เทคนิคเลี้ยงลูกแบบพ่อแม่ยุค 4.0 #เชื่อในสิ่งที่เค้ารักเพื่ออนาคตที่เค้าชอบ

เทคนิคเลี้ยงลูกแบบพ่อแม่ยุค 4.0 #เชื่อในสิ่งที่เค้ารักเพื่ออนาคตที่เค้าชอบ

เทคนิคเลี้ยงลูกแบบพ่อแม่ยุค 4.0 #เชื่อในสิ่งที่เค้ารักเพื่ออนาคตที่เค้าชอบ
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

เคยบ้างไหม ที่ในบางครั้งขณะที่เราชาวเบบี้บูมเมอร์ เจนเอ็กซ์ หรือกระทั่งเจนวายกำลังนั่งจรดนิ้วบนแป้นพิมพ์ทำงานอยู่ดีๆ แล้วลองนึกย้อนไปถึงคำตอบของตัวเองในวัยเด็ก เมื่อมีใครสักคนถามว่า “โตขึ้นหนูอยากเป็นอะไร?” ซึ่งเราก็ตอบปาวๆ ไปตามเรื่องว่า อยากเป็นครู หมอ พยาบาล ทหาร ตำรวจ ฯลฯ เพียงเพื่อจะเติบโตมาเป็นมนุษย์เงินเดือนอย่างในทุกวันนี้

จะดีแค่ไหนถ้าเรารู้จักตัวเองตั้งแต่เด็กว่ามีความถนัดและรักจะทำอะไร จะได้โตมาเป็นผู้ใหญ่ที่ประกอบอาชีพนั้นๆ ได้อย่างสมบูรณ์แบบ โดยเฉพาะโลกในปัจจุบันและอนาคตข้างหน้าที่อะไรๆ ก็กลายเป็นอาชีพได้ ที่สำคัญคือ อาชีพที่ประสบความสำเร็จในอนาคตอาจเป็นอาชีพที่เราคาดไม่ถึง อย่างคนที่ชอบเที่ยวหนักมากก็สามารถหาเงินจากการเป็นบล็อกเกอร์ท่องเที่ยว ใครที่ชอบสร้างสรรค์คอนเทนท์ดีๆ ก็เป็นยูทูบเบอร์ได้ หรือแม้แต่เด็กที่ชอบเล่นเกมทั้งวันทั้งคืน แทนที่จะเป็นเด็กไม่มีอนาคตอย่างที่ผู้ใหญ่ยุคหนึ่งชอบตำหนิ เด็กสมัยนี้กลับสร้างรายได้จากการประกอบอาชีพนักแคสต์เกมได้สบายๆ

ก็เพราะความถนัดของเด็กๆ นั้นต่างกัน ดังนั้น พ่อแม่จึงควรสังเกตและรู้ให้ได้ว่าลูกของเรามีแววเด่นในด้านใด จากนั้นก็ดึงศักยภาพที่มีอยู่ในตัวลูกออกมา เพื่อส่งเสริมให้เขาเป็นเด็กสมองไว สามารถเรียนรู้ได้รวดเร็วในเรื่องต่างๆ เพื่อเป็นพื้นฐานที่แข็งแรงสำหรับต่อยอดการเรียนรู้ต่อไปในอนาคต

และนอกจากการสังเกตและเลี้ยงดูลูกอย่างใกล้ชิดแล้ว อย่าลืมใส่ใจเรื่องอาหารการกินของลูกด้วย เพราะสมองที่กำลังพัฒนาก็ต้องการการบำรุงเช่นกัน

แน่นอนว่าอาหารมื้อแรกของมนุษย์ทุกคนก็คือ นมแม่ ซึ่งถือเป็นสุดยอดอาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูงสุด และยังมีภูมิคุ้มกันโรคต่างๆ ครบถ้วน จึงไม่แปลกที่องค์การอนามัยโลก (WHO) จะแนะนำให้ทารกทานนมแม่เพียงอย่างเดียวนาน 6 เดือน และทานนมแม่อย่างต่อเนื่องควบคู่กับอาหารที่เหมาะสมตามวัยจนอายุ 2 ปี หรือมากกว่า ดังนั้น คุณแม่ทั้งหลายห้ามละเลยการป้อนนมลูกจากอกเป็นอันขาด

ลำดับต่อมาก็คือ การให้ลูกทานอาหารเสริมที่อุดมด้วยคุณค่าทางโภชนาการ ที่เป็นสารอาหารทั้ง 5 หมู่ และทานอาหารที่มีสารอาหารเสริมสร้างไมอีลิน เช่น สฟิงโกไมอีลิน โคลีน ดีเอชเอ เป็นต้น ซึ่งสฟิงโกไมอีลินเป็นไขมันฟอสโฟไลปิด พบได้ในน้ำนมแม่ ไข่ ครีม ชีส และนม ที่จะช่วยให้การทำงานของระบบประสาททำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพยิ่งขึ้น จึงช่วยส่งเสริมการพัฒนาศักยภาพสูงสุดให้กับเด็กนั่นเอง ครั้งหน้าที่ต้องเลือกอาหารเสริมให้กับลูกน้อย คุณแม่จึงควรพิจารณาส่วนผสมและคุณค่าของอาหารแต่ละชนิดให้ดี

นอกเหนือไปจากการใส่ใจเรื่องอาหารการกินแล้ว คุณพ่อคุณแม่ควรเลี้ยงดูลูกน้อยด้วยความรักและเอาใจใส่อย่างใกล้ชิด ไม่ต้องบังคับให้ลูกเรียนพิเศษหรือทำกิจกรรมเสริมเยอะเกินไป แต่ควรหมั่นสังเกตว่าเขามีความสนใจในกิจกรรมใดเป็นพิเศษ โดยเฉพาะในช่วงแรกเกิดถึง 6 ขวบปีแรก ที่เด็กๆ เริ่มฉายแววเด่นกันแล้ว

เช่น เด็กที่ชอบสังเกตรายละเอียดของรูปภาพ หรือสิ่งต่างๆ ที่เห็นในชีวิตประจำวัน มีแววว่าจะไปได้ดีทางด้านศิลปะ เด็กที่ชอบทดลองเอาโน่นมาผสมนี่ (หรือที่แม่ๆ นิยามว่า “ซน”) ก็มีแววว่าจะเป็นนักประดิษฐ์หรือนักวิทยาศาสตร์ที่ดีได้ เด็กที่ได้ยินเสียงเพลงไม่ได้เป็นต้องลุกขึ้นมายักย้ายส่ายเอว หรือร้องเพลงตาม ก็แน่นอนว่ามีแววเป็นเอนเตอร์เทนเนอร์ที่ดีได้ในอนาคต

ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่อย่าให้อารมณ์เป็นตัวนำความรู้สึก เห็นลูกนักประดิษฐ์จอมซนทำบ้านรก ก็อย่าเพิ่งตี หรือศิลปินน้อยเอาปากกามาขีดผนังจนเละไปหมดก็ขอให้ข่มใจไว้ แล้วค่อยๆ สอนให้เขามีระเบียบวินัยไปทีละน้อย อย่าเริ่มด้วยการดุด่าว่ากล่าว เพราะจะทำให้เด็กคิดว่าสิ่งที่กำลังทำอยู่เป็นเรื่องที่ผิด จนเกิดปมฝังใจ และหันหลังให้พรสวรรค์ดีๆ ที่แฝงมากับตัว

การเลี้ยงลูกโดยสนับสนุนส่งเสริมให้พวกเขาเป็นเด็กเก่งสมองไว และเต็มเปี่ยมไปด้วยศักยภาพไม่ใช่เรื่องไกลตัวหรือยากจนเกินไป หากพ่อแม่ให้ความสำคัญใส่ใจลูก ทั้งในเรื่องของสมองและโภชนาการ อย่างเรื่องของสฟิงโกไมอีลิน ก็จะทำให้เขาประสบความสำเร็จในอนาคตได้

#เชื่อในสิ่งที่เค้ารักเพื่ออนาคตที่เค้าชอบ #แม่2040 #สฟิงโกไมอีลิน #S26ProgressGold

(Advertorial)

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook