เมทา ศิริประยูรศักดิ์ อดีตเด็กช่างสู่นักธุรกิจเงินล้าน

เมทา ศิริประยูรศักดิ์ อดีตเด็กช่างสู่นักธุรกิจเงินล้าน

เมทา ศิริประยูรศักดิ์ อดีตเด็กช่างสู่นักธุรกิจเงินล้าน
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

หลายสัปดาห์ก่อนมีโอกาสเดินทางไปร่วมงานแถลงข่าวเปิดตัว "โรงแรมเมเจอร์แกรนด์" โรงแรมหรูแห่งใหม่ล่าสุดในอำเภอชุมแพ จังหวัดขอนแก่น ที่มีมูลค่าร่วม 200 ล้านบาท ภายใต้การบริหารงานของเจ้าสัว "เมทา ศิริประยูรศักดิ์" ประธานกรรมการ Major

เมทา ศิริประยูรศักดิ์
เมทา ศิริประยูรศักดิ์ ถือเป็นนักธุรกิจรุ่นเก๋าที่สร้างเนื้อสร้างตัวมาด้วยแรงกายและแรงใจ อดีตช่างซ่อมมอเตอร์ไซน์ที่เติบโตมาในครอบครัวที่ยากจน ชีวิตผ่านความลำบากยากแค้นมามาก เคยไม่มีเงินติดตัวเลยแม้แต่บาทเดียว แต่ด้วยความมานะ ขยัน และอดทน ทำให้สามารถสร้างธุรกิจเงินล้านขึ้นมาได้จนถึงทุกวันนี้
ชีวิตต้องสู้เพื่อความอยู่รอด
นักธุรกิจยอดนักสู้คนนี้พื้นเพเป็นคนจังหวัดกาญจนบุรี เป็นลูกชายคนเดียวและเป็นน้องคนสุดท้างในจำนวนพี่น้อง 4 คน เกิดมาในครอบครัวที่ยากจน พ่อแม่มีอาชีพปลูกผักขาย ต่อมาได้ย้ายถิ่นฐานมาปักหลักที่อำเภอชุมแพ จังหวัดขอนแก่น จนได้พบและสมรสกับคุณอัญชลี ศิริประยูรศักดิ์ โดยมีบุตรชาย 3 คน
ชีวิตพบเจอมรสุมตั้งแต่อายุได้เพียง 13 ปี เริ่มจากเสาหลักของบ้านอย่างคุณพ่อมาเสียชีวิตลง จากนั้นไม่นานคุณแม่ก็มาจากไปอีกคน เหลือเพียงพี่ ๆ น้อง ๆ ที่ต้องคอยดูแลกันเองเรื่อยมา ทำให้คุณเมทาต้องออกมาหางานทำ เริ่มด้วยการหัดซ่อมรถจักรยาน 2 ล้อ ต่อด้วยการหัดซ่อมรถจักรยานยนต์ โดยไม่มีเงินเดือนและค่าจ้างแม้แต่บาทเดียว ใช้ชีวิตเป็นลูกจ้างนานนับ 10 ปี จึงคิดออกมาสร้างธุรกิจของตัวเอง
"ผมเป็นลูกคนจีน ที่พ่อแม่ไม่ได้มีสมบัติอะไรทิ้งไว้ให้ มีเพียงแค่ความซื่อสัตย์และความพยายามที่ได้จากพ่อและแม่ ฉะนั้นการทำงานที่หามรุ่งหามค่ำ ไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยก็ได้มาจากคุณพ่อ แต่ปัจจุบันนอกจากมีความซื่อสัตย์และความพยายามแล้ว ผมคิดว่าต้องรู้จักเอาตัวรอดและมีความเฉลียวฉลาดด้วย ไม่เช่นนั้นอาจถูกโกงได้ เหมือนผมเมื่อก่อนที่โดนหลอกจนหมดเนื้อหมดตัว ไม่มีเงินติดตัวสักบาท
ส่วนตัวผมชอบรถมอเตอร์ไซค์มาตั้งแต่เด็ก เห็นเพื่อนขี่มอเตอร์ไซค์ เราก็อยากขี่บ้างเพราะไม่เงินซื้อก็ขอยืมเพื่อนขี่แต่เพื่อนไม่ให้ยืม เลยคิดหาวิธีว่าจะทำอย่างไรถึงจะได้ขี่มอเตอร์ไซค์โดยไม่ต้องยืมคนอื่น ก็เลยไปสมัครเป็นช่างซ่อมมอเตอร์ไซค์ หลังจากนั้นก็ไม่ต้องไปยืมมอเตอร์ไซค์ใคร จากช่างซ่อมก็มาเปิดร้านมอเตอร์ไซค์ของตัวเอง แล้วก็ค่อย ๆ เติบโตขึ้นมา"
จากมือเปล่าสู่นักธุรกิจเงินล้าน
ธุรกิจที่สร้างด้วยมือเปล่ากับร้านซ่อมมอเตอร์ไซค์ ในปี 2514 เจริญเติบโตขึ้นมาเป็นลำดับ จนได้รับการส่งเสริมให้เป็นตัวแทนจำหน่ายรถจักรยานยนต์ ซูซูกิ ในปี 2529 จากการศึกษาที่มีโอกาสได้เรียนเพียงแค่ป.4 ก็เริ่มสร้างความหวังเพื่อที่จะศึกษาต่อในระดับที่สูงขึ้น
ปัจจุบันคุณเมทา จบการศึกษาระดับปริญญาตรี จากสถาบันราชภัฏเลย (ศูนย์ขอนแก่น) เมื่อปี 2544 และจบปริญญาโท คณะ MBA มหาวิทยาลัยขอนแก่น ในปี 2547 และปัจจุบันกำลังศึกษาปริญญาเอก ที่มหาวิทยาลัยภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
ด้วยความมุ่งมั่น ซื่อสัตย์ ขยัน และอดทน ทำให้คุณเมทาสามารถก่อร่างสร้างธุรกิจที่เป็นอาณาจักรขนาดใหญ่ภายใต้ชื่อ "วัฒนายนต์กรุ๊ป" ประกอบด้วยบริษัท วัฒนายนต์ ซูซูกิ จำกัด บริษัท มาสด้าวัฒนายนต์ จำกัด บริษัท วัฒนายนต์ แคปปิตอล จำกัด บริษัท เมเจอร์ แกรนด์ บิสสิเนทส์ จำกัด และอู่วัฒนายนต์อินเตอร์กรุ๊ป และธุรกิจอื่น ๆ
"ธุรกิจมอเตอร์ไซค์เป็นธุรกิจแรกที่ทำ โดยเป็นตัวแทนจำหน่ายรถจักรยานยนต์ซูซูกิเพียงยี่ห้อเดียว ซึ่งใช้กลยุทธ์เรื่องของการบริการให้ลูกค้าเกิดความประทับใจมากที่สุด พร้อมกับจัดกิจกรรมคืนกำไรให้กับลูกค้าอยู่เป็นประจำ เช่น ตรวจเช็คเครื่องฟรี ลดราคาอะไหล่ให้ถูกเป็นกรณีพิเศษ
ในส่วนของธุรกิจตัวแทนจำหน่ายรถยนต์มาสด้านั้น ต้องบอกว่าสินค้ามาสด้าของเขาดีจริง ๆ ทั้งมาสด้า 2 และมาสด้า 3 รวมถึงรถกระบะ BT 50 ที่สร้างชื่อเสียงในประเทศมาเกือบ 60 ปีแล้ว ล่าสุดกับธุรกิจใหม่คือ โรงแรมเมเจอร์แกรนด์ หลายคนคงแปลกใจว่า โรงแรมระดับนี้ทำไมมาผุดขึ้นที่อำเภอชุมแพ อยากจะบอกว่าแม้ผมจะไม่ได้เกิดในอำเภอชุมแพ แต่ผมก็เหมือนคนชุมแพแต่กำเนิด
ถึงผมจะไม่ได้มีโอกาสเป็นนักการเมือง แต่นักธุรกิจอย่างผมก็สามารถร่วมสร้างความเจริญให้กับท้องถิ่นได้ จึงตั้งใจสร้างโรงแรมเมเจอร์แกรนด์ให้เป็นเพชรเม็ดงามแก่ชาวชุมแพ ให้ชาวชุมแพได้ร่วมภาคภูมิใจร่วมกัน เพื่อให้ชาวชุมแพมีสถานที่จัดงานมงคลต่าง ๆ ได้อย่างเต็มความภาคภูมิ
ก่อนเริ่มก่อสร้างโรงแรมนั้นได้มีการถกเถียงกันหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเงินลงทุนที่ต้องใช้มหาศาล หรือแม้แต่เรื่องของสถานที่ว่าจะสร้างที่ไหนดี ระหว่างอำเภอชุมแพกับตัวเมืองขอนแก่น ซึ่งเป็นเรื่องที่ท้าทายในการบริหารงาน ในที่สุดทางครอบครัวก็ตัดสินใจที่จะสร้างโรงแรม
ทางลูก ๆ เห็นชอบให้สร้างในตัวจังหวัดขอนแก่น ด้วยเหตุผลที่ว่ามีกำลังซื้อที่สูงกว่า สามารถตั้งราคาได้สูง สรรหาพนักงานและจัดซื้อวัตถุดิบได้ง่ายกว่า แต่หลังจากถกเถียงกันมานาน ก็ได้บทสรุปว่าจะสร้างที่อำเภอชุมแพ เพราะว่าอยากให้ชุมแพเจริญ เพียงแค่ประโยคนี้คำคัดค้านทุกอย่างจากลูก ๆ ก็หมดไป
โรงแรมเมเจอร์แกรนด์ เปิดให้บริการเมื่อวันที่ 9 /9/2009 มีห้องพักทั้งสิ้น 62 ห้อง มีห้องจัดเลี้ยงที่สามารถจุคนได้ถึง 2,500 คน ตอนเริ่มสร้างโรงแรมก็ก่อสร้างมาเรื่อย ๆ แต่พอถึง 160 ล้านบาทแล้ว หลังจากนั้นก็ไม่ได้นับอีกเลยว่าเป็นตัวเลขเท่าไหร่ ซึ่งราคานี้ไม่รวมที่ดิน
หลายคนถามผมว่าลงทุนสร้างขนาดนี้เมื่อไหล่จะคืนทุน ต้องบอกตรง ๆ ว่า ถ้าคิดถึงเรื่องคืนทุนคงไม่กล้าสร้าง เพราะที่นี่เป็นอำเภอ แต่ผมเชื่อว่าอีกไม่นานอำเภอชุมแพจะเจริญมาก ถึงวันนี้ก็มีคนรู้จักโรงแรมของเรามากขึ้นเรื่อย ๆ
จุดเด่นของโรงแรมเมเจอร์แกรนด์ที่เหนือกว่าคู่แข่งคือ การบริการ เป็นโรงแรมที่สวย สะอาด สะดวก กว้างขวางใหญ่โต ปลอดภัย มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน พูดง่าย ๆ ว่า พัก กิน เที่ยวที่เดียวกันที่โรงแรมเมเจอร์แกรนด์ ชุมแพ"
เป้าหมายในการดำเนินธุรกิจและนโยบายการบริหารปกครอง
ปัจจุบันทายาทได้เข้ามาศึกษาและลงมือบริหารแล้ว ตัวผมทำหน้าที่เป็นประธานคอยให้คำปรึกษา และช่วยอบรมพนักงานเท่านั้น หากไม่มีปัญหาอะไรมาก พวกลูก ๆ ก็สามารถทำกันได้ ส่วนเป้าหมายต่อไปหากเป็นเรื่องธุรกิจโรงแรม คิดว่าอนาคตจะเข้าเทคโอเวอร์โรงแรมในต่างจังหวัดอีก เพราะการเทคโอเวอร์รู้สึกจะง่ายกว่าการที่เราไปทำการก่อสร้างเอง ทั้งนี้ ก็ต้องแล้วแต่กรณี
ส่วนนโยบายในการบริหารปกครองผู้ใต้บังคับบัญชานั้น จะใช้การปกครองเหมือนพ่อกับลูก มีดุ มีทำโทษ มีพระคุณและพระเดช ซึ่งพระเดชนั้นจำเป็นต้องตั้งไว้แข็งขัน ไม่ใช้พร่ำเพื่อ จะใช้ก็เฉพาะที่จำเป็นที่สุดเท่านั้น ส่วนของพระคุณ เป็นสิ่งที่ต้องใช้เป็นประจำ ใช้อยู่เรื่อย ๆ แต่ผู้ได้รับก็แทบไม่รู้สึก รู้แต่ว่าดี
สไตล์การทำงาน/หลักคิดในการทำงาน
ผมเป็นคนเชื่อมั่นในตัวเอง มีความเด็ดขาด มีภาวะผู้นำ เวลาที่พบเจอปัญหาหรืออุปสรรคต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการทำงานหรือเรื่องส่วนตัว จะปรึกษาคนในครอบครัวก่อน หรือไม่ก็ประชุมหารือร่วมกัน พร้อมกับปรึกษาท่านที่เราให้ความเคารพนับถือ
