เส้นทางซูเปอร์สตาร์เมียนมา “เปี่ย ตี่ อู” 20 ปีกับบทบาทพระเอกค้างฟ้า

เส้นทางซูเปอร์สตาร์เมียนมา “เปี่ย ตี่ อู” 20 ปีกับบทบาทพระเอกค้างฟ้า

เส้นทางซูเปอร์สตาร์เมียนมา “เปี่ย ตี่ อู” 20 ปีกับบทบาทพระเอกค้างฟ้า
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หากซูเปอร์สตาร์ค้างฟ้าบ้านเราคือเบิร์ด ธงไชย แมคอินไตย์ ในประเทศเมียนมา “เปี่ย ตี่ อู” นักแสดงหนุ่มชาวเมียนมาคือผู้ที่อยู่ในตำแหน่งนั้น การันตีได้จากการรวมตัวของกลุ่มแฟนคลับและชาวเมียนมา ณ จุดที่เขาปรากฏตัว การเดินทางไปสู่ตำแหน่งซูเปอร์สตาร์เมียนมาของพระเอกวัย 39 ปีคนนี้เริ่มต้นขึ้นอย่างไร ระหว่างเส้นทางนั้นยากลำบากแค่ไหน ดาราเมียนมามีชีวิตคล้ายคลึงหรือแตกต่างจากดาราในบ้านเรา Sanook! Men อยากแนะนำให้ทุกคนรู้จัก “เปี่ย ตี่ อู” ผู้ชายที่เชื่อว่าอาชีพนักแสดงทำให้เขามีชีวิตมากกว่าแบบเดียว

ย้อนให้เราฟังหน่อยค่ะว่าจุดเริ่มต้นการเป็นนักแสดงของคุณเริ่มต้นขึ้นได้อย่างไร
เมื่อประมาณ 20 ปีที่แล้วมีการแข่งขันเล็กๆ ที่ปกติจัดขึ้นเพื่อเลือกดาราใหม่ๆ เข้าสู่วงการ ผมเข้าไปประกวดและได้รางวัลที่ 1 จึงเข้าวงการตั้งแต่ตอนนั้น

ทราบว่าครอบครัวของคุณ ทั้งคุณพ่อและน้องสาวก็เป็นคุณหมอ ส่วนคนอื่นๆ เป็นวิศวกร เพราะสาเหตุใดคุณจึงสนใจงานในวงการบันเทิง
ที่บ้านผมทุกคนสนใจเรื่องการเรียนมาก คุณพ่อกับน้องสาวเป็นหมอ น้องชายเป็นวิศวกร ส่วนผมเรียนจบด้านวิศวกร ตอนนั้นผมก็คิดอยากเป็นวิศวกร แต่ก็ชอบเรื่องการแสดง และได้เห็นดาราดังมีชื่อเสียงประสบความสำเร็จ คนทั้งประเทศรัก เอ็นดู ผมเลยอยากประสบความสำเร็จแบบนั้น แต่พอเข้าวงการแล้วมันก็ไม่ใช่ง่ายๆ ที่จะประสบความสำเร็จ ต้องทำงานหนักและใช้ความอดทน ความพยายาม แต่ถือว่าอาชีพนักแสดงทำให้ผมไม่ได้มีชีวิตแค่ชีวิตเดียว เพราะนักแสดงทำให้เขาได้เล่นหลายบทบาท มันจึงเป็นประสบการณ์ที่ดี

คุณบอกว่าการอยู่ในวงการบันเทิงไม่ใช่เรื่องง่าย และความยากนั้นมันคืออะไร
การทำอะไรด้วยใจรักมันช่วยให้ประสบความสำเร็จได้ประมาณครึ่งนึง แต่การจะเป็นนักแสดงที่ประสบความสำเร็จ มันไม่ใช่แค่ความพยายามแต่มันมีองค์ประกอบหลายอย่าง ทั้งโชค หรือมีคนรักเราหรือเปล่า ความยากของมันคือบางอย่างเราให้มันเต็ม 100 แล้ว แต่มันอาจไม่ได้พาเราไปถึงจุดนั้น มันมีหลายองค์ประกอบ เราไม่สามารถบังคับได้ทุกอย่าง

ผลงานที่สร้างชื่อเสียงให้กับคุณคืออะไร
เป็นวิดีโอชื่อ love house หรือบ้านแห่งความรัก เรื่องเป็นแบบดราม่า ผมรับบทเป็นพระเอกที่รักกับนางเอกมากและมาอยู่ในบ้านหลังนึง ทุกอย่างเหมือนมันดีมาก เป็นบ้านแห่งความรัก แต่แล้ววันนึงนางเอกเป็นเนื้องอกในสมอง สุดท้ายเสียชีวิต นี่เป็นผลงานเมื่อประมาณ 10 ปีที่แล้ว

แสดงว่ากว่าคุณจะมีชื่อเสียงต้องใช้เวลาถึง 10 ปี ระหว่างนั้นคุณรู้สึกท้อและอยากออกจากวงการบันเทิงบ้างไหม
ผมเคยรู้สึกท้อ แต่ทุกครั้งที่ท้อแล้วไม่อยากไปต่อ ความรู้สึกนั้นมันอยู่เป็นชั่วโมง แต่มันแค่ชั่วโมงเดียว ผมต้องบอกตัวเองว่าไม่ได้นะ ผมต้องสู้ต่อไป ถ้าเราอยากจะไปถึงสิ่งที่เราฝัน เราต้องสู้ จากนั้นผมก็จะผลักเรื่องท้อออกไป และผมก็ผ่านมันมาได้จนถึงทุกวันนี้

ตลอดระยะเวลาในวงการบันเทิงมีรางวัลอะไรบ้างที่ทำให้คุณรู้สึกภูมิใจ
ในช่วงเวลา 5 ปีต่อเนื่อง ผมได้รับรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมจากเวทีประกาศผลรางวัลที่เทียบแล้วก็ประมาณรางวัลออสการ์ แต่เป็นออสการ์ของประเทศเมียนมา

หลายคนคงอยากรู้ว่าวงการบันเทิงเมียนมานักแสดงมีการแข่งขันกันเยอะไหม และการทำงานของทีมงานแตกต่างกับเมืองไทยอย่างไร
ที่เมียนมาก็มีการแข่งขันกันสูงเหมือนกัน แต่เรื่องรายได้นั้นถ้าเทียบกับดาราที่เมืองไทย รายได้ของเราอาจยังไม่เยอะเท่าแต่ถ้าเทียบที่เมียนมาก็ถือว่าเยอะ คนที่เป็นดาราก็ได้เงินเยอะกว่าคนทั่วไป ส่วนเรื่องการทำงานระหว่างเมียนมากับเมืองไทยมีความคล้ายกัน แต่ต่างกันที่เมืองไทยจะแบ่งหน้าที่ของใครของมัน

ซูเปอร์สตาร์เมืองไทยเวลาไปเดินที่ไหนใช้ชีวิตยาก สำหรับคุณเป็นแบบนั้นไหม
คงเยอะกว่าที่นี่ ตอนทีมงานที่เมืองไทยไปถ่ายที่นู้นยังตกใจ เพราะมีแฟนคลับและชาวเมียนมามาดูการถ่ายทำเยอะจนควบคุมไม่ได้ แต่ที่เมืองไทยถ้าใครถ่ายหนังอยู่จะไม่มีใครเข้ามายุ่ง ผมจะเดินออกจากบ้านแบบปกติไม่ได้ ต้องอยู่ในรถ จะไปเดินห้างก็ไม่ได้ คนจะเข้ามาล้อมเต็มไปหมด แต่สำหรับผมถือว่าการเป็นนักแสดงทุกคนก็น่าจะมีความรู้สึกนี้เหมือนกัน

คุณมีเคล็ดลับอย่างไรถึงอยู่ในวงการบันเทิงได้ยาวนานถึง 20 ปี
ผมเชื่อว่าน้ำใจเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด การเอาใจเขามาใส่ใจเราก็จำเป็น การทำงานกับใครก็ตาม ผมจะเคารพคนที่ผมทำงานด้วย รวมถึงต้องมีน้ำใจกับทั้งคนที่เราทำงานด้วยและแฟนคลับ

สำหรับเมืองไทยถ้าดาราอายุมากขึ้นจะเปลี่ยนไปรับบทคุณพ่อ คุณอา แต่ที่เมียนมาคุณยังคงเป็นพระเอกอยู่เลย
มันมีความแตกต่าง ถ้าเมืองไทยอาจจะดูแค่รูปร่างภายนอก แต่ที่เมียนมาคนที่เป็นแฟนคลับจริงๆ และรักผม จะรักการแสดงของผม รักในความสามารถ ไม่ได้ดูเรื่องหน้าตา ดารานักแสดงถ้าจะให้อยู่ได้นานๆ ต้องทำให้แฟนคลับรักในการแสดง ไม่ใช่รักแค่หน้าตา

คุณชื่นชอบนักแสดงไทยหรือศิลปินไทยคนไหนเป็นพิเศษ
ถ้าเป็นนักร้องต้องเบิร์ด ธงไชย แต่ถ้าเป็นนักแสดงก็มาริโอ้ เมาเรอ มาริโอ้หล่อ หนังเรื่องพี่มากพระโขนงดังมากในเมียนมา แต่ดาราคนอื่นผมไม่รู้จัก

ทราบว่าคุณตั้งมูลนิธิส่วนตัวเพื่อช่วยเหลือเด็กๆ ด้อยโอกาสทางการศึกษาด้วย
เด็กเมียนมาหลายๆ คนไม่มีเงินเรียนต่อมหาวิทยาลัย ผมเลยตั้งมูลนิธิเพื่อสนับสนุนนักเรียนที่จบชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 แล้วอยากเรียนต่อแต่ขาดแคลนทุนทรัพย์ ผมจะให้ทุนกับนักเรียนที่สนใจศึกษาต่อในสาขาวิศวกรรม และแพทย์ เพราะผมเชื่อว่าในประเทศๆ นึง ถ้าจะให้ประเทศนั้นพัฒนา เรื่องสำคัญคือเรื่องการศึกษา

สำหรับคุณหลังจากนี้คุณวางเป้าหมายในวงการบันเทิงของคุณไว้อย่างไรบ้าง
ผมไม่ได้ดูว่ามีอะไรที่อยากจะทำในวงการบันเทิงหรือเปล่า ผมเชื่อว่ายิ่งอายุมากขึ้น ผมไม่ได้จำว่าผมเล่นหนังเรื่องไหนมาบ้าง แต่ผมจะจำว่าผมช่วยเหลือประชาชนมากแค่ไหน ผมอยากให้คนประทับใจว่าผมช่วยเหลือคนมากกว่า

สุดท้ายแล้ววงการบันเทิงให้อะไรกับคุณบ้าง
สิ่งที่ผมได้รับจากวงการบันเทิงคือความอดทน ความพยายาม ความใจเย็น และการได้รู้จักคนเยอะ แต่ที่สำคัญที่สุดคือผมได้แนวคิดใหม่ๆ อย่างสมัยก่อนเวลาผมทำอะไรก็ตามแล้วไม่เป็นอย่างที่ผมต้องการ ไม่ประสบความสำเร็จ ผมก็จะโทษคนอื่นว่าถ่ายให้ผมไม่ดี ผมถึงไม่ประสบความสำเร็จ หลายคนที่ไม่ประสบความสำเร็จในชีวิต จะจ้องโทษคนอื่นโดยไม่ได้ดูตัวเอง แต่ผมอยู่ในวงการบันเทิงมานาน ได้เรียนรู้ว่าสิ่งสำคัญที่สุดคือตัวเอง ถ้าเราทำดีมันคือตัวเรา ถ้ามันผิดพลาดมันก็คือตัวเรา ไม่ใช่คนอื่น

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook