ณัฐวุฒิ อมรวิวัฒน์ “ ผมอยากช่วยให้คนทำดีได้ง่ายขึ้น ”

ณัฐวุฒิ อมรวิวัฒน์ “ ผมอยากช่วยให้คนทำดีได้ง่ายขึ้น ”

ณัฐวุฒิ อมรวิวัฒน์ “ ผมอยากช่วยให้คนทำดีได้ง่ายขึ้น ”
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

The
Creator
ณัฐวุฒิ อมรวิวัฒน์
Businessman
( 42 ปี )

“ ผมอยากช่วยให้คนทำดีได้ง่ายขึ้น ”

 อดีตพิธีกรรายการเจาะใจ ปัจจุบันเข้าเป็นนักธุรกิจสายไอที ผู้ก่อตั้ง T2P บริษัท e-wallet รับชำระเงินให้กับธุรกิจและเกมผ่านระบบ Payment Gateway และบริษัท Focal Intelligence ธุรกิจออกแบบแอปพลิเคชั่น Read For The Blind ที่ช่วยให้คนทำดีได้ง่ายขึ้นด้วยการอ่านหนังสือให้คนตาบอดผ่านระบบออนไลน์

แรงบันดาลใจของแอปพลิเคชั่น Read for the Blind คืออะไร
ตอนนั้นภรรยาของผมป่วยด้วยโรคมะเร็งครับ นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เรานึกอยากทำบุญ จึงลองไปอ่านหนังสือบันทึกเสียงให้คนตาบอดที่ห้องสมุด ซึ่งกว่าจะทำอย่างนั้นได้ก็ต้องใช้เวลาและมีกระบวนการที่ค่อนข้างยุ่งยากเหมือนกัน เราจึงคิดว่าน่าจะมีวิธีอื่นที่ง่ายกว่านี้ไหม เพราะก็มีหลายคนที่นึกอยากทำอย่างนั้น แต่ด้วยเหตุปัจจัยหลายอย่างทำให้เขาไม่สามารถจะทำอย่างนั้นได้สักที จึงคิดทำแอปพลิเคชั่นที่จะช่วยทำให้คนอ่านหนังสือสำหรับคนตาบอดได้ง่ายขึ้น โดยที่เขาไม่จำเป็นต้องเดินทางไปถึงห้องสมุดเลยด้วยซ้ำ

คุณค้นพบอะไรจากความสำเร็จที่เกินคาดของแอปพลิเคชั่นดังกล่าว
ภายในระยะเวลา 1 ปีที่ผ่านมา เราพบว่ามีคนจำนวนมากกว่า 3,000 คนที่เข้ามาอ่านหนังสือให้คนตาบอด และมีหนังสือที่ทุกคนช่วยกันอ่านจนเสร็จสมบูรณ์แล้วหลายพันเล่มในระยะเวลาเพียงไม่นาน ซึ่งหากไปอ่านหนังสือให้คนตาบอดที่ห้องสมุดคงจะต้องใช้เวลานานกว่านี้ จึงพูดได้ครับว่ามีคนที่อยากทำดีอยู่อีกมากมาย และแอปพลิเคชั่นนี้ก็ช่วยให้เขาทำดีกันได้ง่ายขึ้น นอกจากนี้เรายังเปิดเฟซบุ๊กเพจ ‘ช่วยอ่านหน่อยนะ’ ที่ให้อาสาสมัครช่วยทำหน้าที่เป็นตาในการอ่านสิ่งที่คนตาบอดถ่ายรูปส่งมา เช่น ฉลากยา หรือเอกสารต่างๆ ซึ่งก็ได้รับผลตอบรับที่ดีมากเช่นกันครับ

คุณมองการณ์ว่าความก้าวหน้าของโลกออนไลน์จะส่งผลดีหรือลบต่อสังคมและโลกอย่างไร
แม้ผลกระทบในแง่ลบอย่างที่หลายคนกลัวอาจมีอยู่จริง แต่โซเชียลมีเดียก็จะอยู่กับเราไปตลอดกาล เทคโนโลยีทุกอย่างล้วนมีผลกระทบทั้งด้านบวกและลบ ขึ้นอยู่กับการนำไปใช้ แต่จากประสบการณ์ที่ผมเห็นเองกับตัวในเรื่องนี้ ผมพบว่าพลังของการร่วมกันทำความดีมันสูงมากนะครับ ซึ่งการร่วมกันทำดีแบบนี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลยหากปราศจากโซเชียลมีเดีย และผมคิดว่ายังมีเรื่องราวดีๆ อีกเยอะที่เกิดขึ้นได้โดยอาศัยการเชื่อมต่อกันของผู้คนในโซเชียลมีเดีย จึงอยากฝากไปถึงผู้อ่าน Elle Men ทุกคนว่าหากเราช่วยกันคิดวิธีดีๆ ที่จะใช้โซเชียลมีเดียในการทำดี หรือหากเราเห็นว่ามีแง่มุมไหนที่โซเชียลช่วยให้เกิดขึ้นได้ ลองกับมันสักตั้งหนึ่ง แล้วดูกันว่าจะเกิดขึ้นได้ไหม หากไม่เกิดก็ไม่เห็นไม่เป็นไร แต่รับรองได้เลยครับว่าเราจะได้เห็นอะไรดีๆ ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนในโลกยุคก่อนหน้านี้

เรื่อง : วรัญญู อินทรกำแหง

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook