทดสอบนี้ใช้เวลาประมาณ 1 ปี

การทดสอบด้วยการสวมใส่และฝึกซ้อมดังกล่าวข้างต้นยังเป็นกระบวนการที่ไนกี้ใช้เพื่อศึกษารูปร่างที่แตกต่างกันของนักบาสเกตบอล เพราะชุดบาสเกตบอลรุ่นใหม่ของไนกี้ต้องดูหลากหลาย สอดรับกับผู้สวมใส่ทุกรูปร่าง แต่เมื่อสวมใส่แล้ว
ผู้สวมใส่ต้องรู้สึกชุดมีความพอดีราวกับตัดเย็บมาเพื่อผู้สวมใส่แต่ละคนโดยเฉพาะ “นักบาสเกตบอลเอ็นบีเอรูปร่างใหญ่กว่าค่าเฉลี่ยของมนุษย์ เราจึงต้องออกแบบชุดแข่งที่เข้ากับคนที่สูง 6 ฟุต 9 นิ้ว หนัก 240 ปอนด์ อย่างเควิน ดูแรนท์
(Kevin Durant) หรือเลอบรอน เจมส์ (LeBron James) ที่สูง 6 ฟุต 8 นิ้ว หนัก 240 ปอนด์ และอิสซายะห์ โธมัส (Isaiah Thomas) เจ้าของความสูง 5 ฟุต 9 นิ้วและน้ำหนัก 185 ปอนด์ รวมทั้งนักบาสเกตบอลคนอื่นๆ ด้วย” พาร์กเกอร์ชี้แจง

สไตล์ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ไนกี้ให้ความสำคัญ บาสเกตบอลเอ็นบีเอมีผู้เล่นหลากหลายกลุ่ม ตั้งแต่ดาวรุ่งวัย 19 จนถึงตำนานวัย 40 ที่สำคัญคือ แต่ละคนมีสไตล์ที่ชอบ ไม่ว่าจะเป็นความกระชับของชุดแข่งหรือความสบายที่พวกเขาต้องการ พาร์กเกอร์อธิบายเพิ่มเติมว่า  “เราสังเกตว่านักบาสเกตบอลที่อายุมากมักจะชอบชุดแข่งที่ใหญ่กว่าตัวและหลวมๆ แต่ผู้เล่นวัยรุ่นจะชอบชุดแข่งที่พอดีตัว และกางเกงที่ขาสั้นกว่าปกติ”

นอกจากสไตล์และคุณสมบัติที่เยี่ยมยอดแล้ว นักบาสเกตบอลเอ็นบีเอยังบอกว่าพวกเขาต้องการชุดที่พวกเขารู้สึกภาคภูมิใจขณะสวมใส่ด้วย พาร์กเกอร์เล่าว่า "นักบาสเกตบอลที่สามารถพัฒนาตัวเองจากระดับสมัครเล่นเป็นผู้เล่นอาชีพได้จะรู้สึกภูมิใจมาก ผู้เล่นบางคนอย่างไครี่ เออร์วิ่ง (Kyrie Irving) เล่าถึงความประทับใจนี้ให้เราฟังหลายต่อหลายครั้ง การได้สวมใส่ชุดแข่งของทีมในเอ็นบีเอมันเป็นสิทธิพิเศษของคนที่เป็นสุดยอดเท่านั้น ผู้เล่นทุกคนภาคภูมิใจกับสิ่งนี้ พวกเขาจึงต้องการชุดแข่งที่ช่วยให้เขารู้สึกว่าพวกเขาเก่งและสามารถทำทุกอย่างได้ในสนาม ถ้าพวกเขาดูดีเมื่อใส่ชุดแข่ง
พวกเขาก็จะรู้สึกดีและทำผลงานได้ดีในที่สุด”

ชุดแข่งบาสเกตบอลรุ่นไนกี้เอ็นบีเอแอสโซซิเอชั่น อิดิชั่น (Nike NBA Association Edition) และรุ่นไอคอน อิดิชั่น (Icon Edition Uniforms) จะวางจำหน่ายในวันที่ 29 กันยายนนี้ ทางเวบไซต์ nike.com/nba ส่วนชุดแข่งบาสเกตบอลรุ่นไนกี้เอ็นบีเอสเตทเมนท์ อิดิชั่น (Nike NBA Statement Edition Uniform) จะวางจำหน่ายทางช่องทางเดียวกันในวันที่ 20 พฤศจิกายนนี้

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook