เก็บเงินอย่างไรเพื่อซื้อบ้านหลังแรกให้ได้
คำที่ถูกค้นบ่อย
    Sanook//s.isanook.com/sr/0/images/logo-new-sanook.png60060
    //s.isanook.com/hm/0/ud/5/27421/tnhome211.jpgเก็บเงินอย่างไรเพื่อซื้อบ้านหลังแรกให้ได้

    เก็บเงินอย่างไรเพื่อซื้อบ้านหลังแรกให้ได้

    2020-10-21T03:18:00+07:00
    แชร์เรื่องนี้

    บ้านหลังแรกเป็นความฝันของคนวัยทำงานเกือบทุกคน แต่กว่าจะซื้อบ้านหลังแรกได้หลายคนต้องนั่งหาข้อมูล หรือ เลือกแบบบ้านที่พอใจอยู่นาน หากแต่สิ่งหนึ่งที่หลายคนมองข้าม คือการเก็บเงินเพื่อซื้อบ้านหลังแรก สัปดาห์นี้เรามีเคล็ดลับสำหรับเก็บเงินเพื่อซื้อบ้านหลังแรกมาฝาก ใครอยากทำฝันให้เป็นจริงติดตามกันได้เลย

    เริ่มต้นด้วยกฎหักเงิน 25 เปอร์เซ็นต์จากรายได้ หนทางเริ่มต้นเก็บเงินเพื่อซื้อบ้านหลังแรกที่คุณต้องทำคือ หักเงินจากรายได้ประจำ 25 เปอร์เซ็นต์ให้ได้ทุกเดือน เงินจำนวนนี้เมื่อหักแล้วจะกลายเป็นเงินก้อน ที่นำเอาไปดาวน์บ้านได้ เหนืออื่นใดยังเป็นการวัดได้ด้วยว่า เมื่อถึงเวลาที่คุณซื้อบ้านและต้องผ่อนบ้านจริง ๆ ซึ่งจำนวนเงินผ่อนจะอยู่ที่ประมาณ 25-30 เปอร์เซ็นต์จากรายได้ ซึ่งเป็นจำนวนที่คุณสามารถคำนวนค่าใช้จ่ายได้ และแสดงให้เห็นว่าคุณผ่อนบ้านไหว

    เตรียมเงินไว้อีกก้อนแม้ว่าจะซื้อบ้านได้แล้วแต่ค่าใช้จ่ายไม่จบ การเก็บเงินเพื่อดาวน์บ้านสักหลักเป็นแค่จุดเริ่มต้นเท่านั้น เพราะหลังจากได้บ้านมาครอบครองแล้ว ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับบ้านก็จะตามมา เริ่มจากการซื้อประกันให้กับบ้าน ค่าซ่อมแซม หรือค่าบำรุงรักษา ไม่รวมค่าตกแต่งหรือต่อเติมตามความต้องการของแต่ละคน ซึ่งค่าใช้จ่ายเหล่านี้เป็นค่าใช้จ่ายรายเดือนที่คุณต้องเผื่อเอาไว้จากรายรับ เพื่อให้ไม่กระทบกับสถานะการเงินของตนเอง ถ้าต้องผ่อนบ้านจนไม่เหลือเงินซ่อมบ้าน หรือบำรุงรักษาบ้านแบบนี้ก็ไม่ไหวเช่นกัน

    เงินดาวน์ควรจะเป็นตัวกำหนดราคาบ้านที่คุณจะซื้อ โดยทั่วไปแล้ว หากคุณต้องการซื้อบ้านสักหลัก มีคำแนะนำนำว่าคุณควรมีเงินดาวน์ที่ 20 เปอร์เซ็นต์จากราคาบ้านอาทิ ถ้าคุณเก็บเงินได้ประมาณ 5 แสนบาท และคิดว่าจะดาวน์บ้านสักหลัก และเงินที่คุณคิดว่าจะเอาไว้ดาวน์บ้านจะอยู่ที่ 3 แสนบาท ราคาบ้านที่คุณจะซื้อได้จะอยู่ที่ 1.5 ล้านบาท ซึ่งวิธีการคิดแบบนี้จะทำให้คุณสามารถซื้อบ้านที่อยู่ในกำลังทรัพย์ที่เพียงพอจะซื้อ แต่ถ้าคุณคิดว่าซื้อบ้านทำไมต้องวางเงินดาวน์ สมัยนี้ไม่มีใครวางเงินดาวน์กันแล้ว นั่นเท่ากับว่าคุณกำลังแบกรับภาระหนี้ก้อนใหญ่ ที่จะทำให้เงินผ่อนแต่ละเดือนของคุณไม่สามารถหักเงินต้นได้เลย และ ส่งผลให้คุณต้องส่งหนี้ก้อนนี้นานเกินไป ดังนั้นลองดูบ้านที่พอกับกำลังซื้อของคุณเอง

    เลือกบ้านที่คุณมีกำลังผ่อนไหว หลายคนเวลาจะซื้อบ้าน มักมีกองเชียร์บอกว่า ซื้อแล้วซื้อให้ดีไปเลย หรือซื้อไปเถอะ อีกหน่อยรายได้ก็เพิ่ม เสียงเชียร์เหล่านี้น่าจะหวังดีแหละ อยากให้คุณอยู่สบาย แต่เสียงเชียร์เหล่านี้ไม่ได้มาร่วมผ่อนกับคุณนะ เมื่อซื้อบ้านที่ต้องใช้เงินผ่อนต่อเดือนเกิน 40 เปอร์เซ็นต์ของรายรับ นั่นเท่ากับว่าคุณจะอยู่บนความเสี่ยงตลอดเวลา ถามว่าความเสี่ยงนั้นคืออะไร คำตอบคือความไม่แน่นอนของชีวิตไง ถ้าคุณรายได้ 2 หมื่นบาท ผ่อนบ้าน 50 เปอร์เซ็นต์จากรายได้ เท่ากับว่าคุณเหลือเงินใช้จ่ายอีก 1 หมื่นบาท นั่นหมายถึงค่าใช้จ่ายตลอดทั้งเดือนซึ่งน่าจะทำให้คุณลำบากไม่น้อย และถ้าเกิดมี Accident กับชีวิต ไม่สบายกระทันหัน หรือเกิดอุบัติเหตุ หรือแม้แต่บริษัทเลิกจ้าง คราวนี้คุณจะเอาเงินที่ไหนผ่อนบ้าน เอาเงินที่ไหนมาเป็นค่าใช้จ่าย แต่ถ้าคุณเลือกบ้านที่คุณมีกำลังผ่อนไหว จะทำให้จ่ายต่อเดือนไม่เกิน 40 เปอร์เซ็นต์ของรายได้ และเหลือเงินเก็บเอาไว้ใช้ในยามฉุกเฉินได้ด้วย