Review Call of Duty Black Ops 4 หวนคืนสู่เหย้า เกมยิงเบอร์หนึ่ง

Review Call of Duty Black Ops 4 หวนคืนสู่เหย้า เกมยิงเบอร์หนึ่ง

Review Call of Duty Black Ops 4 หวนคืนสู่เหย้า เกมยิงเบอร์หนึ่ง
แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook

ย้อนกลับไปในปี 2007 Call of Duty 4: Modern Warfare ได้ฉีกแนวทางของตัวเองจากการทำเกม FPS ในยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 กลายมาเป็นสงครามในยุคปัจจุบัน ณ ตอนนั้น Story ของตัวเกมก็ยังไม่มีอะไรให้น่าจดจำมากสักเท่าไร นอกจากตัวละครอมตะอย่าง Captain John Price ที่โผล่มาตั้งแต่ภาคแรกของซีรี่ส์ ตัวเกมมาพร้อมกับระบบ Multiplayer ที่มีระบบล้ำยุคเป็นอย่างมาก จนทำให้เกมนี้ติดอันดับเกมที่มีผู้เล่นออนไลน์สูงที่สุดในโลก ณ เวลานั้นเลยทีเดียว (นึกถึง PUBG สมัยนี้)

ปี 2009 Call of Duty: Modern Warfare 2 ได้ตอกย้ำความสำเร็จของซีรี่ส์ไปอีกขั้น ด้วยยอดขาย 24 ชั่วโมงแรกที่ 4.7 ล้านชุดทั่วโลก ตัวเกมมาพร้อมกับ Story Mode ขั้นเทพ และมีฉากจบที่ข้างคาใจผู้เล่นทั่วโลก พร้อมกับระบบ Multiplayer ที่ปรับปรุงไปอีกขั้น ชื่อของ Call of Duty ได้กระจายออกไปกว้างมากยิ่งขึ้น สร้างฐานแฟนๆหน้าใหม่ได้ทั่วโลก และผู้คนต่างรอคอยการมาของ Modern Warfare 3 ที่จะมาเขย่าวงการเกมอีกครั้ง

จนกระทั่ง

Call of Duty: Black Ops วางขายปี 2010 ณ ตอนนั้นทั่วโลกได้ทุกหยุดเอาไว้ ด้วยยอดขายวันแรกที่ 5.6 ล้านชุด ตัวเกมไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรเลยกับ Modern Warfare 2 แต่ในภาคนี้ผู้เล่นจะได้รับบทเป็น Alex Mason ที่ถูกบังคับล้างสมอง และถูกส่งไปทำภารกิจลับ(ไม่ดีเท่าไร)จากคนระดับสูงของ CIA หรือที่เรียกที่ได้ว่า Black Operations อยู่ในยุค 60-70 อีกสิ่งนึงที่แตกต่างจากซีรี่ส์ Modern Warfare นั้นก็คือ ตัวเกมจะมีความดิบ เถื่อน และโหดขึ้นมาก

แน่นอนว่าตัวเกมก็ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดีครับ ในปี 2012 Black Ops 2 ได้วางจำหน่าย ณ เวลานั้นตัวเกมต้องเจอกับมรสุมใหญ่อย่าง Battlefield 3 ที่ทำให้เกิดสงครามในโลกจริงๆ เช่นการตีกันระหว่างแฟนเกมทั้ง 2 ฝ่าย แต่ Call of Duty ก็ยังมีจุดยืนของตัวเอง แต่ถึงแบบนั้นเอง ตัวเกมก็ยังโดนคำวิจารณ์จากหลายๆสื่อว่า ไม่มีการพัฒนาอะไรใหม่ๆเลยก็เถอะ

ตรงนี้เรามาทำความเข้าใจก่อนว่า ทีมพัฒนาที่รับผิดชอบทำ Call of Duty นั้นมีอยู่ด้วยกันทั้งหมด 3 ทีมด้วยกัน ประกอบไปด้วย

Infinity Ward ( ทีมผู้ให้กำเนิดซีรี่ส์ 2003-ปัจจุบัน) : Modern Warfare, Ghosts, Infinite Warfare Treyarch (2005–ปัจจุบัน) : World at War, Black Ops Sledgehammer Games (2011-ปัจจุบัน) : Advanced Warfare, WWII

หลังจากนั้นก็มีสารพัด Call of Duty ออกมาวางขายให้เหล่าสาวกเสียตังกันหลายภาคจนนับไม่ถ้วน หลังจาก Black Ops 2 ซีรี่ส์นี้ก็พบเจอกับวิกฤตหลายอย่างมากมาย ที่ส่วนมากจะเป็นคำวิจารณ์ในแง่ลบ พร้อมกับกระแส Hater จากทั่วโลก เนื่องจากว่าตัวเกมออกวางขายรายปี แถมยังมีการนำเอาไปเปรียบเทียบกับเกมคู่แข่งอย่าง Battlefield อีกด้วย

“the disappointment”

Call of Duty: Black Ops 3 เปิดตัววางขายในปี 2015 นี่เป็นครั้งแรกที่ตัวเกมซีรี่ส์ Black Ops ได้ถูกวิจารณ์ไปในทางที่แย่ ซึ่งมันก็แย่จริงๆในทุกๆด้าน สิ่งที่ไม่น่าให้อภัยที่สุด ก็น่าจะเป็นเนื้อเรื่องของเกม ที่ไม่ค่อยจะเกี่ยวข้องอะไรกับ 2 ภาคแรก แถมยังมี Timeskip จากภาค 2 มากถึง 40 ปี ตัวเกมในโหมด Multiplayer และ Zombie ดันถูกวิจารณ์หนักกว่าเข้าไปอีก ทั้งเรื่องความสมดุลของอาวุธปืน การออกแบบฉากภายในเกมที่ทำออกมาได้แย่ ระบบ Micro-transaction ปลดล็อคปืน และฉากในโหมด Zombie ที่มีเพียงแค่ฉากเดียว (ที่เหลือก็ DLC) ยังไม่นับปัญหาของ Performance ในเวอร์ชั่น PC ที่แย่สุดๆอีกด้วย

จนตอนนี้ผ่านมา 3 ปีเต็มแล้วก็ถึงเวลาที่ Black Ops 4 จะกลับมา หลังจากปล่อยให้ทีมอื่นๆปล่อยของมาหลายปี Treyarch มีเวลามากถึง 3 ปีเต็มในการพัฒนาตัวเกมภาคใหม่ให้กลับมาเข้าสู่ยุค Next Gen อย่างแท้จริงกันสักที

และพวกเขาก็ทำออกมาได้ยอดเยี่ยมอย่างไร้ที่ติ Black Ops.. IS Back !!

Call of Duty: Black Ops 4 เป็นเกม FPS วางจำหน่ายในแบบ Multi Platform หากเรานับแค่ตัวเลขของเกมภาคหลักๆ Black Ops 4 ถือเป็นภาคที่ 15 และตั้งแต่ซีรี่ส์ Call of Duty เปิดตัวมาในปี 2003 ปีนี้ก็ถือว่าครบรอบ 15 ปีพอดีครับ ตัวเกมในภาคนี้ได้ตัด Story Mode ที่เป็นเหมือนลายเซ็นหลักๆของตัวเกมออกไป เหลือไว้เพียงแค่ Multiplayer Mode, Zombie Mode, และแน่นอน Blackout Mode หรือ Battle Royale โหมดการเล่นที่เป็นกระแสหลักของเกมในยุคนี้ครับ

ในตอนแรกที่ตัวเกมประกาศออกมาว่า Black Ops 4 จะไม่มีโหมดเนื้อเรื่อง แต่จะเพิ่มโหมด Blackout เข้ามาแทน ผมเองที่ชอบภาค Black Ops มากที่สุดถึงกับสาปส่งตัวเกมตั้งแต่ยังไม่ได้วางจำหน่าย เพราะหลังจากที่ผิดหวังกับ Black Ops 3 ไป ตัวผมก็หมดหวังกับซีรี่ส์นี้อย่างจริงจังแล้ว สิ่งที่ไม่น่าให้อภัยที่สุดก็คือการที่ตัวเกมมันดันใช้ชื่อ Black Ops ภาคที่ 4 แต่ไม่มี Story Mode ให้เล่นนี่ล่ะ (แล้วจะทำภาคต่อทำ….อะไร)

จนเมื่อผมได้ดูตัวอย่างเกมครั้งแรก ทันทีที่ได้ดูผมกลับรู้สึกชอบมันขึ้นมาซะงั้น ตัวเกมได้โชว์ให้เห็นถึง Gameplay รูปแบบใหม่ๆ ที่ยังคงความดั้งเดิมของ Call of Duty เอาไว้ โดยการเพิ่มระบบ Class Skill เข้ามา และเน้นการเล่นแบบ Team Work มากยิ่งขึ้น อีกทั้งสิ่งนึงที่ผมสังเกตได้เลยก็คือ การกระโดดไต่กำแพง หรืออาวุธปืนโคตร Hi-Tech มันหายไปแล้ว !!

สิ่งหนึ่งที่ทำให้แฟนๆเกมส่วนมากไม่ชอบ Call of Duty ยุคใหม่ๆ นั้นก็คือการที่ตัวเกมมันเล่นแต่ธีมโลกอนาคต ที่ผู้เล่นต่างกันใส่ชุดไอร่อนแมน มาพร้อมกับปืนอนาคตสุดล้ำที่ไม่ได้มีในชีวิตจริง และ Gameplay ที่เร็วซะจนมองไม่ทัน แฟนๆเกมยังคงโหยหาถึงบรรยากาศเดิมๆ แบบในภาค Modern Warfare 2 หรือบรรยากาศยุคสงครามโลกครั้งที่ 2 และ สงครามเย็น แต่สิ่งที่พวกเขาได้รับตลอดหลายปีก็คือโลกอนาคตของ Call of Duty นี่ล่ะครับ

ใน Black Ops 4 นั้นตัวเกมจะย้อนเวลากลับไปในช่วงของ Timeskip 40 ปีระหว่าง Black Ops 2 และ Black Ops 3 โดยธีมภายในเกมนี้ก็จะเรียกว่าเป็นยุคอนาคตก็ได้ แต่ก็ไม่เวอร์วังถึงขนาดฝังชิบไว้ในหัว หรือมีแขนกลพิเศษฟังอยู่ในตัวอะไรแบบนั้น ตัวละครในเกมก็ยังคงเป็นทหารธรรมดาๆ ที่มีอุปกรณ์พิเศษสุด Hi-Tech ตามยุคนั้นแหล่ะครับ โดยในภาคนี้เราจะได้เห็นตัวละครจาก Black Ops 3 กลับมาร่วมแจมในสนามรบแบบครบเซ็ตอีกด้วย

Story Mode ??

ถึงแม้ว่าตัวเกมจะตัด Story Mode ออกไป ก็ใช่ว่าเกมนี้จะไม่มีเนื้อเรื่องอะไรเลย ภายในเกมจะมีโหมด Specialist HQ ให้ได้เล่นกันเป็นตัวละครต่างๆภายในเกม โดยก่อนเริ่มและหลังจบภารกิจ เราก็จะได้ดู Cutscene ต่างๆ โดยไอ่เจ้า Cutscene พวกนี้แหล่ะ คือการเล่าเรื่องของ Black Ops 4 ครับ

ตัวเกมเปิดมาจะพูดถึง Savannah Mason ลูกสาวของ David Mason (ตัวละครหลักภาค 2) ที่เป็นลูกชายของ Alex Mason (ตัวละครหลักภาคแรก) ที่ได้จัดตั้งหน่วยรบพิเศษขึ้นมา และมีการฝึกผ่านเครื่องจำลองที่จะมี ตัวละครหลักอีกหนึ่งตัวอย่าง Woods (เวอร์ชั่นจำลอง) มาช่วยสอน Basic ให้กับเรา หรือเข้าใจง่ายๆ มันก็คือ Tutorial mode ดีๆนั้นเอง

จากการคำนวนของผมแล้ว ใน Black Ops 4 น่าอยู่ในช่วงเวลาหลักจากผ่านเหตุการณ์ในภาค 2 ประมาณ 20 กว่าปี และเป็นเหตุการณ์ก่อนภาค 3 20 กว่าปี แต่ถึงแบบนั้น ผมก็ยังหาคำอธิบายไม่ได้ว่าทำไมตัวละครในโหมด Multiplayer ของ Black Ops 3 (ที่ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเนื้อเรื่องหลัก) มาโผล่ใน Black Ops 4 โดยดูเหมือนว่าจะกลายเป็นตัวละครของเนื้อเรื่องหลักไปแล้ว

และข้อมูลจาก wikia ก็แสดงให้เห็นว่าตัวละครจากภาค 3 นั้นเกิดในช่วงปี 2040 กันส่วนมาก แต่เหตุการณ์ใน Black Ops 2 คือช่วงปี 2025 และตัวละครใหม่ของ Black Ops 4 ก็เกิดในช่วงปี 2023 เข้าไปอีก จนถึงจุดนี้ผู้อ่านก็น่าจะงงกันบ้าง บางคนอาจจะงงเนื้อเรื่องภายในเกม หรือบางคนอาจจะงงสิ่งที่ผมกำลังพูดอยู่ก็เป็นได้ครับ

แต่สิ่งที่น่าจะอธิบายได้ง่ายที่สุด ก็คือ Black Ops 3 อาจจะไม่ใช่เนื้อเรื่อง Canon หรือไม่ก็เป็นตัว Black Ops 4 เองที่ไม่ใช่ Canon เพราะอย่าลืมครับว่าใน Black Ops 2 มีฉากจบมากถึง 5 แบบ และก็ไม่มีการยืนยันอะไรจากปาก Treyarch เลยว่าแบบไหนคือ Canon Ending แต่การเปิดตัวของ Savannah Mason ลูกสาวของ David Mason นั้นก็อาจจะเป็นตัวบ่งบอกถึงอะไรบางอย่างที่เรายังไม่รู้จนกว่าจะมี Black Ops 5 นั้นล่ะครับ

Multiplayer Mode

เป็นครั้งแรกของซีรี่ส์ ที่รื้อถอดระบบของตัวเกมออกมาทำใหม่ทั้งหมด แต่ยังคง Gunplay แบบเดิมๆเอาไว้ แต่ในภาคนี้จะไม่มีการ Regenerate Health อีกต่อไปแล้ว ใช่แล้วครับท่านอ่านไม่ผิด แต่ตัวเกมจะบังคับให้ผู้เล่นใช้ยาฉีดเพิ่มพลังชีวิตเองตลอดเวลา โดยมาในรูปแบบสกิลติดตัวที่สามารถกดใช้เมื่อไรก็ได้ และมี Cooldown ครับ

ในภาคนี้ตัวเกมจะเน้นการเล่นแบบ Teamwork มากยิ่งขึ้นเพราะฉะนั้นการที่จะเป็น One Man Show แบบในภาคก่อนๆ ก็อาจจะไม่ใช่ความคิดที่ดีสักเท่าไร ตัวเกมจะมี Specialists หรือตัวละครหลักๆ ให้ผู้เล่นเลือกก่อนเริ่ม Match โดยแต่ละตัวก็จะมีสกิลที่แตกต่างกันออกไป แต่การเลือก Specialists มาใช้ จะไม่เกี่ยวกับ Level ของผู้เล่น และไม่มี Loadout แยกออกไป สิ่งเดียวที่แตกต่างไปก็คือสกิล และรูปร่างหน้าตาของตัวละครนั้นล่ะครับ

หากเข้าใจกันง่ายๆ มันก็คือการนำเอา Overwatch มาผสมกับ Rainbow Six Siege นั้นแหล่ะครับ โดย Specialists ในเกมนี้จะมีความสามารถมากมายหลายแบบมาก แต่ละตัวก็จะมีสกิล Ultimate ประจำตัวด้วย เช่นอย่าง “Ruin” มีสกิลติดตัวคือ Grapple Gun และมีสกิล Ultimate อย่าง Grav Slam ที่กระโดดถล่มใส่พื้นสร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง

หรืออย่าง Ajax ที่มีสกิลติดตัวอย่างแรก คือระเบิด 9-Bang หรือก็คือ stun grenade เวอร์ชั่นอัพเกรด ที่ทำให้ศัตรูมีอาการมึนงงไม่สามารถทำอะไรได้ มาพร้อมกับสกิล Ultimate ที่ตัว Ajax จะกางโล่ Ballistic Shield ออกมาป้องกันการโจมตีทุกประเภท แถมยังติดตั้งปืน Machine Pistol เอาไว้ใช้งานขณะกางโล่อยู่อีกด้วย

โดยการทำงานของสกิลพวกนี้ก็ขึ้นอยู่กับตัว Specialists นั้นๆครับ เช่นอย่าง Ruin ที่จะยิง Grapple Gun ได้บ่อยๆ เพราะมี Cooldown ค่อนข้างน้อย แต่ Ajax ก็จะปาระเบิด 9-Bang ไม่ได้บ่อยนัก เพราะมี Cooldown ค่อนข้างเยอะ ส่วนสกิล Ultimate ก็จะมีหลักการทำงานเหมือนเกม Overwatch ที่ถ้าผู้เล่นทำการ Action มากขึ้น หรือรอเวลาจนครบ สกิล Ultimate ก็จะปลดล็อคให้ใช้ได้ครับ

อย่างที่ผมได้บอกไปว่าภาคนี้จะไม่มีการ Regenerate Health เรามาทำความเข้าใจกันก่อนว่า ถึงแม้ว่าจะไม่มีระบบนี้ ก็ไม่ใช่ว่าจะฟื้นฟูพลังชีวิตตัวเองไม่ได้เลย (ไม่ใช่ Counter Strike นะเออ) เริ่มต้นมาผู้เล่นจะมีพลังชีวิตที่ 150 สามารถใส่ชุดเกราะได้หากต้องการ เมื่อผู้เล่นโดนดาเมจไม่ว่าจากอะไรก็ตาม พลังชีวิตก็จะลดลงไปทันที แต่ผู้เล่นสามารถฟื้นฟูพลังชีวิตจนเต็มได้ โดยการใช้ Stim Shot โดยจะมาในรูปแบบ Skill ติดตัวสำหรับทุกคน แน่นอนว่ามันมี Cooldown และ เมื่อใช้ Stim shot แล้ว พลังชีวิตก็จะค่อยๆฟื้นฟูเรื่อยๆจนเต็มภายในครั้งเดียว ไม่ว่าจะมีพลังชีวิตน้อยแค่ไหนก็ตามครับ

ตัวเกมยังมีระบบ Create a Class เหมือนเดิม เพราะอย่างที่ผมบอกไปว่าถึงแม้จะมี Specialists ให้เลือกเล่น แต่ Loadout ก็ขึ้นอยู่กับตัวผู้เล่นเองอยู่ดีว่าจะใช้อาวุธแบบไหน การปรับแต่ง Class ของตัวเองก็ยังคงเหมือนภาคก่อนๆ ที่ผู้เล่นสามารถใส่ของได้ 10 อย่างเท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นปืน ของแต่งปืน Perk ต่างๆ ทั้งหมดรวมกันได้ไม่เกิน 10 อย่าง

มาพูดถึงเรื่อง Gameplay และ Gunplay กันบ้าง ปกติแล้วซีรี่ส์ Call of Duty จะขึ้นชื่อเรื่องการ Action ที่รวดเร็วไม่อิงความสมจริง และยิ่งในภาคหลังๆ Gameplay ก็เร็วขึ้นมาก ราวกับเป็นสงครามระหว่างยอดมนุษย์ในชุดเกราะ สำหรับใน Black Ops 4 เอง ตัวเกมได้ตัดยอดมนุษย์เหล่านั้นออกไป เหลือไว้เพียงแค่ทหารธรรมดา ที่มีอุปกรณ์ Hi-Tech เท่านั้นเองครับ โดยจะให้ความรู้สึกคล้ายๆกับ Black Ops 2

และอย่างที่ได้บอกไปว่าในภาคนี้ตัวเกมได้ตัดระบบ Regenerate Health ออก และบังคับให้ผู้เล่นกดใช้ Stim Shot ฟื้นฟูพลังชีวิตเอาเอง แถมยังมีสกิลตาม Specialists ต่างๆอีก ทำให้ Gameplay ไม่ได้รวดเร็วแบบภาคก่อนๆอย่างแน่นอนครับผม

ระบบ Scorestreaks หรือ Killstreaks ก็ยังคงอยู่เช่นเดิมไม่หายไปไหนครับ ในภาคนี้จะมี Streaks ให้ใช้ 15 แบบด้วยกัน อย่างพวก UAV, Hellstrom, Lightning Strike, Care Package, และอื่นๆอีกมาก

อีกสิ่งนึงที่ไม่พูดไม่ได้ก็คือโหมดการเล่นครับ สำหรับ Black Ops 4 ดูเหมือนว่าทีมงานจงใจจะนำเอาโหมดใหม่ “Control” มาเป็นตัวชูโรง โดยจะมีการแบ่งทีมเป็น 5V5 ฝ่ายบุก และฝ่ายป้องกัน โดยที่ฝ่ายบุกต้องเข้าไปยึดต่ำแหน่ง A และ B ก่อนเวลาหรือแต้มเกิดหมด ระบบนี้จะคล้ายๆกับ โหมด Assault ของ Overwatch ครับ และก็ยังมีโหมดใหม่ “Heist” ที่อธิบายง่ายๆเลยมันก็คือการนำเอา Counter Strike มาใส่ใน Call of Duty นั้นล่ะ

แต่ถึงแบบนั้นตัวเกมก็ยังคงมีโหมดการเล่นดั้งเดิมไม่ว่าจะเป็น Team Deathmatch, Kill Confirmed, Hardpoint, Domination มาพร้อมกับโหมด Hardcore ต่างๆ สิ่งนึงที่ผมชอบมากๆสำหรับเกมในภาคนี้คือการนำเอาด่านจากภาค 1 และ ภาค 2 มา Remake ใหม่ภาคละ 2 ด่าน และมีด่านดั้งเดิมใหม่ถึง 10 ด่าน และแน่นอนครับว่าการกลับมาของ Nuketown ที่จะเป็น Free Update ให้ผู้เล่นทุกคนเร็วๆนี้ครับ

 

แชร์เรื่องนี้
แชร์เรื่องนี้LineTwitterFacebook