หลักคิดในการทำงานที่ใช้อยู่เป็นประจำคือ จะทำอย่างไรให้เรามีคนร่วมงานที่มีความจงรักภักดี ซึ่งผมพยายามอบรมพนักงานทุกคนว่า ให้รักงานที่ตนเองทำ ให้รู้สึกถึงความรับผิดชอบต่องานที่ทำ อย่าให้เกิดความเสียหาย คิดง่าย ๆ ขยัน สร้างความน่าเชื่อถือ และพยายามหาให้มากกว่าใช้ก็พอ
แนวทางการพัฒนาตนเอง/กำลังใจในการทำงาน
ตลอดเวลาผมพยายามหมั่นศึกษาหาความรู้อยู่เสมอ พยายามใกล้ชิดกับบุคคลที่มีความรู้ที่เราต้องการจะศึกษาแนวคิดการทำงาน พยายามขวนขวายหาวิชาเรียนเพิ่มเติม หรือฟังการบรรยายจากท่านผู้มีความรู้และมีประสบการณ์
เวลาที่รู้สึกท้อแท้ สิ่งแรกคือ จะคิดถึงครอบครัวเป็นอันดับแรก แต่ถ้ารู้สึกเครียดมาก ๆ ก็ต้องวางมือสักพัก แล้วหาเวลาพักผ่อน พยายามคิดและมองว่ายังมีคนอื่นที่แย่ยิ่งกว่าเราอีกมาก ปลุกใจและให้กำลังใจตนเอง เงินทองหามาได้เมื่อต้องใช้ก็ต้องใช้ และเมื่อต้องเสียก็ต้องเสีย คิดแบบนี้ก็จะทำให้เกิดความสบายใจ
มุมมองเด็กรุ่นใหม่/แนวคิดการทำงานอย่างมีความสุข
เด็กสมัยใหม่ส่วนใหญ่เรียนไม่จบ หรือจบมาก็ไร้คุณภาพ โอกาสที่จะหางานดี ๆ ทำก็ยาก อนาคตจึงไม่รุ่งเท่าที่ควร เงินทองก็ไม่ค่อยพอใช้จ่าย จึงทำให้เกิดปัญหาต่อสังคม และเด็กสมัยนี้ไม่ค่อยคิดจะเป็นตัวของตัวเอง หางานทำสนุกสนานไปเป็นส่วนใหญ่ ไม่ค่อยคิดอยากจะเป็นเจ้าของกิจการ เพราะไม่อดทน
อยากฝากถึงเด็กรุ่นใหม่ในแง่ของการทำงานให้มีความสุขไว้ว่า อยากให้สนุกกับการทำงาน ไม่เครียด สิ่งใดไม่ดีแล้วตัดทิ้งไป อย่าเอาเรื่องคนอื่นมาให้รกหนักสมอง เท่านี้เราก็จะทำงานอย่างมีความสุขแล้ว
ความภาคภูมิใจจากศูนย์สู่ธุรกิจเงินล้าน
มาถึงวันนี้ผมเป็นคนหนึ่งที่กล้าเดินออกไปอย่างสง่างาม อย่างภาคภูมิใจ จากคนที่มาจากศูนย์ แล้วสร้างเนื้อสร้างตัวได้ขนาดนี้ จากคนที่ไม่มีมอเตอร์ไซน์ขี่ ก็มีมอเตอร์ไซน์ให้ขับเป็นหมื่น ๆ คัน จากคนที่ไม่เคยขับรถยนต์ก็มีรถยนต์ใช้เป็น 10 คัน เพียงพอและพอใจแล้วกับชีวิตที่สร้างมาทุกวันนี้
คาถา 5 ข้อในการทำงานให้ประสบผลสำเร็จ
ซื่อสัตย์ จะทำให้คนรักและไว้ใจ
ประหยัด ประหยัดใช้เมื่อไรก็เหลือ
ขยัน ขยันไม่ขี้เกียจเมื่อไรก็เหลือ คนอื่นก็นิยม
อดทน หากไม่อดทนจะสำเร็จได้อย่างไร โลกนี้ไม่มีของง่าย
มีวิสัยทัศน์ หากมี 4 ข้อแล้ว ถ้าไม่มีความฉลาดก็ยากจะประสบความสำเร็จ

ผู้เขียน : ณัฐกานต์
ช่างภาพ : ณัฐวัตรร

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook