“อาหารเสริมกันแดด” ได้ผลจริง หรือแค่คำโฆษณา?

“อาหารเสริมกันแดด” ได้ผลจริง หรือแค่คำโฆษณา?

“อาหารเสริมกันแดด” ได้ผลจริง หรือแค่คำโฆษณา?
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

แดดเปรี้ยงๆ จนแสบผิวในบ้านเรา ต้องมีตัวช่วยที่สำคัญอย่าง “ครีมกันแดด” ที่จะปกป้องผิวของเราจากความหมองคล้ำ แห้งกร้าน ริ้วรอย จุดด่างดำ ฝ้า กระ รวมไปถึงการปกป้องผิวจากการเป็นมะเร็งผิวหนัง ครีมกันแดดถูกพัฒนาให้เราได้ใช้ในหลายรูปแบบ ไม่ว่าเป็นครีม โลชั่น เจล สเปรย์ หรือแม้กระทั่งมูสที่สามารถลูกไล้ทั่วร่างกาย ปกป้องผิวจากทั้ง UVA และ UVB และไม่ทำให้ผิวเหนอะหนะได้

อย่างไรก็ตาม นวัตกรรมใหม่อย่าง วิตามิน หรืออาหารเสริมที่ทานแล้วช่วยปกป้องผิวจากแสงแดดได้เหมือนครีมกันแดด กลายเป็นอีกวิธีกันแดดอีกรูปแบบหนึ่งที่เริ่มเป็นที่สนใจของสาวๆ หนุ่มๆ หลายคนที่อยากมีผิวขาวสวยสุขภาพดีจากภายในสู่ภายนอก แต่การทานอาหารเสริมเหล่านี้ ช่วยกันแดดให้ผิวได้จริงๆ หรือ

 

สำนักคณะกรรมการอาหาร และยาของสหรัฐ หรือ FDA ได้จัดการส่งจดหมายเตือนไปที่บริศัทผู้ผลิตอาหารเสริมกันแดดทั้ง 4 รายในอเมริกา เพื่อเป็นการย้ำเตือนทั้งผู้ผลิต และผู้บริโภคว่า “ไม่มียาเม็ด หรือแคปซูลใดๆ ที่ใช้แทนครีมกันแดดได้”

บริษัทผู้ผลิตอาหารเสริมกันแดดรายหนึ่ง ให้ข้อมูลกับ TIME ว่า จากประกาศของสำนักคณะกรรมการอาหาร และยาของสหรัฐ ระบุว่าผลิตภัณฑ์ และคำอธิบายสินค้าของพวกเขา “อาจทำให้ผู้บริโภคมีความเสี่ยงต่อความเข้าใจผิดๆ ว่าอาหารเสริมเหล่านี้สามารถปกป้องผิวจากแสงแดด ไม่ให้ผิวถูกทำร้ายจนแสบร้อน ลดริ้วรอยที่มีสาเหตุมาจากแสงแดด และปกป้องผิวจากการเป็นมะเร็งผิวหนังได้” แต่ผู้ผลิตรายหนึ่งได้ออกมาให้ข้อมูลว่า ผลิตภัณฑ์ของพวกเขา “ผลิตจากส่วนผสมที่ผ่านการวิจัยทางการแพทย์มาแล้วว่า สามารถปกป้องผิวจากการถูกทำร้ายได้จริง แต่ถ้าให้พูดกันตามความเป็นจริง แสงแดด และแสงยูวียังคงเป็นอันตรายต่อผิว เราไม่ได้โฆษณาผลิตภัณฑ์อาหารเสริมของเราให้ใช้แทนครีมกันแดด เราไม่ได้บอกผู้บริโภคว่าพวกเขาไม่จำเป็นต้องใช้ผลิตภัณฑ์ใดๆ ในการป้องกันผิวจากแสงแดดอีก รวมไปถึงครีมกันแดดที่ใช้กันอยู่ตามปกติ ไม่ว่าอย่างไรพวกเราทุกคนก็ยังควรที่ระมัดระวังผิวไม่ให้สัมผัมกับแสงแดดเป็นเวลานานเหมือนเดิมอยู่ดี”

อย่างไรก็ตาม การใช้ครีมกันแดด และวิธีป้องกันแดดในรูปแบบที่เราใช้กันอยู่ ก็ยังเห็นผลดี และปลอดภัยอยู่เหมือนเดิม เราควรทาครีมกันแดดที่มี SPF มากกว่า 15 ขึ้นไป และ PA+++ ขึ้นไปที่ผิวหนัง ทั้งใบหน้า ลำคอ แขน ขา และส่วนที่สัมผัสกับแสงแดด ก่อนออกไปสัมผัสกับแสงแดดจริงราว 10-15 นาที และถ้าต้องอยู่กลางแจ้งนานๆ ควรทาครีมกันแดดซ้ำทุกๆ 2-3 ชั่วโมงด้วย (หากต้องออกกำลังกาย หรือเล่นกีฬาทางน้ำที่ต้องทำให้ร่างกายเปียกน้ำ ก็ควรเลือกผลิตภัณฑ์กันแดดที่ป้องกันน้ำได้ด้วย) เพื่อให้ผลิตภัณฑ์กันแดดมีประสิทธิภาพในการปกป้องผิวหนังจากแสงแดดได้อย่างมีประสิทธิภาพที่สุด

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook