องค์การอนามัยโลกชี้ "ติดเกม" เป็นอาการผิดปกติทางจิตอย่างหนึ่ง

องค์การอนามัยโลกชี้ "ติดเกม" เป็นอาการผิดปกติทางจิตอย่างหนึ่ง

องค์การอนามัยโลกชี้ "ติดเกม" เป็นอาการผิดปกติทางจิตอย่างหนึ่ง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

นับเป็นครั้งแรกที่ WHO หรือ องค์การอนามัยโลก บรรจุอาการผิดปกติในการเล่นเกม หรือ การติดเกม ลงในคู่มืออ้างอิงโรคฉบับใหม่ “International Classification of Diseases” (ICD) ในหมวดหมู่ความผิดปกติทางจิต

คู่มือ ICD ประกอบไปด้วยสาเหตุของการเกิดโรคต่างๆ กว่า 1,000 ชนิด รวมไปถึงวิธีป้องกัน และรักษาอาการบาดเจ็บและเสียชีวิตทั่วโลกอีกด้วย

คู่มือดังกล่าวได้รับการแก้ไขครั้งสุดท้ายเมื่อ 28 ปีที่แล้ว ส่วนการแก้ไขเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ ได้เพิ่มเติมอาการติดเกม ให้อยู่ในหมวดหมู่ของสุขภาพจิตและสิ่งเสพติด เนื่องจากความต้องการใช้บริการต่างๆ เพื่อรับมือกับปัญหานี้กำลังเพิ่มมากขึ้น

การติดเกมมักจะเกิดจากการถูกล่อใจด้วยรางวัลต่างๆ อย่างเช่นการได้แต้มมากๆ ในการแข่งขัน หรือได้เงินรางวัล เกมเหล่านี้มักเล่นบนอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ หรือวิดีโอ และผู้เชี่ยวชาญกล่าวว่าการติดเกม มักมีอาการคล้ายกับการติดสุราหรือติดสารเสพติดได้

อย่างไรก็ดี เจ้าหน้าที่องค์การอนามัยโลก กล่าวว่า การสำรวจครั้งนี้ ซึ่งส่วนใหญ่รวบรวมสถิติจากประเทศในเอเชียตะวันออกและเอเชียใต้ พบว่ามีผู้ติดเกมเพียง 2-3 เปอร์เซนต์ เท่านั้น

ถึงกระนั้น เชคก้า แซคเซนา (Shekhar Saxena) ผู้อำนวยการฝ่ายสุขภาพจิตและการใช้สารเสพติด ขององค์การอนามัยโลก อธิบายถึงพฤติกรรมต่างๆ ที่เป็นสัญญาณเตือนของการติดเกมว่า หากมีเด็ก หรือใครก็ตามในบ้านที่ใช้เวลาในการเล่นเกมมากเกินไป จนไม่สามารถแบ่งเวลาไปทำอย่างอื่น เช่น เรียนหนังสือ การเข้าสังคม ผู้ปกครองควรจะต้องดูแลอย่างใกล้ชิด รวมทั้งอาจต้องขอความช่วยเหลือด้วย

 

อย่างไรก็ตาม มีผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยาบางส่วนที่ออกมาคัดค้านการจัดให้การเล่นวิดีโอเกมเป็นภาวะเสพติด

โดยบอกว่า การเล่นวิดีโอเกมของคนบางกลุ่มอาจใช้เพื่อการต่อสู้กับภาวะซึมเศร้าหรือภาวะกระวนกระวายใจที่พวกเขาเผชิญ รวมทั้งยังพบว่าเด็กที่ขาดทักษะทางสังคมก็มีแนวโน้มจะติดเกมได้เหมือนกัน ซึ่งหากสามารถแก้ไขปัญหาที่ต้นเหตุได้ ความต้องการเล่นเกมของเด็กกลุ่มนี้ก็จะลดลงไปได้เช่นกัน

นายคริสโตเฟอร์ มุลลิแกน ผู้ก่อตั้งศูนย์บำบัดผู้เสพติดโลกไซเบอร์ ในนครลอสแองเจลีส เป็นอีกเสียงที่บอกว่า ผู้ที่เสพติดการใช้เทคโนโลยีนั้นไม่สามารถรักษาด้วยบำบัดเหมือนกับผู้ที่ติดสุราหรือติดสารเสพติด

คุณมุลลิแกน ย้ำว่า ท้ายที่สุดแล้วคนกลุ่มนี้ก็จะหันหน้าไปหาเทคโนโลยีอยู่ดี ไม่ว่าจะบนคอมพิวเตอร์หรือสมาร์ทโฟน ดังนั้น การสอนให้พวกเขารู้จักรับมือและเข้าใจถึงการใช้เทคโนโลยีอย่างยั่งยืน แทนที่จะปล่อยให้สิ่งเหล่านี้ครอบงำพวกเขาได้

ทั้งนี้ ทางองค์การอนามัยโลก ได้บรรจุอาการผิดปกติในการเล่นเกม หรือ การติดเกม เป็นโรคชนิดหนึ่ง เพื่อให้ทั่วโลกได้ตระหนักถึงปัญหานี้ และเตรียมการรับมืออย่างทันท่วงทีในอนาคต

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook