Sanook //s.isanook.com/sr/0/images/logo-new-sanook.png 600 60
//s.isanook.com/he/0/ud/3/18109/senior-fall.jpg
“หลอดเลือดสมอง” สาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้น ๆ ของไทย 2019-11-22T11:51:00+07:00 22 พ.ย. 62 (11:51 น.)
โรคหลอดเลือดสมอง พบบ่อย และเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับต้น ๆ ของไทย สาเหตุจากพันธุกรรม และพฤติกรรมการใช้ชีวิต สังเกตอาการเตือนให้ดีก่อนอันตราย และสายเกินแก้
นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ เปิดเผยว่า โรคหลอดเลือดสมอง เป็นโรคที่พบบ่อยที่สุดโรคหนึ่งของโรคทางระบบประสาท และเป็นสาเหตุการตายที่สำคัญใน อันดับต้นๆ ของประเทศ โรคนี้ถ้าหากได้รับการรักษาไม่ทันท่วงทีส่วนใหญ่ จะมีความพิการหลงเหลือตามมา
โรคหลอดเลือดสมอง คืออะไร ?
นิตยา พันธุเวทย์ และลินดา จาปาแก้ว จาก สำนักโรคไม่ติดต่อ กรมควบคุมโรค ให้ข้อมูลว่า โรคหลอดเลือดสมอง (Stroke) หรือโรคอัมพฤกษ์ อัมพาต คือ ภาวะที่สมองขาดเลือดไปเลี้ยงท าให้ อาการชาที่ใบหน้า ปากเบี้ยว พูดไม่ชัด แขน ขา ข้างใดข้างหนึ่ง อ่อนแรงเคลื่อนไหวไม่ได้หรือเคลื่อนไหวล าบาก อย่างทันทีทันใด เป็นนาทีหรือเป็นชั่วโมง แบ่งเป็น 2 ประเภทตามลักษณะที่เกิด คือ โรคหลอดเลือดสมองตีบ หรือตัน (Ischemic stroke) และโรคหลอดเลือดสมองแตก (Hemorrhagic stroke)
ประเภทของโรคหลอดเลือดสมอง
โรคหลอดเลือดสมองแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม
โรคหลอดเลือดสมองตีบ (Ischemic stroke) พบประมาณ 70–75% ของโรคหลอดเลือดสมองทั้งหมด ทาให้เซลล์สมองและเซลล์เนื้อเยื่ออื่นๆ ขาดเลือดอย่างเฉียบพลัน ซึ่งอาจเกิดจากภาวะที่มีการเปลี่ยนแปลงที่ผนังหลอดเลือด เช่น ไขมันและเกล็ดเลือด มาเกาะที่ผนังหลอดเลือดหรือมีการสร้างชั้นของผนังเซลล์หลอดเลือดที่ผิดปกติ ทาให้ผนังหลอดเลือดหนาและเสียความยืดหยุ่น ทาให้มีการตีบหรืออุดตันของหลอดเลือดได้ นอกจากนี้ อาจจะเกิดจากลิ่มเลือดที่มาจากที่อื่นๆ เช่น ลิ่มเลือดจากหัวใจหรือจากหลอดเลือดแดงคาโรติดที่คอหลุดลอยมาอุดตันหลอดเลือดในสมอง เป็นต้น ซึ่งผู้ป่วยจะมีอาการชา อ่อนแรงของแขนขาซีกใดซีกหนึ่ง ปากเบี้ยว พูดไม่ชัด อาจเคยมีอาการมาก่อน แล้วดีขึ้นเองเป็นปกติ ซึ่งเป็นลักษณะอาการของโรคหลอดเลือดสมองตีบชั่วคราว มักมีอาการหลังตื่นนอน หรือขณะทากิจกรรม ผู้ป่วยอาจมีอาการอ่อนแรงมากขึ้นและซึมลงภายใน
โรคหลอดเลือดสมองแตก (Hemorrhagic stroke) พบน้อยกว่าโรคหลอดเลือดสมองตีบ แต่มีความรุนแรงมากกว่า พบโรคหลอดเลือดสมองแตกประมาณ 25-30% โดยแบ่งได้เป็น 2 ชนิด คือ 1) เลือดออกในเนื้อสมอง (Intracerebral hemorrhage) ซึ่งจะพบลักษณะของลิ่มเลือดในเนื้อสมอง และ 2) เลือดออกใต้ชั้นเยื่อหุ้มสมอง (Subarachnoid hemorrhage) ผู้ป่วยจะมีเนื้อสมองที่บวมขึ้น และกดเบียดเนื้อสมองส่วนอื่นๆ และทาให้การทางานของสมองที่ถูกเบียดเสียไป
สาเหตุของโรคหลอดเลือดสมองแตก อาจเกิดจากความดันโลหิตสูง หลอดเลือดสมองโป่งพอง เป็นต้น มักมีอาการปวดศีรษะทันที อาเจียน แขนขาอ่อนแรงหรือชาครึ่งซีก พูดไม่ชัด ปากเบี้ยว ชัก หรือหมดสติได้
ปัจจัยเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมอง
ปัจจัยเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมองที่สำคัญ เช่น
อายุมากกว่า 65 ปี (แต่สามารถพบโรคนี้ได้ต้ังแต่อายุ 25 ปีขึ้นไป)
ความดันโลหิตสูง
ผู้ป่วยโรคหัวใจ
เบาหวาน
ไขมันในเลือดสูง
มีญาติสายตรงป่วยโรคหลอดเลือดสมอง
ขาดการออกกำลังกาย
น้ำหนักเกิน
สูบบุหรี่
ดื่มแอลกอฮอล์
เป็นต้น
สัญญาณอันตราย โรคหลอดเลือดสมอง
ผู้ป่วยจะมีอาการเตือนสำคัญ คือ
แขน ขาอ่อนแรงซีกเดียวของร่างกาย
สับสน พูดลำบาก พูดไม่รู้เรื่อง
ตามองเห็นลดลง 1 หรือทั้ง 2 ข้าง
มีปัญหาการเดิน
มึนงง
หลักการจำง่ายจากคำว่า FAST
F = Face เวลายิ้มพบว่ามุมปากข้างหนึ่งตก A = Arms ยกแขนไม่ขึ้น 1 ข้าง S = Speech มีปัญหาด้านการพูดแม้ประโยคง่ายๆ พูดแล้วคนฟัง ฟังไม่รู้เรื่อง T = time ผู้มีอาการดังกล่าวต้องรีบไปโรงพยาบาลเพื่อรับการรักษาโดยด่วน ภายใน 3 ชั่วโมง จะได้ช่วยรักษาชีวิตและสามารถฟื้นฟูกลับมาได้เป็นปกติหรือใกล้เคียงคนปกติมากที่สุด
วิธีลดความเสี่ยงโรคหลอดเลือดสมอง
แก้ไขภาวะไม่ปกติของร่างกายให้หายโดยไว เช่น ภาวะน้ำหนักเกิน ไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง เป็นต้น
กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ เน้นผักผลไม้ที่มีกากใยอาหาร และโปรตีนที่ไขมันต่ำ
หลีกเลี่ยงอาหารเค็ม และไขมันสูง
ออกกำลังกายสม่ำเสมอ อย่างน้อย 3-5 วันต่อสัปดาห์ หรือสัปดาห์ละ 150 นาทีเป็นต้นไป
ควบคุมน้ำหนักไม่ให้เกินกว่าเกณฑ์ปกติ
งดเครื่องดื่มมึนเมา
เลี่ยงสูบบุหรี่
ตรวจสุขภาพ ประจำปี
พญ.ไพรัตน์ แสงดิษฐ ผู้อำนวยการสถาบันประสาทวิทยา กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัญหาที่สำคัญของผู้ป่วยโรคหลอดเลือดสมองคือการที่ไม่สามารถช่วยเหลือตนเองได้ จำเป็นต้องรักษาหรือฟื้นฟูด้วยวิธีต่าง ๆ เพื่อให้ร่างกายมีสภาพที่ดีขึ้น ช่วยเหลือตัวเองได้มากขึ้นสำหรับวิธีการฟื้นฟูผู้ป่วยอัมพฤกษ์อัมพาตควรทำความเข้าใจร่วมกันระหว่างแพทย์ผู้ป่วยและผู้ดูแลเพื่อการดูแลได้อย่างถูกต้องเหมาะสม เนื่องจากเป็นการฟื้นฟูผู้ป่วยที่เจ็บป่วยเรื้อรังหรือฉับพลันเพื่อลดความพิการหรือป้องกันความพิการให้ได้มากที่สุดใช้ชีวิตให้เป็นปกติและมีคุณภาพชีวิตที่ดี
สำหรับการวินิจฉัยโรคว่าคนไข้อ่อนแรงจากอัมพฤกษ์ อัมพาตหรือไม่ หรือเป็นที่กล้ามเนื้อและกระดูก แพทย์จะซักประวัติและอาจเอกซเรย์สมองร่วมด้วย หากพบว่าเป็นโรคนี้จะส่งให้แพทย์ดูแลอาการให้สภาพคงที่จากนั้นส่งไปยังศูนย์ฟื้นฟูเพื่อกายภาพบำบัดตามลำดับ
ดังนั้น ประชาชนจึงควรมีความรู้เบื้องต้นในการป้องกันการเกิดโรคหลอดเลือดสมองและการทราบถึงอาการเบื้องต้นเพื่อจะรักษาได้ทันเวลาเพิ่มการเยียวยาอาการให้ดีขึ้น เช่น การให้ยาละลายลิ่มเลือดในภาวะเส้นเลือดในสมองตีบ และการดูแลที่เหมาะสมในผู้ป่วยที่มีเส้นเลือดในสมองแตกจะช่วยลดอัตราการเกิดภาวะแทรกซ้อน และลดอัตราการเสียชีวิตได้
แชร์เรื่องนี้
คัดลอกลิงก์
โหลดเนื้อหาเพิ่มเติม
กลับขึ้นไปด้านบน